ดัชนีหุ้นคืออะไร?

คุณอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับดัชนีหุ้น NASDAQ 100, Nikkei 225 และ Dow Jones ช่วงข่าวเศรษฐกิจตอนเช้าและเย็นของวัน คุณอาจสงสัยว่า ดัชนีหุ้นคืออะไร? สำคัญอย่างไร? คุณจะหาประโยชน์จากดัชนีเหล่านี้อย่างไร? บทความนี้มีคำตอบกับคุณ
ดัชนีหุ้นคืออะไร?
ดัชนีหุ้น (Stock Index) คือ ตัวเลขที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่ดัชนีอ้างอิง เช่น ดัชนี SET High Dividend 30 ที่สะท้อนราคาของ 30 บริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูง สภาพคล่องสูงและเงินปันผลสูง
เกณฑ์สำคัญของดัชนีหุ้นคือ สามารถลงทุนได้และโปร่งใส มีหลายกองทุนรวมที่อ้างอิงดัชนีต่าง ๆ เช่น SET50 และ SET100 ซึ่งเรียกว่า กองทุนรวมดัชนี โดยที่ความแตกต่างระหว่างผลงานของกองทุนรวมดัชนีและดัชนีที่อ้างอิงเรียกว่า ค่า Tracking Error
ยิ่งค่า Tracking Error ต่ำเท่าไหร่ แสดงว่า กองทุนรวมดัชนีนั้นสามารถลงทุนเลียนแบบดัชนีที่อ้างอิงได้มีประสิทธิภาพมากกว ่ากองทุนรวมดัชนีที่มีค่า Tracking Error สูงกว่า
วิธีการคำนวณดัชนีหุ้น
เราสามารถแบ่งการคำนวณดัชนีหุ้นออกเป็น 3 รูปแบบ
▲ ดัชนีหุ้นที่ถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตลาด (Capitalization-weighted Index) คือ หุ้นขนาดใหญ่ที่มี Market Cap (มูลค่าตลาด) จะมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของดัชนีสูง ตัวอย่างเช่น S&P 500 (สหรัฐฯ) FTSE 100 (อังกฤษ) และ SET (ไทย)
☆ ตัวอย่าง ดัชนี ก มีหุ้น A ราคา 4 บาท จำนวน 100 หุ้นและหุ้น B ราคา 5 บาทจำนวน 200 หุ้น
Market Cap คำนวณจากราคาหุ้น x จำนวนหุ้นทั้งหมด
หุ้น A = 4*100 = 400
หุ้น B = 5*200 = 1,000
Market Cap ทั้งหมดของดัชนี ก เท่ากับ 400+1,000 = 1,400
สัดส่วนของหุ้น A และ B ต่อดัชนี ก ตามมูลค่าตลาดคำนวณจาก Market Cap ของหุ้นหารด้วย Market Cap ทั้งหมดของดัชนี จากนั้นคูณด้วย 100
หุ้น A = (400/1,400) x 100 = 28.57%
หุ้น B = (1,000/1,400) x 100 = 71.43%
หุ้น B มีสัดส่วนสูงกว่าหุ้น A ในดัชนี ก
▲ ดัชนีหุ้นที่ถ่วงน้ำหนักด้วยราคาตลาด (Price-weighted Index) คือ หุ้นที่มีราคาสูงจะมีสัดส่วนมากกว่าหุ้นที่มีราคาต่ำ ตัวอย่างเช่น Dow Jones (สหรัฐฯ) และ Nikkei 225 (ญี่ปุ่น)
☆ ตัวอย่าง ดัชนี ก มีหุ้น A ราคา 5 บาท หุ้น B ราคา 10 บาทและหุ้น C ราคา 15 บาท
หุ้น A = [5/(5+10+15)] x 100 = 16.67%
หุ้น B = [10/(5+10+15)] x 100 = 33.33%
หุ้น C = [15/(5+10+15)] x 100 = 50.00%
หุ้น C มีสัดส่วนมากที่สุดในดัชนี ก ตามด้วยหุ้น B และหุ้น A
▲ ดัชนีหุ้นที่ถ่วงน้ำหนักเท่ากัน (Equal-weighted Index) พูดง่าย ๆ คือ หุ้นทุกตัวมีจะสัดส่วนเท่ากันหมด ซึ่งกระจายความเสี่ยงดีกว่าดัชนีหุ้นที่ถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาด แต่ดัชนีแบบนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกะทันหันกว่า
ดัชนียอดนิยมของไทยและต่างประเทศ
1. ดัชนียอดนิยมของไทย
นอกเหนือจากดัชนี SET ที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์แล้ว ยังมีดัชนี SET50 และ SET50 ที่กองทุนรวมดัชนีนิยมใช้อ้างอิง
SET50 และ SET100 คือ ดัชนีหุ้นที่แสดงระดับและความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น 50 และ 100 ตัวแรกที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด การซื้อขายมีสภาพคล่องสูงอย่างสม่ำเสมอและมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
ดัชนี SET50 และ SET100 สามารถคำนวณดังต่อไปนี้
SET50/100 = มูลค่าตลาดรวมวันปัจจุบัน (CMV) หารด้วยมูลค่าตลาดรวมวันฐาน (BMV) คูณด้วย 1,000
วันฐานของ SET50 คือวันที่ 16 สิงหาคม 2538
วันฐานของ SET100 คือวันที่ 30 เมษายน 2548
ค่าดัชนีเริ่มต้นอยู่ที่ 1,000 จุด
รายชื่อของบริษัทที่อยู่ในดัชนี SET50 และ SET100 จะมีการเปลี่ยนแปลงทุก 6 เดือนในเดือนมิถุนายนและเดือนธันวาคมของทุกปี
2. ดัชนียอดนิยมของต่างประเทศ
1)S&P 500 (Standard & Poor's 500)
S&P 500 (Standard & Poor's 500) เป็นดัชนีหุ้นที่ถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาด ซึ่งวัดผลการดำเนินงานของหุ้น 500 บริษัทที่จดทะเบียนบนตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา
S&P 500 เป็นหนึ่งในดัชนีที่มีการเทรดมากที่สุดและเป็นหนึ่งตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยรวม
ตัวอย่างของบริษัทในดัชนี S&P 500 ประกอบด้วย Apple, Microsoft, Amazon, Berkshire Hathaway, Visa เป็นต้น
2)Dow Jones หรือ Dow Jones Industrial Index
Dow Jones หรือ Dow Jones Industrial Index เป็นดัชนีหุ้นที่ถ่วงน้ำหนักตามราคาตลาด ซึ่งวัดผลการดำเนินงานของหุ้น 30 บริษัทขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนบนตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา เช่น Microsoft, Coca Cola, Apple, McDonald เป็นต้น
ดัชนี Dow Jones จัดทำโดยบริษัท S&P Dow Jones Indices
3)NASDAQ 100
NASDAQ 100 จัดทำครั้งแรกในวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2528 NASDAQ 100 (NDX) คือ ดัชนีหุ้น 100 บริษัทขนาดใหญ่ (ไม่ใช่บริษัทเงินทุน) ที่จดทะเบียนบนตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก ประกอบด้วยบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงินในประเทศและต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุด 100 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นแนสแด็กตามราคาตลาด NASDAQ 100 เป็นที่ตั้งของ บริษัท สี่แห่งที่ทำรายได้แตะหลักล้านล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ได้แก่ Apple (AAPL), Amazon (AMZN), Microsoft (MSFT) และ Alphabet (GOOG, GOOGL)
4)Nikkei 225
นิเคอิ225(Nikkei 225) คือ ดัชนีที่คำนวณรายวันซึ่งวัดผลประกอบการของ 225 บริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวโดยหนังสือพิมพ์นิเคอินับตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน 2493 หรือเมื่อ 70 ปีที่แล้ว
นิเคอิ225 Index ตัวชี้วัดสำคัญที่บ่งบอกสภาพตลาดหุ้นของญี่ปุ่น และยังเป็นตัวแทนของภาพเศรษฐกิจของญี่ปุ่นนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงปัจจุบัน
5)FTSE 100
FTSE 100 เป็นดัชนีหุ้นของ 100 บริษัทที่จดทะเบียนบนตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด ด้วยหุ้นของบริษัทในดัชนี FTSE 100 เป็น 81% ของมูลค่าตลาดทั้งหมดของตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ทำให้มีการใช้ดัชนีนี้เป็นตัววัดตลาดหุ้นอังกฤษ ดัชนี FTSE 100 จัดทำโดย FTSE Group ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ตัวอย่างของบริษัทในดัชนี FTSE 100 เช่น Tesco, Unilever, Barclays เป็นต้น
6) DAX 30
DAX 30 เป็นดัชนีหุ้นที่ถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาดของ 30 บริษัทกลุ่มบลูชิพของเยอรมันที่จดทะเบียนบนตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ตซึ่งเทียบเท่ากับดัชนี Dow Jones ของสหรัฐฯ และเนื่องจากปริมาณบริษัทที่น้อย ทำให้ดัชนี DAX 30 ไม่สะท้อนภาพจริงของเศรษฐกิจเยอรมันได้ทั้งหมด ดัชนี DAX 30 เผยแพร่ครั้งแรกในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 ตัวอย่างของบริษัทในดัชนี DAX 30 เช่น BMW, Adidas, Bayer, Deutsch Bank เป็นต้น
👇️👇️👇️ เทรดผลิตภัณฑ์ดัชนียอดนิยมทั่วโลกผ่านโบรกเกอร์ชั้นนำผ่าน Mitrade
ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริงฟรี $50,000




*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน