วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

ราคาทองคำ XAU/USD เปิดตลาดเช้าวันจันทร์ โดยที่ราคายังไม่สามารถผ่านระดับ 4,000 ดอลลาร์ไปได้ นี่คือการปรับตัวลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ท่ามกลางแรงกดดันจากสองปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์ปลอดภัยโดยตรง นั่นคือท่าทีที่แข็งกร้าว (Hawkish) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และความคืบหน้าที่ดูเหมือนจะเป็นบวกในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน

นักลงทุนในตลาดกำลังจับตาดูแนวรับจิตวิทยาสำคัญที่ 4,000 ดอลลาร์ อย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันก็รอคอยการเปิดเผยตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ จาก ISM ในคืนวันนี้ เพื่อประเมินทิศทางเศรษฐกิจและแนวโน้มนโยบายการเงินต่อไป

สัญญาณจากเฟดและสันติภาพการค้า สองปัจจัยกดดันทองคำ

ปัจจัยลบที่ชัดเจนที่สุดในขณะนี้คือการคลี่คลายของความตึงเครียดทางการค้า หลังจากประธานาธิบดี Donald Trump และประธานาธิบดี Xi Jinping บรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการยกระดับสงครามการค้าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

โดย Trump ตัดสินใจลดภาษีจาก 57% เหลือ 47% เพื่อแลกกับการที่จีนระงับการควบคุมการส่งออกแร่หายาก (rare earths) และเพิ่มการซื้อถั่วเหลืองจากอเมริกา

พัฒนาการเชิงบวกนี้ช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก และลดความต้องการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์หลบภัยลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นอกจากนี้ ยังมีท่าทีของ Fed ที่แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 basis points ในการประชุมเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ลงสู่กรอบ 3.75%-4.0% ตามที่ตลาดคาด แต่ถ้อยแถลงของประธาน Fed อย่าง Jerome Powell กลับสร้างความประหลาดใจ

Powell กล่าวชัดเจนว่าการลดดอกเบี้ยครั้งที่สามติดต่อกันในเดือนธันวาคมยังไม่ใช่ข้อสรุปที่ตายตัว

ความเห็นที่ค่อนข้าง Hawkish นี้ ทำให้ตลาดต้องประเมินสถานการณ์ใหม่ทันที โดยโอกาสที่จะมีการลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม (อ้างอิงจาก Fed Funds Rate) ลดลงจาก 90% ก่อนการประชุม เหลือเพียง 63% ในปัจจุบัน การที่ตลาดยังคงคาดหวังการลดดอกเบี้ยรวม 82 bps ภายในสิ้นปี 2026 จึงดูเป็นเส้นทางที่ยาวไกลขึ้น

จุดวัดใจทองคำ $4,000 นักวิเคราะห์มองอย่างไรในตลาดที่ผันผวน

แม้จะมีแรงขายกดดันต่อเนื่อง แต่ราคาทองคำก็ดูเหมือนจะเริ่มตั้งหลักได้บริเวณ 4,000 ดอลลาร์ ตลาดกำลังรอความชัดเจนเพิ่มเติมเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ มุมมองของนักวิเคราะห์ในขณะนี้สะท้อนถึงสภาวะตลาดที่กำลังชั่งน้ำหนักระหว่างปัจจัยบวกและลบ

Aaron Hill จาก FP Markets ให้ความเห็นว่า ตลาดกำลังเผชิญกับสภาวะการซื้อขายที่ผันผวนเพื่อหาจุดสมดุลใหม่ เขากล่าวว่า ราคาทองคำกำลังยื้อกันที่ 4,000 ดอลลาร์ เพราะท่าทีของ Fed ที่อาจจะไม่ลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม และการพักรบการค้ากำลังดึงความสนใจออกจากนักลงทุน

แต่ในขณะเดียวกัน ดัชนี VIX (ดัชนีวัดความกลัว) ที่ยังยืนเหนือระดับ 16 จุด ก็ยังดึงดูดเม็ดเงินที่ต้องการกระจายความเสี่ยงให้ไหลเข้ามาในทองคำอยู่

เขายังคงมองบวกในระยะยาว และเชื่อว่าการเข้าซื้อของธนาคารกลางและการป้องกันความเสี่ยงในพอร์ตโฟลิโอจะเป็นฝ่ายชนะในที่สุด โดยมองว่าการย่อตัวต่ำกว่า 3,950 ดอลลาร์ คือโอกาสในการเข้าซื้อ

ภาพใหญ่ยังกระทิง ยังมีแรงหนุนจากธนาคารกลาง พร้อมคาดการณ์ปี 2026

แม้ว่าการปรับฐานระยะสั้นจะทำให้ราคาทองคำร่วงลงมาแล้วประมาณ 11% จากจุดสูงสุดในสัปดาห์ก่อน แต่มองในภาพที่ใหญ่ขึ้น ตลาดดูเหมือนจะสบายใจกับการยืนในระดับราคาที่สูงเช่นนี้ และความเชื่อมั่นในระยะยาวยังคงแข็งแกร่งอย่างมาก

หลักฐานที่ชัดเจนมาจากงานประชุม Global Precious Metals Conference ของสมาคมตลาดทองคำลอนดอน (LBMA) ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมได้คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะพุ่งขึ้นไปทดสอบแนวต้านใกล้ระดับ 5,000 ดอลลาร์ ภายในช่วงเวลานี้ของปีหน้า ซึ่งคิดเป็นการปรับขึ้นราว 25% จากราคาปัจจุบัน นี่ถือเป็นมุมมองที่เป็นบวกมากที่สุดจากผู้เข้าร่วม LBMA ในรอบหลายปี

