FAANG: หุ้นกลุ่ม FAANG คืออะไร? อัปเดตล่าสุดปี 2025

เป็นที่รู้กันดีว่า ครั้งหนึ่งหุ้นกลุ่มที่เคยถูกเรียกว่า “FAANG” ได้เข้ามามีบทบาทอย่างปฏิเสธไม่ได้ บทความนี้ จะพาไปทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทรงอิทธิพลเหล่านี้ โดยอัปเดตข้อมูลล่าสุด พร้อมทั้งวิเคราะห์สถานะปัจจุบัน เพื่อที่จะสามารถปรับกลยุทธ์และคว้าโอกาสจากการเติบโตในอนาคตได้
FAANG, MATANA, และ Magnificent Seven
ในโลกของการลงทุนหุ้นเทคโนโลยี มีคำย่อมากมายที่ถูกใช้เพื่ออ้างอิงถึงกลุ่มบริษัทชั้นนำ การทำความเข้าใจถึงที่มาและความหมายของคำเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถติดตามและวิเคราะห์สภาวะตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
FAANG: จุดเริ่มต้นของยักษ์ใหญ่เทคโนโลยี
คำว่า “FAANG” ถูกริเริ่มขึ้นในปี 2013 โดย Jim Cramer จากราย Mad Money ทางช่อง CNBC เพื่อใช้เรียกกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีและสื่อดิจิทัล 5 แห่งที่มีอิทธิพลอย่างสูงในตลาดหุ้นโลก ณ เวลานั้น ประกอบด้วย:
F - Facebook ปัจจุบันคือ Meta Platforms, Inc. (META) ผู้ให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นเจ้าของ Instagram, WhatsApp รวมถึงธุรกิจเกี่ยวกับ Metaverse
A - Apple Inc. (AAPL) ผู้ผลิต iPhone, iPad, Mac และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ รวมถึงผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และบริการดิจิทัล
A - Amazon.com Inc. (AMZN) ผู้นำด้านธุรกิจอีคอมเมิร์ซระดับโลก และผู้ให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งรายใหญ่ (Amazon Web Services - AWS)
N - Netflix Inc. (NFLX) ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งภาพยนตร์และซีรีส์ชั้นนำ
G - Google ปัจจุบันคือ Alphabet Inc. (GOOGL, GOOG) บริษัทแม่ของ Google Search, YouTube, Android และธุรกิจอื่นๆ ในเครือ
แม้เวลาจะผ่านไป บริษัทเหล่านี้บางส่วนได้มีการปรับโครงสร้างหรือเปลี่ยนชื่อ แต่แก่นแท้ของอิทธิพลที่มีต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีและตลาดทุนยังคงแข็งแกร่ง และยังคงเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่ขับเคลื่อนทิศทางตลาดในปี 2025
MATANA: การปรับเปลี่ยนตามกระแสการเติบโต
ต่อมา ตลาดเริ่มให้ความสนใจกับกลุ่มหุ้นใหม่ที่เรียกว่า “MATANA” ซึ่งสะท้อนการเปลี่ยนแปลงและการเกิดขึ้นของดาวเด่นดวงใหม่ในแวดวงเทคโนโลยี กลุ่ม MATANA ประกอบด้วย
M - Microsoft (MSFT)
A - Apple (AAPL)
T - Tesla (TSLA)
A - Alphabet (GOOGL)
N - Nvidia (NVDA)
A - Amazon (AMZN)
การรวมกลุ่ม MATANA มีเหตุผลหลักมาจากการที่บริษัทเหล่านี้ถูกมองว่าเป็น กลุ่มยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยีที่มีคุณภาพ มีความแข็งแกร่งของแบรนด์และบริการ มีฐานลูกค้าทั่วโลก และที่สำคัญคือมีการเติบโตเป็นเลขสองหลักอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งในขณะนั้น Meta (Facebook) และ Netflix ถูกมองว่ามีอัตราการเติบโตของผู้ใช้บริการที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม คำว่า MATANA ก็เป็นที่นิยมน้อยลงเมื่อกลุ่ม “Magnificent Seven” เริ่มมาแรงขึ้นเรื่อยๆ
Magnificent Seven: กลุ่มผู้นำเทคโนโลยีแห่งยุคปัจจุบัน
“Magnificent Seven” (เจ็ดหุ้นเด็ดสะท้านโลก) เป็นคำที่ Michael Hartnett นักวิเคราะห์จาก Bank of America เริ่มใช้ในปี 2023 และกลายเป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นและมีอิทธิพลสูงที่สุดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในปัจจุบัน กลุ่มนี้ประกอบด้วย
Alphabet (GOOGL, GOOG)
Amazon (AMZN)
Apple (AAPL)
Meta Platforms (META)
Microsoft (MSFT)
NVIDIA (NVDA)
Tesla (TSLA)
