การคาดการณ์ราคาทองคำขาว: XAG/USD ทดสอบระดับสนับสนุนที่ $36.00 หลังจากถอยตัวจาก EMA เก้าวัน
- ราคาโลหะเงินอาจทดสอบแนวต้านที่เส้น EMA 9 วันที่ระดับ 36.16 ดอลลาร์อีกครั้ง
- แนวโน้มขาขึ้นมีความแข็งแกร่งขึ้นเมื่อดัชนี Relative Strength Index (RSI) 14 วันยังคงอยู่เหนือระดับ 50
- คู่เงินพบแนวรับทันทีบริเวณขอบล่างของกรอบราคาขาขึ้นที่ระดับ 36.00 ดอลลาร์
ราคาโลหะเงิน (XAG/USD) ย่อตัวจากการปรับตัวขึ้นล่าสุดที่บันทึกไว้ในเซสชั่นก่อนหน้า โดยซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 36.00 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ในช่วงเช้าของวันอังคารในยุโรป การวิเคราะห์ทางเทคนิคของกราฟรายวันแสดงให้เห็นว่าราคาโลหะมีค่าอยู่ภายในรูปแบบกรอบราคาขาขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่มีอยู่
นอกจากนี้ ดัชนี Relative Strength Index (RSI) 14 วันยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่ยังคงมีอยู่ อย่างไรก็ตาม ราคาโลหะเงินยังคงอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (EMA) 9 วัน ซึ่งเน้นให้เห็นว่าโมเมนตัมในระยะสั้นนั้นอ่อนแอกว่า
คู่ XAG/USD อาจพบแนวต้านทันทีที่เส้น EMA 9 วันที่ระดับ 36.16 ดอลลาร์ การทะลุผ่านระดับนี้ได้อย่างสำเร็จจะช่วยเสริมสร้างโมเมนตัมราคาในระยะสั้นและสนับสนุนให้คู่เงินทดสอบที่ระดับ 37.32 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2012 การปรับตัวขึ้นเพิ่มเติมจะเปิดโอกาสให้ราคาโลหะเงินสำรวจบริเวณรอบขอบบนของกรอบราคาขาขึ้นที่ประมาณ 39.50 ดอลลาร์
ในด้านลบ ราคาโลหะเงินกำลังทดสอบขอบล่างของกรอบราคาขาขึ้นที่ระดับ 36.00 ดอลลาร์ การหลุดต่ำกว่ากรอบนี้ได้อย่างสำเร็จจะทำให้เกิดแนวโน้มขาลงและกดดันคู่ XAG/USD ให้ทดสอบเส้น EMA 50 วันที่ระดับ 34.36 ดอลลาร์ การลดลงเพิ่มเติมจะทำให้โมเมนตัมราคาในระยะกลางอ่อนแอลงและทำให้ราคาโลหะเงินต้องเคลื่อนตัวไปยังบริเวณรอบระดับต่ำสุดในรอบสองเดือนที่ 31.65 ดอลลาร์ ซึ่งบันทึกไว้เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม
XAG/USD: กราฟรายวัน
โลหะเงิน FAQs
แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ
ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน
โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน
ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน
บทความแนะนำ