มุมมองนี้สอดคล้องกับธนาคารยักษ์ใหญ่หลายแห่ง ทั้ง HSBC, Bank of America และ Société Générale ที่ต่างก็คาดการณ์ว่าทองคำจะไปถึง 5,000 ดอลลาร์ในปี 2026

ปัจจัยที่ต้องจับตา ดัชนี้ ISM ตลาดแรงงาน และความเสี่ยง Shutdown

ในระยะสั้น ปัจจัยที่จะกำหนดทิศทางราคาทองคำคือข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในวันนี้ คือดัชนี ISM Manufacturing PMI ประจำเดือนตุลาคม ซึ่งจะให้สัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ หากรายงานออกมาอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ อาจสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และช่วยพยุงราคาทองคำในฐานะสินค้าโภคภัณฑ์ที่ซื้อขายในสกุลดอลลาร์ได้บ้าง

นอกจากนี้ ตลอดสัปดาห์ยังมีข้อมูลสำคัญอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ในวันพุธ, ดัชนี ISM ภาคบริการ และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันพฤหัสบดี ปิดท้ายด้วยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนในวันศุกร์ ข้อมูลเหล่านี้จะชี้วัดสุขภาพของตลาดแรงงานและแรงกดดันเงินเฟ้อ ซึ่ง Fed ใช้ในการตัดสินใจ

ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงเรื่อง Government Shutdown ก็เป็นอีกประเด็นที่ตลาดจับตา หากรัฐบาลไม่สามารถผ่านกฎหมายงบประมาณใหม่ได้ภายในวันเสาร์นี้ กองทุนสำหรับโครงการ SNAP (โภชนาการ) อาจได้รับผลกระทบ ซึ่งจะส่งผลต่อชาวอเมริกัน 1 ใน 8 และอาจเริ่มส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม

อัปเดตต่อเนื่องจากบทวิเคราะห์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จากภาพกราฟ 4 ชั่วโมงล่าสุด จะเห็นได้ชัดเจนว่า สัญญาณ Bearish Crossover จาก Stochastic RSI ที่เกิดขึ้นในเขต Overbought ได้ส่งผลกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงจริงตามคาด โดยราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านจิตวิทยา 4,000 ดอลลาร์ ได้อย่างมั่นคง

การย่อตัวครั้งนี้ทำให้ราคาหลุดต่ำกว่ากลุ่มเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น (EMA 12 และ 26 สีฟ้าและสีแดง) ซึ่งเป็นการยืนยันว่าแรงซื้อในรอบที่แล้วได้อ่อนกำลังลงแล้ว และตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงพักฐานหรือปรับฐาน

สถานการณ์ในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้าจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยจุดที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดที่สุดคือบริเวณ 3,950 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 (เส้นสีส้ม) ที่สำคัญมากสำหรับแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลาง

หากราคาสามารถยืนเหนือเส้นนี้ได้ ก็ยังมีลุ้นที่จะสะสมกำลังเพื่อดีดตัวกลับ แต่หากหลุดแนวรับนี้ไป โมเมนตัมจะเปลี่ยนเป็นลบทันที

เมื่อพิจารณาจากอินดิเคเตอร์ประกอบ จะเห็นว่าดัชนี RSI ได้หักหัวลงกลับมาสู่ระดับ 50 ซึ่งสะท้อนว่าโมเมนตัมฝั่งซื้อได้หายไปและกำลังเข้าสู่ภาวะที่ค่อนข้างเป็นกลาง ขณะที่ Stochastic RSI ยังคงดิ่งหัวลงอย่างต่อเนื่องและยังไม่ถึงเขต Oversold (ภาวะขายมากเกินไป) นั่นหมายความว่ายังมีพื้นที่ให้แรงขายกดดันราคาลงไปได้อีก

นอกจากนี้ หากเรามองในด้าน Channel จะเห็นได้ว่า ทองคำยังคงอยู่ใน Channel ขาลงมาตั้งแต่ทำจุดสูงสุดที่บริเวณ 4,381 ดอลลาร์ และตราบใดที่ราคายังไม่สามารถ Brake Out ออกมาได้ ราคาก็ยังคงมีโอกาสปรับตัวลงต่อไป

ดังนั้น เราจึงประเมินว่าในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้าราคาทองคำจะอยู่ภายใต้แรงกดดันสูง ตราบใดที่ราคายังไม่สามารถกลับไปยืนเหนือแนวต้าน 4,000 และสามารถ Brake Out Channel  ได้ แนวโน้มยังคงเอียงไปทางการย่อตัว โดยมีโอกาสสูงที่ราคาจะพยายามทดสอบและหลุดแนวรับ EMA 200 ที่ 3,950 ดอลลาร์

หากเป็นเช่นนั้น เป้าหมายถัดไปที่แรงขายจะมุ่งหน้าไปทดสอบคือแนวรับสำคัญถัดไปในโซน $3,900 (แนวรับฟีโบนัชชี 38.2%) ซึ่งบริเวณนั้นอาจเป็นจุดพิจารณาเข้าซื้อรอบใหม่ที่ปลอดภัยกว่าสำหรับนักลงทุน

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,950

• $3,900

• $3,823

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $4,000

• $4,057

• $4,087