กลุ่ม Magnificent Seven สะท้อนถึงการรวมตัวของบริษัทที่มีมูลค่าตลาดมหาศาล เป็นผู้นำด้านนวัตกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อพฤติกรรมผู้บริโภคและแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
การกลับมาของ Meta ในกลุ่มนี้ และการยืนหยัดอย่างแข็งแกร่งของ Microsoft และ Nvidia แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทเหล่านี้ โดยมี AI เป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ
ผลการดำเนินงานล่าสุดของหุ้นกลุ่ม FAANG
บริษัท (Company) | รายได้ Q1/2025 (พันล้านเหรียญสหรัฐ) | การเติบโตของรายได้ % YoY | กำไรสุทธิ Q1/2025 (พันล้านเหรียญสหรัฐ) | การเติบโตของกำไรสุทธิ % YoY |
Meta Platforms | $42.31 | +16% | $16.64 | +35% |
Apple | $90.8 | -4% | $23.6 | -2% |
Amazon | $155.7 | +9% | $17.1 | +64% |
Netflix | $10.54 | +13% | $2.89 | +24% |
Alphabet | $90.23 | +12% | $34.54 | +46% |
เจาะลึก FAANG หุ้นยักษ์ใหญ่: อัปเดตข้อมูลสำคัญปี 2025
1. Meta Platforms (META)
Meta Platforms, Inc. (เดิมคือ Facebook) เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมแพลตฟอร์มอย่าง Facebook, Instagram, WhatsApp และ Messenger
นอกจากนี้ บริษัทยังลงทุนอย่างหนักในเทคโนโลยีอนาคต เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Metaverse รวมถึงอุปกรณ์อย่างแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban และชุดหูฟัง VR Quest รายได้หลักของ Meta มาจากการโฆษณาดิจิทัล
รายการข้อมูล | รายละเอียด |
รหัสธุรกรรม (ISIN) | US30303M1027 |
ราคาหุ้นปัจจุบัน USD/หุ้น | $627.06 |
มูลค่าตลาด (Market Cap) | $1.597 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ |
สถานะทางอุตสาหกรรม | บริการทางด้านเทคโนโลยี / ตลาด NASDAQ |
อัตราผลตอบแทนในปีที่ผ่านมา | ประมาณ 35-37% |
อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี | ประมาณ 188% |
ในไตรมาส 1 ปี 2025 Meta รายงานรายได้ $42.31 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไรสุทธิ $16.64 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 35% ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ปี 2024 ที่มีรายได้ $48.39 พันล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 21% YoY) และกำไรสุทธิ $20.84 พันล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 49% YoY)
2. Apple Inc. (AAPL)
Apple Inc. เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ชั้นนำของโลก เช่น iPhone, iPad, Mac, Apple Watch และเป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์และบริการดิจิทัลที่แข็งแกร่งผ่านระบบนิเวศของตนเอง บริษัทเน้นนวัตกรรมและการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์
รายการข้อมูล | รายละเอียด |
รหัสธุรกรรม (ISIN) | US0378331005 |
ราคาหุ้นปัจจุบัน USD/หุ้น | $195 |
มูลค่าตลาด (Market Cap) | $2.92 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ |
สถานะทางอุตสาหกรรม | เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ / ตลาด NASDAQ |
อัตราผลตอบแทนในปีที่ผ่านมา | ประมาณ 4.97% |
อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี | ประมาณ 269% |
สำหรับไตรมาสที่สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2025 (ตรงกับไตรมาส 2 ปีงบประมาณ 2025 ของ Apple) บริษัทมีรายได้ $90.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไรสุทธิ $23.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 2%
ก่อนหน้านี้ ในไตรมาสสิ้นสุดเดือนธันวาคม 2024 (ไตรมาส 1 ปีงบประมาณ 2025) Apple มีรายได้ $124.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4% YoY และมีกำไรสุทธิ $36.33 พันล้านเหรียญสหรัฐ
3. Amazon.com Inc. (AMZN)
Amazon.com Inc. เริ่มต้นจากการเป็นร้านขายหนังสือออนไลน์และเติบโตจนกลายเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ Amazon ยังเป็นผู้นำในตลาดคลาวด์คอมพิวติ้งผ่าน Amazon Web Services (AWS) และมีธุรกิจอื่นๆ เช่น สตรีมมิ่ง (Amazon Prime Video) และอุปกรณ์อัจฉริยะ (Alexa, Fire TV)
รายการข้อมูล | รายละเอียด |
รหัสธุรกรรม (ISIN) | US0231351067 |
ราคาหุ้นปัจจุบัน USD/หุ้น | $200 |
มูลค่าตลาด (Market Cap) | $2.13 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ |
สถานะทางอุตสาหกรรม | การค้าปลีกทางอินเทอร์เน็ต / ตลาด NASDAQ |
อัตราผลตอบแทนในปีที่ผ่านมา | ประมาณ 11.01% |
อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี | ประมาณ 81% |
ในไตรมาส 1 ปี 2025 Amazon มีรายได้รวม $155.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 9% YoY และมีกำไรสุทธิ $17.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนธุรกิจ AWS มีรายได้ $29.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 17% YoY
ขณะที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอเมริกาเหนือเติบโต 8% YoY 8 ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2024 ก็แข็งแกร่งเช่นกัน โดยมีรายได้ $187.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 10% YoY) และกำไรสุทธิ $20.0 พันล้านเหรียญสหรัฐ
4. Netflix Inc. (NFLX)
Netflix Inc. เป็นผู้ให้บริการสตรีมมิ่งความบันเทิงชั้นนำของโลก โดยนำเสนอภาพยนตร์ ซีรีส์ รายการทีวี และเกม แก่สมาชิกในหลายประเทศ บริษัทกำลังขยายขอบเขตธุรกิจไปสู่เกมและรายการสดมากขึ้น
รายการข้อมูล | รายละเอียด |
รหัสธุรกรรม (ISIN) | US64110L1061 |
ราคาหุ้นปัจจุบัน USD/หุ้น | $1,185 |
มูลค่าตลาด (Market Cap) | $504 พันล้านเหรียญสหรัฐ |
สถานะทางอุตสาหกรรม | บริการทางเทคโนโลยี / ตลาด NASDAQ |
อัตราผลตอบแทนในปีที่ผ่านมา | ประมาณ 85.48% |
อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี | ประมาณ 171.26% |
ในไตรมาส 1 ปี 2025 Netflix มีรายได้ $10.54 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 13% YoY และมีกำไรสุทธิ $2.89 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ปี 2024 ที่มีรายได้ $10.25 พันล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 16% YoY) และกำไรสุทธิ $1.87 พันล้านเหรียญสหรัฐ
5. Alphabet Inc. (GOOGL, GOOG)
Alphabet Inc. เป็นบริษัทแม่ของ Google ซึ่งเป็นที่รู้จักจากบริการค้นหา (Google Search) ที่ครองตลาด, YouTube แพลตฟอร์มวิดีโอขนาดใหญ่, ระบบปฏิบัติการ Android, และ Google Cloud Platform (GCP) ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว Alphabet ลงทุนอย่างหนักในเทคโนโลยี AI และนำมาประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ
รายการข้อมูล | รายละเอียด |
รหัสธุรกรรม (ISIN) | US02079K3059 (GOOGL), US02079K1079 (GOOG) |
ราคาหุ้นปัจจุบัน USD/หุ้น | $168 |
มูลค่าตลาด (Market Cap) | $2.04 - $2.08 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ |
สถานะทางอุตสาหกรรม | บริการทางด้านเทคโนโลยี / ตลาด NASDAQ |
อัตราผลตอบแทนในปีที่ผ่านมา | ประมาณ -2.46% (GOOGL) |
อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี |
ในไตรมาส 1 ปี 2025 Alphabet มีรายได้ $90.23 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12% YoY และมีกำไรสุทธิ $34.54 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นถึง 46% YoY ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ปี 2024 ที่มีรายได้ $96.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 12% YoY) และกำไรสุทธิ $26.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 28.3% YoY)
หุ้นกลุ่ม FANNG ยังเป็นการลงทุนที่ดีหรือไม่ในปี 2025?
ที่มา: Trading View
ภาพรวมหุ้นกลุ่ม FANNG ยังคงเป็นที่จับตามองอย่างใกล้ชิดในปี 2025 และต่อเนื่องถึงปี 2026 บริษัทเหล่านี้คาดว่าจะยังคงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนทิศทางตลาดเทคโนโลยี แม้ว่าผลตอบแทนโดยรวมของตลาดหุ้นอาจจะลดความร้อนแรงลงบ้างหลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
Meta Platforms (META) คาดว่าจะเปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban รุ่นใหม่ที่ผสาน AI ที่เริ่มแสดงโฆษณาบนแพลตฟอร์ม Threads และเพิ่มการผลิตชุดหูฟัง Quest 3S นักวิเคราะห์คาดการณ์ราคาเป้าหมายเฉลี่ยของหุ้น META ไว้ที่ประมาณ $675.92
Apple (AAPL) มีแผนจะเปิดตัว MacBook Air รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป M4 และ AirPods ที่มาพร้อมคุณสมบัติติดตามสุขภาพ เช่น การวัดอุณหภูมิร่างกายและอัตราการเต้นของหัวใจราคาเป้าหมายเฉลี่ยจากนักวิเคราะห์อยู่ที่ $248
Amazon (AMZN) จะมุ่งเน้นการใช้ AI เพื่อสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลให้กับลูกค้าในธุรกิจค้าปลีก และขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศ รวมถึงการเปิดตัวโมเดล AI Nova Premier 3 ราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ $248.85
Netflix (NFLX) วางแผนที่จะให้ความสำคัญกับเนื้อหาแบบอินเทอร์แอคทีฟและเกมมิ่งมากขึ้น รวมถึงการขยายการถ่ายทอดสดกีฬา เช่น WWE ราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ $1,200
Alphabet (GOOGL) คาดว่าจะมุ่งเน้นการขยายขีดความสามารถด้าน AI โดยเฉพาะในยานยนต์ไร้คนขับ, การปรับปรุงข้อเสนอ AI ของ Google Cloud และการเปิดตัวโมเดล AI Gemini 2.0 รวมถึง Project Starline สำหรับการประชุมทางวิดีโอแบบ 3 มิติ
หุ้น FAANG ลงทุนยังไง
1. ลงทุนโดยตรงในหุ้นแต่ละตัว
นักลงทุนสามารถซื้อหุ้นกลุ่ม FAANG ในแต่ละตัวนั้นผ่านบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศหรือต่างประเทศที่เปิดให้ซื้อขายหุ้นได้ เช่น หลักทรัพย์ไทยพาณิชย์หรือ หลักทรัพย์กสิกรไทย การดำเนินการนั้นง่ายมาก ดาวน์โหลดแอป เข้าสู่หน้า ค้นหารหัสหุ้นที่เกี่ยวข้อง และทำการสั่งซื้อหุ้นเช่น AAPL หรือ GOOGL
2. การซื้อขายหุ้นสหรัฐฯ CFD
เป็นวิธีที่ยอดนิยมในปัจจุบัน ทั้งในเรื่องของค่าธรรมเนียมและความสะดวกสบายในการเปิดบัญชี ด้วยจุดเด่นของสินค้า CFD คือ มี Leverage ช่วยให้นักลงทุนใช้เงินทุนน้อยลงที่จะทำกำไร รวมถึงมีสินค้าให้เลือกลงทุนอย่างหลากหลาย รวมถึงสามารถเข้าเทรดได้ทั้งฝั่งขาขึ้นและขาลง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของหุ้นนั้นๆ และสภาพตลาดการลงทุน
จากประสบการณ์โดยตรงของผู้เขียน ถ้านักลงทุนที่มีความชำนาญและศึกษาเรื่องการเทรดลักษณะของสัญญาส่วนต่างหรือ CFD รวมถึงใช้ประโยชน์จากเงินลงทุนที่น้อยลงเพื่อที่ทำกำไรได้มากขึ้น สามารถเลือกใช้แพลตฟอร์มของ Mitrade ลงทุนได้อย่างเหมาะสมแน่นอน
ที่มา: Mitrade
โดยที่โบรกเกอร์ Mitrade ใช้เงินเพียงแค่ 50 USD ก็สามารถเข้าเทรดหุ้นในกลุ่ม FAANG ชื่อดังได้แล้ว หรือสามารถใช้บัญชีทดลองมูลค่าถึง 50,000 USD เพื่อลองฟังก์ชั่นหรือกลยุทธ์การเทรดให้มั่นใจก่อนจะลงทุนเงินจริง

3. ลงทุนในหุ้น ETFs
หุ้น FAANG มีความน่าสนใจและเป็นที่นิยมในการลงทุน, และมี Exchange-Traded Funds (ETFs) ที่จัดทำขึ้นเพื่อติดตามและลงทุนในหุ้นของกลุ่ม FAANG. ETFs เหล่านี้มักจะสะท้อนผลของ FAANG Index หรือมีนโยบายการลงทุนที่เน้นทางเทคโนโลยีหรือหุ้นในกลุ่ม FAANG นี่คือตัวอย่างของ ETFs บางตัวที่เกี่ยวข้องกับหุ้น FAANG
Invesco QQQ Trust (QQQ) QQQ ไม่ได้สร้างมาเพื่อติดตามหุ้น FAANG โดยตรง แต่มันติดตาม Nasdaq-100 Index ที่มีส่วนแบ่งในหุ้นของบริษัททางเทคโนโลยี รวมทั้งบริษัท FAANG
Technology Select Sector SPDR Fund (XLK) XLK มีการลงทุนในหุ้นของภาคเทคโนโลยีและสามารถมีส่วนแบ่งในหุ้นของบริษัท FAANG
Vanguard Information Technology ETF (VGT) VGT เป็น ETF ที่เน้นการลงทุนในภาคเทคโนโลยี, และมีส่วนแบ่งในหุ้นของบริษัททางเทคโนโลยีระดับโลก, รวมถึง FAANG
สรุปหุ้นกลุ่ม FAANG
หุ้นกลุ่ม FAANG จะยังเป็นแกนหลักดั้งเดิม (ซึ่งปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม Magnificent Seven) และยังคงแสดงผลประกอบการและการเติบโตของราคาหุ้นที่น่าสนใจ
อย่างไรก็ตาม ภาพของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยมี AI เป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญที่เข้ามามีบทบาทอย่างยิ่งยวดในทุกมิติ และการเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่ตนเองเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้นรายตัว, การซื้อขายผ่าน CFD, หรือการลงทุนผ่าน ETF ล้วนเป็นทางเลือกที่สามารถพิจารณาได้ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล
หุ้น FAANG ซื้อยากไหม?
ไม่ยาก ปัจจุบันนักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงการลงทุนในหุ้นกลุ่ม FAANG ได้หลายช่องทาง ทั้งการซื้อหุ้นรายตัวโดยตรงผ่านบริษัทหลักทรัพย์ หรือผ่านโบรกเกอร์ออนไลน์ระหว่างประเทศ อย่าง Mitrade
“Magnificent Seven” คืออะไร และแตกต่างจาก FAANG อย่างไร?
“Magnificent Seven” เป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มบริษัทเทคโนโลยี 7 แห่งที่มีอิทธิพลสูงในตลาดปัจจุบัน ได้แก่ Apple (AAPL), Microsoft (MSFT), Alphabet (GOOGL/GOOG), Amazon (AMZN), Nvidia (NVDA), Meta Platforms (META), และ Tesla (TSLA) กลุ่มนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของผู้นำในตลาด โดยให้ความสำคัญกับบริษัทที่มีบทบาทนำในเทคโนโลยี AI
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน