Top 8 Crypto Exchange Thailand | เปรียบเทียบ Crypto Exchange
ในยุคดิจิทัลนี้ คริปโตเคอร์เรนซีกลายเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนจำนวนมากหันมาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ เพื่อหวังผลกำไร แต่ก่อนที่จะเริ่มต้น สิ่งสำคัญคือต้องเลือกแพลตฟอร์มการซื้อขายที่เหมาะสม บทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ 8 Crypto Exchange ในไทย เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกและเปรียบเทียบ Crypto Exchange ในประเทศไทย ที่เหมาะกับความต้องการของคุณมากที่สุด
Crypto Exchange ทำงานอย่างไร?
การทำงานของ Crypto Exchange สามารถแบ่งออกเป็นขั้นตอนหลัก ๆ ได้ดังนี้:
-การลงทะเบียนและยืนยันตัวตน (Registration and Identity Verification):
ผู้ใช้ต้องลงทะเบียนบัญชีกับ Crypto Exchange โดยให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น ชื่อ, ที่อยู่, และข้อมูลการติดต่ออื่น ๆ
-การฝากเงิน (Deposit):
ผู้ใช้สามารถฝากเงินเข้าสู่บัญชีของตนได้ผ่านทางการโอนเงินจากบัญชีธนาคารหรือการใช้บัตรเครดิต เงินที่ถูกฝากจะถูกเพิ่มเข้าไปในบัญชีของผู้ใช้บน Crypto Exchange เพื่อใช้ในการซื้อขาย Crypto
-การซื้อขาย (Trading):
ผู้ใช้สามารถซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มของ Crypto Exchange
การซื้อขายนั้นจะเกิดขึ้นในรูปแบบของคู่สกุลเงิน(pair) เช่น BTCUSDT,ETHUSDT โดยผู้ใช้สามารถซื้อหรือขายสกุลเงินดิจิทัลโดยใช้สกุลเงินที่เคยฝากไว้ในบัญชีของตน
-การถอนเงิน (Withdrawal):
ผู้ใช้สามารถถอนเงินจากบัญชี Crypto Exchange เข้าสู่บัญชีธนาคารหรือบัญชีกระเป๋าเงินดิจิทัลของตน
กระบวนการถอนเงินอาจใช้เวลาต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับนโยบายและวิธีการของแต่ละ Crypto Exchange
-การรักษาความปลอดภัย (Security Measures):
Crypto Exchange จะใช้มาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดเพื่อปกป้องข้อมูลและเงินทุนของผู้ใช้ เช่น การใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัส, การยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA), และการตรวจสอบและป้องกันกิจกรรมที่เป็นอันตราย
-การจัดการลูกค้า (Customer Support):
Crypto Exchange มักจะมีทีมสนับสนุนลูกค้าที่พร้อมให้ความช่วยเหลือในกรณีที่ผู้ใช้พบปัญหาหรือมีคำถามเกี่ยวกับการใช้บริการ
Top 8 Crypto Exchange Thailand
1. Binance
Binance ไบแนนซ์ เป็นกระดานแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามปริมาณการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2560 และเป็น Crypto Exchange ที่ให้บริการครอบคลุมทุกบริการ ทั้ง SPOT/Futures/Staking โดยตอนหลังมา Binance TH ที่บริหารงานโดยกลุ่มของ GULF ประเทศไทยจดทะเบียนในเข้ามาให้บริการในไทยเช่นกัน
🔸 ค่าธรรมเนียม : Maker 0.01% ของมูลค่าธุรกรรม และ Taker 0.02% ของมูลค่าธุรกรรม
🔸 สกุลเงินดิจิตอลที่รองรับ : มีมากกว่า 600 เหรียญ
🔸 ได้รับอนุญาตและควบคุม : ส่วนของประเทศไทย ก.ล.ต.ให้การรองรับ BINANCE TH ส่วน BINANCE Global ยังไม่มีหน่วยงานรองรับในไทย
ข้อดีของ Binance | ข้อเสียของ Binance |
1. มีจำนวนเหรียญให้เลือกมากกว่า 600 เหรียญ 2.สภาพคล่องสุง 3.ค่ำธรรมเนียมต่ำ 4.มีฟีเจอร์ฟังก์ชั่น ให้เลือกหลากหลา | 1.สำหรับ Binance Global ไม่มีใบอนุญาตในไทย 2.การรองรับลูกค้าคนไทย ยังไม่ดี 3.เคยมีปัญหาเรื่องการโดนแฮ๊คเหรียญ |
2. Bitkub
Bitkub เป็นแพลตฟอร์มเทรดเหรียญดิจิทัลด้วยเงินบาทแห่งแรกของไทยก่อตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 ซึ่งได้รับการรับรองอย่างถูกต้องจาก กลต. พร้อมให้บริการโดยเจ้าหน้าที่คนไทยตลอด 24 ชม. โดยให้บริการแก่บุคคลทั่วไป ให้สามารถซื้อ ขายและเก็บสินทรัพย์ดิจิทัล ได้ตามต้องการ จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายด้วยทุนจดทะเบียน 290 ล้านบาท และมีที่ตั้งสำนักงานอยู่ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย
🔸 ค่าธรรมเนียม : ค่าธรรมเนียมการเทรด: 0.25% /ครั้ง ส่วนค่าธรรมเนียมการถอนเงิน 20-200 บาท
🔸 สกุลเงินดิจิตอลที่รองรับ : จำนวนสกุลที่เปิดเทรด: 65 เหรียญ
🔸 ได้รับอนุญาตและควบคุม : ก.ล.ต.
ข้อดีของ Bitkub | ข้อเสียของ Bitkub |
1. สามารถ KYC ผ่าน 7-11 ได้ 2.มีใบอนุญาตในไทย โดยกฎหมายไทย เชื่อถือได้ 3.ทีมงานซัพพอร์ตคนไทย ช่วยการตอบคำถาม ประสานงาน 4. ฝากเงิน ถอนเงินฝาก ธนาคารไทยได้สะดวก 5.มี Bitkub Academy โดยให้แนวโน้ม ติดตา | 1. เทรดได้เฉพาะสินค้าเหรียญ SPOT ไม่มีเทรดฟิวเจอร์ส 2. สมัครเปิดบัญชีและยืนยันตัวตนใช้เวลานาน 3.สภาพคล่องยังไม่มากพอที่จะ Match Order ได้ทันทีเวลาตั้ง Limit Order |
3. UpBit
UpBit แพลตฟอร์มเทรดคริปโทเคอร์เรนซี สัญชาติเกาหลีใต้ ที่ก่อตั้งในปี 2017 ปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่สุดในโลก มีเปิดให้บริการในประเทศไทยแล้วในปี 2021 ทุนจดทะเบียน 180 ล้านบาท
🔸 ค่าธรรมเนียม : ค่าธรรมเนียมการเทรด: 0.15% ครั้ง ค่าธรรมเนียมการถอน: 15 บาท
🔸 สกุลเงินดิจิตอลที่รองรับ : 23 เหรียญ
🔸 ได้รับอนุญาตและควบคุม : ก.ล.ต.
ข้อดีของ Upbit | ข้อเสียของ Upbit |
1.มีชื่อเสียง เป็นหนึ่งใน Crypto Exchange ที่ใหญ่ที่สุดในโลก 2.มีใบอนุญาตในไทย โดยกฎหมายไทย เชื่อถือได้ 3.บทวิเคราะห์ และเทรนด์ของสินทรัพย์ดิจิทัลแบบเรียลไทม์ 4. ฝากเงิน ถอนเงินฝาก ธนาคารไทยได้สะดวก | 1. สภาพคล่องยังไม่มากพอที่จะ Match Order ได้ทันทีเวลาตั้ง Limit Order 2. เหรียญให้บริการน้อย 3.สภาพคล่องยังไม่มากพอที่จะ Match Order ได้ทันทีเวลาตั้ง Limit Order |
4. OKX
OKX คือ Crypto Exchange และอนุพันธ์ระดับโลก และเป็นการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับสองตามปริมาณการซื้อขาย ซึ่งให้บริการผู้คนมากกว่า 50 ล้านคนทั่วโลก ก่อตั้งโดย Star Xu ในปี 2560
🔸 ค่าธรรมเนียม : ค่าธรรมเนียมการเทรด: 0.15% ครั้ง ค่าธรรมเนียมการถอน: 15 บาท
🔸 สกุลเงินดิจิตอลที่รองรับ : มากกว่า 600 เหรียญ
🔸 ได้รับอนุญาตและควบคุม : ไม่รองรับ ก.ล.ต.
ข้อดีของ OKX | ข้อเสียของ OKX |
1.มีชื่อเสียงระดับโลกในความน่าเชื่อถือ 2.รองรับการใช้งานที่หลากยหลาย Spot Future Stake 3.มีระบบนิเวศของตัวเอง OKX DEX 4. มีสภาพคล่องสูงและเหรียญให้เทรดมากเหรียญ | 1.ไม่รองรับ ก.ล.ต. 2.การบริการจากในไทยยังไม่ดี 3.เคยมีประวัติถูกแฮ็คเหรียญมาก่อน |
5. GATE.IO
Gate.io ก่อตั้งขึ้นในปี 2556 และติดอันดับหนึ่งใน 10 ศูนย์ให้บริการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำอย่างต่อเนื่อง เป็นแพลตฟอร์มให้ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแบบครบวงจรซึ่งครอบคลุมผู้ใช้หลายล้านคนทั่วโลก
🔸 ค่าธรรมเนียม : Maker 0.20% ของมูลค่าธุรกรรม และ Taker 0.20% ของมูลค่าธุรกรรม
🔸 สกุลเงินดิจิตอลที่รองรับ : มากกว่า 1,700 เหรียญ
🔸 ได้รับอนุญาตและควบคุม : ไม่รองรับ ก.ล.ต.
ข้อดีของ GATE.IO | ข้อเสียของ GATE.IO |
1.ระบบความปลอดภัยสูง 2.มีค่าธรรมเนียมต่ำ 3.มีสภาพคล่องสูงและเหรียญให้เทรดมากเหรียญ | 1.ไม่รองรับ ก.ล.ต. 2.การสนับสนุนลูกค้าไทบ 3.เคยมีประวัติถูกแฮ็คเหรียญมาก่อน |
6. ByBit
Bybit เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายอนุพันธ์ Cryptocurrency จากสิงคโปร์ ที่มาพร้อมกับ User-interface ที่เรียบง่าย สะดวกต่อการใช้งาน และมาพร้อมกับธีมสีดำ-เหลือง ให้ความรู้สึกหรูหราน่าเชื่อถือ
🔸 ค่าธรรมเนียม : Maker 0.01% ของมูลค่าธุรกรรม และ Taker 0.02% ของมูลค่าธุรกรรม
🔸 สกุลเงินดิจิตอลที่รองรับ : มากกว่า 300 เหรียญ
🔸 ได้รับอนุญาตและควบคุม : ไม่รองรับ ก.ล.ต.
ข้อดีของ ByBit | ข้อเสียของ ByBit |
1.ค่าธรรมเนียมต่ำ 2.มีฟีเจอร์การเทรดขั้นสูง 3.มีสภาพคล่องสูงและเหรียญให้เทรดมากเหรียญ | 1.ไม่รองรับ ก.ล.ต. 2.การสนับสนุนลูกค้าไทยไม่ดี 3.เคยมีประวัติถูกแฮ็คเหรียญมาก่อน |
7. Orbix
Orbix เป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่รองรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ทั้งโทเคนดิจิทัลที่ออกและเสนอขายผ่าน KUBIX (คิวบิกซ์) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารกสิกรไทย
🔸 ค่าธรรมเนียม : Maker 0.15% ของมูลค่าธุรกรรม และ Taker 0.25% ของมูลค่าธุรกรรม
🔸 สกุลเงินดิจิตอลที่รองรับ : 40 เหรียญ
🔸 ได้รับอนุญาตและควบคุม : ก.ล.ต.
ข้อดีของ Orbix | ข้อเสียของ Orbix |
1.ค่าธรรมเนียมต่ำ 2.มีฟีเจอร์ช่วยคำนวณต้นทุน และ Price Alert 3.มีรองรับ ก.ล.ต. | 1. สภาพคล่องน้อยและจำนวนเหรียญให้เทรดไม่เยอะ 2. ฟีเจอร์จำกัด 3.เคยมีประวัติถูกแฮ็คเหรียญมาก่อน |
8. Kraken
Kraken คือการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลในสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นในปี 2554 เป็นหนึ่งในการแลกเปลี่ยน bitcoin แรกๆ ที่จดทะเบียนใน Bloomberg Terminal และมีมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนมกราคม 2567
🔸 ค่าธรรมเนียม : Maker 0.10% ของมูลค่าธุรกรรม และ Taker 0.20% ของมูลค่าธุรกรรม และมี tier ตามวอลุ่ม
🔸 สกุลเงินดิจิตอลที่รองรับ : มากกว่า 500 เหรียญ
🔸 ได้รับอนุญาตและควบคุม : ไม่รองรับ ก.ล.ต.
ข้อดีของ Kraken | ข้อเสียของ Kraken |
1.ค่าธรรมเนียมต่ำ 2.ระบบความปลอดภัยสูงมาก 3.แพลตฟอร์มใช้งานสะดวก เรียบง่าย | 1. ไม่มีใบอนุญาตในไทย 2. การซัพพอร์ตลูกค้าคนไทยไม่ดี |
ก่อนตัดสินใจเลือก Crypto Exchange พิจารณาปัจจัยเหล่านี้:เลือก Exchange ที่มีชื่อเสียง มีความน่าเชื่อถือ มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง และผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมการฝาก ถอน เทรด และค่าธรรมเนียมอื่นๆ ของ Exchange ที่สมเหตุสมผล
เปรียบเทียบ Crypto Exchange
Crypto Exchange | ใบอนุญาตก.ล.ต. | จุดเด่น/จุดแข็ง | จำนวนเหรียญ |
ไม่รองรับ | สภาพคล่องสูง | 600 | |
รองรับ | โอนเงินธ.ไทย | 65 | |
รองรับ | โอนเงินธ.ไทย | 23 | |
ไม่รองรับ | มีระบบนิเวศ DEX | 600 | |
ไม่รองรับ | ค่าธรรมเนียมต่ำ | 1,700 | |
ไม่รองรับ | ฟีเจอรการเทรดชั้นสูง | 300 | |
รองรับ | ฟีเจอร์พิเศษคำนวณต้นทุน | 40 | |
ไม่รองรับ | ระบบความปลอดภัยสูงมาก | 500 |
ข้อกำหนดในการซื้อคริปโตในประเทศไทย
การซื้อขายคริปโตในประเทศไทยอาจมีข้อกำหนดต่างๆ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามนโยบายและกฎระเบียบของรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ
การลงทะเบียนและตรวจสอบตัวตน: บางแพลตฟอร์มการซื้อขายอาจจำเป็นต้องให้ข้อมูลและยืนยันตัวตนของผู้ใช้ เพื่อป้องกันการฟ้องร้องและกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย
ค่าธรรมเนียม: การทำธุรกรรมในแพลตฟอร์มการซื้อขายคริปโตอาจมีค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย หรือค่าธรรมเนียมการถอนเงิน
การบังคับกฎหมายและภาษี: ผู้ที่ทำธุรกรรมคริปโตในประเทศไทยอาจต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น การรายงานรายได้จากการซื้อขายคริปโตในภาษี
การกำกับดูแล: มีการกำกับดูแลโดยหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่ากิจกรรมการซื้อขายคริปโตเป็นไปตามกฎหมายและมีความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้
ความเสี่ยง:การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยง ผู้ที่มีความสนใจควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องและพิจารณาให้ดีก่อนการลงทุน
วิธีเทรดคริปโตในประเทศไทย
สำหรับการเทรดคริปโตมีวิธีการหลักๆอยู่สองทางคือ
Option 1: Crypto Exchange ตัวอย่าง การเทรดคริปโตผ่าน Crypto Exchange อย่าง Binance
-หลังจากเปิดบัญชีและสมัครเรียบร้อย ให้ผ่านเงินเข้าในบัญชีให้เรียบร้อย และเลือกที่ Trade เพื่อเข้าไปฟังก์ชั่นการเทรด
-ทำการเลือกเหรียญที่สนใจจะเข้าเทรด โดยเลือกจากลิสต์เหรียญต่างๆที่ในวงกลม เช่นตัวอย่างเป็น ETH/USDT
ที่มา: Binance
-กำหนดราคาที่จะเข้าซื้อ จำนวนเหรียญ โดยดูจากยอดเงิน USDT ที่ฝากเข้ามาไว้ แล้วกด BUY ETH โดยที่เหรียญที่ BUY มานั้น จะเข้าไปอยู่ที่ SPOT
Option 2: Crypto Trading Platform
นักลงทุนสามารถเลือกเทรดคริปโตผ่านแพลตฟอร์ม CFD ได้เช่นกันเป็นอีกหนึ่งทางเลือก
สามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินเสมือนจากแพลตฟอร์มสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) ได้ และสามารถเปิดบัญชีได้ภายในไม่กี่นาที นอกจากนี้ยังมีช่องทางการฝากและถอนเงินมากมาย แพลตฟอร์มปกติสามารถฝากเงินได้อย่างรวดเร็ว และคุณยังสามารถฝากเงินด้วยบัตรเครดิตได้อีกด้วย
ความเร็วในการทำธุรกรรมนั้นดีกว่าของ Crypto Exchange in Thailand มาก แม้จะไม่รองรับจำนวนเหรียญคริปโตได้มากเหมือนใน Crypto Exchange อย่างไรก็ตามใช้งานเริ่มต้นได้ง่ายมามาก การฝากและถอนเงินในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐสะดวกมาก และไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ความรู้การถ่ายโอนบล็อคเชนที่ซับซ้อน นักลงทุนยังสามารถมีส่วนร่วมในตลาดสกุลเงินเสมือนได้
ราคา BTCUSD แบบเรียลไทม์
ตัวอย่างเช่น Mitrade ซึ่งได้รับความนิยมในประเทศไทย มีการควบคุมดูแลทางการเงินที่เชื่อถือได้ ข้อมูลที่รับประกัน เลเวอเรจสามารถปรับเป็น 1:1 (นั่นคือ ไม่มีการเปิดใช้งานเลเวอเรจ) ต้นทุนการทำธุรกรรมต่ำมาก และผู้ใช้ใหม่ยังสามารถได้รับ โบนัส $100 ลองใช้บัญชีทดลองมูลค่า $50,000 ฟรี และเมื่อชำนาญแล้วสามารถเปิดบัญชีจริงได้ เริ่มต้นเพียง 50 USD
Crypto ถูกควบคุมในประเทศไทยหรือไม่
มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานดูแลกำกับดูแล ดังนี้
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศกฎหมาย พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 กำหนดให้สินทรัพย์ดิจิทัลบางประเภท เช่น โทเคนดิจิทัล เป็นหลักทรัพย์ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น เว็บเทรดคริปโต ต้องขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจจาก ก.ล.ต.
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำกับดูแลระบบการชำระเงิน ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินอื่นๆออกประกาศให้ธนาคารพาณิชย์ทำธุรกรรมกับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. เท่านั้น
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)กำกับดูแลและป้องกันการฟอกเงินผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องมีมาตรการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินตามที่ ปปง. กำหนด
ดังนั้นนักลงทุนควรซื้อคริปโตผ่านเว็บเทรดคริปโตที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต.และ ยืนยันตัวตน (KYC) และทำตามขั้นตอนของคริปโต Exchange ให้ถูกต้อง
ภาษีคริปโตในประเทศไทยเป็นอย่างไร
สำหรับคริปโตเคอร์เรนซี ถูกจัดเป็น สินทรัพย์ดิจิทัล ตามกฎหมายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา พ.ศ. 2561 หมายความว่า รายได้จากการซื้อขายคริปโตต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในอัตราดังนี้
บุคคลธรรมดา: เสียภาษีแบบก้าวหน้า ตั้งแต่ 5% ถึง 35% ของ กำไรสุทธิ จากการซื้อขายคริปโต บุคคลธรรมดา: ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90/91 ภายในวันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไป
นิติบุคคล: เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ในอัตรา 20% ของ กำไรสุทธิ จากการซื้อขายคริปโต ยื่นแบบ ภ.พ. 20 ภายใน 15 วันหลังสิ้นรอบระยะบัญชี
สรุป
Crypto Exchange ในประเทศไทย มีความหลากหลายและน่าสนใจ เนื่องจากการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในไทย หลายแพลตฟอร์มการซื้อขายคริปโตได้รับความนิยมและการยอมรับจากผู้ใช้ทั่วไป เนื่องจากความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่มีให้ผู้ใช้ โดยที่ Crypto Exchange ในไทยได้รับการควบคุมและกำกับดูแลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจว่าการซื้อขายและการลงทุนในคริปโตจะเป็นไปตามกฎหมายและมีความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ทุกคน
เมื่อต้องการเลือก Crypto Exchange ในประเทศไทยที่เหมาะสม มีหลักการอย่างไรบ้าง
3 อันดับ Crypto Exchange ในไทย ที่มีความนิยมมากที่สุด
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน