โลหะเงินปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยแต่ยังคงถูกจำกัดอยู่ต่ำกว่า $51.00 ท่ามกลางสัญญาณตลาดที่หลากหลาย
- โลหะเงินปรับตัวสูงขึ้นหลังจากดีดตัวจากระดับใกล้ $50.00 แต่ยังคงถูกจำกัดอยู่ต่ำกว่า $51.00
- ความเสี่ยงยังคงมีอยู่หลังจากการเตือนของญี่ปุ่นต่อจีนและก่อนที่จะมีข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ล่าช้า
- ตลาดคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนธันวาคมได้ลดลง ทำให้ XAG/USD มีความไวต่อการเคลื่อนไหวของ USD
โลหะเงิน (XAG/USD) ซื้อขายสูงขึ้นเล็กน้อยในวันจันทร์ อยู่ที่ประมาณ $50.90 ณ เวลาที่เขียน เพิ่มขึ้น 0.50% ในวันดังกล่าว โลหะสีเทาแสดงสัญญาณเริ่มต้นของการปรับตัวขึ้นหลังจากการลดลงอย่างรุนแรงจากจุดสูงสุดที่ $54.39 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่การล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าในการทำลายและรักษาระดับเหนือ $51.00 ทำให้การเคลื่อนไหวของราคาอยู่ในโซนที่ไม่แน่นอน
การฟื้นตัวเล็กน้อยในช่วงเริ่มต้นของสัปดาห์เกิดขึ้นในบริบทที่กว้างขึ้นของความระมัดระวังในตลาดที่เพิ่มขึ้น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นใหม่ในเอเชีย หลังจากการเตือนของญี่ปุ่นต่อจีนในกรณีที่มีการโจมตีไต้หวัน กำลังช่วยรักษาโทนเสียงที่ป้องกันซึ่งสนับสนุนโลหะมีค่าอย่างพอประมาณ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่กำลังใช้แนวทางรอดูในขณะที่รอข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ล่าช้าเนื่องจากการปิดหน่วยงานของรัฐบาล
สัปดาห์นี้จะถูกครอบงำโดยการเผยแพร่ข้อมูลอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่หน่วยงานของรัฐบาลกลางกลับมาทำงาน โดยเริ่มจากตัวชี้วัดตลาดแรงงาน รวมถึงข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ในวันพฤหัสบดี ข้อมูลเหล่านี้คาดว่าจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการตัดสินใจนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเดือนธันวาคม
ความอ่อนแอในตลาดแรงงานที่เกิดขึ้นใหม่อาจส่งผลกระทบต่อดอลลาร์สหรัฐ (USD) และสนับสนุนราคาของโลหะเงินโดยอัตโนมัติ เนื่องจากโลหะนี้มีการตั้งราคาเป็นดอลลาร์สหรัฐ Commonwealth Bank of Australia (CBA) นักยุทธศาสตร์ Carol Kong ได้สะท้อนมุมมองนี้ โดยระบุว่าความเสี่ยงมีแนวโน้มไปทางการพิมพ์ข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ ซึ่งจะฟื้นฟูความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมและกดดันดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม โลหะเงินยังคงถูกจำกัดโดยท่าทีที่ยังคงเข้มงวดของเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ประธานเฟดแคนซัสซิตี้ Jeffrey Schmid กล่าวว่า นโยบายการเงินต้องยังคงต่อต้านความต้องการและยังคง "จำกัดอย่างพอประมาณ" ซึ่งจำกัดขอบเขตสำหรับการฟื้นตัวที่กว้างขึ้นในโลหะมีค่า ขณะนี้ตลาดคาดการณ์เพียงประมาณ 40% โอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดพื้นฐานในเดือนธันวาคม ลดลงจากมากกว่า 60% ในช่วงต้นเดือนนี้ ตามข้อมูลจากเครื่องมือ CME FedWatch
โลหะเงิน: คำถามที่พบบ่อย
แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ
ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน
โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน
ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน
บทความแนะนำ
