ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ คืออะไร
ในบทความนี้ทำควา มรู้จักที่มาที่ไปว่าทำไมถึงจึงควรศึกษาและเทรดดาวโจนส์ฟิวเจอร์เป็นทางเลือกเพิ่มเติมและสามารถเทรดโดยใช้กลยุทธ์การเทรดอะไรบ้างดี ถึงจะทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ
ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ คืออะไร
Dow Jones Index Futures (DJI Index Futures) หรือที่รู้จักกันชื่อเต็ม "สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดัชนีดาวโจนส์" หรือเรียกสั้นๆติดปากว่า "ดาวโจนส์ฟิวเจอร์" คือ หนึ่งในประเภทของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เอื้อให้นักลงทุนสามารถ "คาดการณ์" มูลค่าของสินทรัพย์ล่วงหน้าในดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์นั่นเอง และยังช่วยการลดความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนทั้งหมด โดยการจัดกลุ่มดาวโจนส์ฟิวเจอร์เข้ากับตราสารอื่นๆ ในพอร์ต
ความแตกต่างระหว่างดาวโจนส์ฟิวเจอร์และดัชนีดาวโจนส์
ดัชนีดาวโจนส์ คือ ดัชนีหุ้นสหรัฐประกอบไปด้วยหุ้นของ 30 บริษัทที่ถือเป็นตัวแทนสำคัญของเศรษฐกิจอเมริกา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในดัชนีนี้สามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับทิศทางของตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกาว่ามีแนวโน้มขึ้นหรือลงมากกว่ากัน
ความแตกต่างระหว่างดาวโจนส์ฟิวเจอร์สและดัชนีดาวโจนส์
ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ (Dow Jones Futures)
เป็นสัญญาซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินที่มีมูลค่าไปตามผลของดัชนีดาวโจนส์.
สัญญานี้อนุญาตให้ลูกค้าซื้อหรือขายดัชนีดาวโจนส์ในอนาคตที่กำหนด.
การซื้อขายดาวโจนส์ฟิวเจอร์สนั้นไม่ใช่การซื้อขายหุ้นตรงๆ แต่เป็นการซื้อขายสัญญาในการส่งมอบหุ้นในอนาคต
ดัชนีดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average)
เป็นดัชนีหุ้นที่ประกอบไปด้วยหุ้นของ 30 บริษัทที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา.
สรุปผลประสิทธิภาพของตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา.การเปลี่ยนแปลงในดัชนีนี้สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับทิศทางทางเศรษฐกิจของอเมริกา
ดังนั้นดาวโจนส์ฟิวเจอร์ เป็นสัญญาที่ไปลงทุนในดัชนีดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average) โดยนักลงทุนสามารถเลือกเทรดเป็น US30 CFD ที่อ้างอิงจากดัชนีดาวโจนส์
จุดเด่นของสินค้า CFD คือลงทุนใช้เงินเริ่มต้นเพียงแค่ 50 USD เท่านั้นสำหรับเงินจริง และยังมีเลเวอเรจ ให้สุงสุดถึง 1 : 200 ซึ่งช่วยให้กำไรได้มากขึ้นโดยใช้เงินเท่าเดิม แต่นักลงทุนก็มีความเสี่ยงขึ้นเช่นกัน ดังนั้นควรศึกษาเรื่องของเลเวอเรจให้เข้าใจ และที่โบรกเกอร์ Mitrade มีบัญชีทดลองหรือเดโม่มูลค่าถึง 50,000 USD ให้นักลงทุนสามารถใช้ฝึกฟังก์ชั่นต่างๆก่อนลงสนามจริง
ดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีประโยชน์อย่างไรบ้าง
มีหลายเหตุผลที่ทำให้นักลงทุนหันมาสนใจเข้าลงทุนในดาวโจนส์ฟิวเจอร์
เป็น Likelihood of Hedging (การป้องกันความเสี่ยง) ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน. การถือดาวโจนส์ฟิวเจอร์นั้นสามารถช่วยลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในหุ้นและตลาดแลกเปลี่ยนการเงิน
ลงทุนในทิศทางที่ตลาดกำลังไป การศึกษาเทรด ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ สามารถให้คาดการณ์แนวโน้มของทิศทางที่ตลาดกำลังไป, ทำให้นักลงทุนมีโอกาสทำกำไรจากการทำนายทิศทางของตลาดเช่นกัน
ความสะดวกสบายในการเทรด การซื้อขายดาวโจนส์ฟิวเจอร์ นั้นสามารถทำได้ตลอด 24 ชั่วโมงตลอด 5 วันต่อสัปดาห์, ทำให้สะดวกสบายสูงในการเทรดในเวลาที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุน
ช่วยทำกำไรจากความผันผวนของตลาด ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ มักมีความผันผวนนสูง, ซึ่งอาจนำไปสู่โอกาสทำกำไรสูง แม้ว่าความผันผวนนี้อาจทำให้เกิดความเสี่ยงมากขึ้นก็ตาม
เข้าถึงตลาดทางการเงินโลก ดาวโจนส์ฟิวเจอร์เป็นตัวแทนสำคัญของตลาดทางการเงินอเมริกา ทำให้มีผลต่อตลาดทั่วโลก. การเทรดดาวโจนส์ฟิวเจอร์ สามารถเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าถึงตลาดหุ้นสหรัฐ
วิธีการเทรดดาวโจนส์ฟิวเจอร์
การเทรดดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ ไม่ซับซ้อนแต่อย่างใด มันคือการทำข้อตกลงระหว่าง 2 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายหนึ่งคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดกำลังจะเพิ่มขึ้น ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามคาดการณ์ในทางตรงกันข้ามว่ามูลค่าของตลาดกำลังจะลดลง และเมื่อวันที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้นสิ้นสุด (หรือที่เรียกว่า "วันกำหนดชำระ") หากฝั่งที่คาดการณ์ได้ไม่ถูกต้องจะต้องจ่ายให้กับอีกฝั่งตรงข้ามที่คาดการณ์ถูก หากไม่ทำตามสัญญาดังกล่าวก็จะถือเป็นการผิดสัญญา จะตัวอย่างต่อไปนี้เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น นักลงทุนตัดสินใจที่จะเข้าซื้อ BUY สัญญาดาวโจนส์ฟิวเจอร์สล่าสุด และดัชนีเท่ากับ 33,500 จุด โดยมีขนาดของสัญญามาตรฐานที่จะทำให้ท่านได้ 10 เท่า (ขึ้นอยู่กับเลเวอเรจ) ของจำนวนที่จะได้หรือเสีย เมื่อถึงวันกำหนดชำระและดัชนีดาวโจนส์ในขณะนั้นมีมูลค่า 34,000 จุด นั่นหมายความว่า มูลค่าของสัญญาของท่านได้เพิ่มขึ้น 500 USD ซึ่งเมื่อคูณด้วย 10 เท่ากับนักลงทุนจะได้กำไรจากฝั่งตรงข้ามเท่ากับ (500x10) = 5,000 USD
ทางตรงกันข้ามหากมูลค่าของดัชนีดาวโจนส์ลดลง (สมมุติว่าลดลง 33,200 จุด) ฝั่งของนักลงทุนต้องขาดทุนและจ่ายให้ฝั่งตรงข้ามที่ 3,000 USD เนื่องจากมูลค่าของสัญญานั้นลดลง 300 จุดคูณด้วย 10 ก็จะเท่ากับ (300x10) = 3,000 USD
3 เทคนิคเทรดดาวโจนส์ฟิวเจอร์
รู้จักเรื่องโครงสร้างและที่มาที่ไปของดาวโจนส์ฟิวเจอร์แล้ว ต่อไปเรามาศึกษาเทคนิคในการเข้าเทรดดาวโจนส์ฟิวเจอร์กันต่อว่ามีอะไรบ้าง
ใช้ตัวเลขเศรษฐกิจที่คาดการณ์หรือเปิดเผยออกมาในการวางแผนการเล่น
การเทรดโดยใช้ตัวเลขพื้นฐานทางเศรษฐกิจ หมายถึงการใช้ข้อมูลทางเศรษฐกิจ เช่น ตัวชี้วัดเศรษฐกิจ, อัตราแลกเปลี่ยน, อัตราดอกเบี้ย, และข้อมูลอื่น ๆ เพื่อวิเคราะห์และตัดสินใจในการเทรด. ตัวเลขพื้นฐานทางเศรษฐกิจสามารถให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสถานะของเศรษฐกิจ และสามารถช่วยในการทำนายทิศทางของตลาดได้.
นี่คือตัวอย่างของตัวเลขพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่นักเทรดส่วนมากใช้:
Gross Domestic Product (GDP): คือ ตัวชี้วัดที่บ่งบอกถึงมูลค่าทั้งหมดของสินค้าและบริการที่ผลิตในระบบเศรษฐกิจของประเทศ. การเปลี่ยนแปลงใน GDP สามารถบ่งบอกถึงการเจริญขึ้นหรือทรุดตัวของเศรษฐกิจ, ซึ่งอาจมีผลต่อตลาดหลักทรัพย์.
Unemployment Rate (อัตราการว่างงาน): อัตราการว่างงานแสดงถึงสัดส่วนของแรงงานที่ไม่ได้ทำงานในร้อยละของแรงงานทั้งหมด. การทำงานของตลาดหลักทรัพย์สามารถมีผลต่ออัตราการว่างงานและแกว่งไปตามสถานการณ์ของเศรษฐกิจ.
Inflation Rate (อัตราเงินเฟ้อ): ซึ่งบ่งบอกถึงความแข็งแรงของเศรษฐกิจ ควรอยู่ในตัวเลขที่เหมาะสมที่ทางธนาคารกลางตั้งเป้าไว้
Ex. ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ล่าสุด ร่วงลงกว่า 100 จุด ก่อนการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2566 ของสหรัฐในคืนนี้: จะเห็นว่าตัวเลข GDP ที่คาดการณ์ไว้น่าจะออกมาไม่ดีหรือต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์มองไว้ ทำให้กดดันต่อดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ดังนั้นนักลงทุนสามารถรอจังหวะที่จะเล่นฝั่ง Sell หรือ Short position เพื่อทำกำไรในฝั่งขาลง
ใช้กราฟหาแนวรับแนวต้านที่สำคัญในการวางแผนจุดเข้าออกที่ชัดเจน
แนวรับ แนวต้าน เครื่องมือสำคัญวิเคราะห์กราฟเทคนิคคอลและยังถือเป็นพื้นฐานหลักในการเทรดและการวิเคราะห์ตลาดการเงินอื่นๆ ด้วย โดยวิธีดูแนวรับแนวต้านหรือเครื่องมือหาแนวรับแนวต้านนี้จะใช้ Indicator แนวรับแนวต้าน หรือที่เราเรียกกันว่าตัวบ่งชี้แนวรับและแนวต้าน เป็นเครื่องมือสำคัญในการซื้อขายหุ้นและ CFD
แนวรับ (Support) คือ จุดที่เป็นจุดกลับตัวของกราฟ หรือจุดที่ราคาเคยต่ำที่สุดในช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็จะมีแนวโน้มแรงซื้อกลับเข้ามา และทำให้ราคาดีดตัวกลับขึ้นไปซะส่วนใหญ่ แนวรับนี้เองจึงเป็นจุดที่น่าซื้อ เพื่อที่จะทำกำไรในอนาคตสำหรับช่วงราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น
Ex. จากกราฟเมื่อดาวโจนส์ฟิวเจอร์สของในช่วงเดือนกรกฎาคมและกันยายน มีแนวรับที่เส้นสีเขียวบริเวณ 34,000 จุด ซึ่งเป็นโซนแนวรับที่สำคัญ สามารถกลับตัวได้ที่บริเวณนั้นเสมอ ถ้านักลงทุนเทรดฝั่ง Buy ที่แนวรับ เมื่อราคาขึ้นไปตามคาดการณ์จะกำไร ขณะเดียวกัน ถ้าราคาไม่สามารถยืนและหลุดแนวรับลงมา นักลงทุนต้องตัดขาดทุน
แนวต้าน (Resistance) คือ จุดที่เป็นจุดกลับตัวของกราฟ หรือจุดที่ราคาเคยสูงสุดในช่วงเวลาที่ผ่านมา จึงมีโอกาสที่ราคาจะอ่อนตัวลงมา เนื่องจากมีโอกาสที่ขายทำกำไร เพราะเห็นว่าดาวโจนส์ฟิวเจอร์สมีราคาที่สูง จึงเป็นจุดที่นักลงทุนจะชะลอการลงทุน และดูทิศทางในระยะต่อไป เพื่อเป็นการขายทำกำไรนั่นเอง
Ex. จากกราฟเมื่อดาวโจนส์ฟิวเจอร์สล่าสุด ขึ้นมาถึงที่เส้นแนวต้าน(เส้นสีแดง)บริเวณ 36,327 จุด เมื่อวันที่ 1ธันวาค 2023 ซึ่งเป็นโซนแนวต้านเดิมที่สำคัญ ดัชนียังไม่สามารถทะลุผ่านนั้น ถ้านักลงทุนทำการเล่นฝั่ง Sell ที่แนวต้านและถ้าราคาลงมาตามแผน จะกำไรเช่นกัน ตรงกันข้ามถ้าแนวต้านนั้นไม่สามารถยันราคาได้ จะทะลุกรอบขึ้นไปและนักลงทุนต้องทำการตัดขาดทุนหรือวางแผนให้เหมาะสมกับเงินทุนต่อไป
ใช้เลเวอเรจ & Money Management ให้เป็นประโยชน์
การเทรดดาวโจนส์ฟิวเจอร์ จะมีการใช้ตัวคูณดัชนี (Multiplier) ซึ่งทำให้เทรดเดอร์รับเลเวอเรจได้มากยิ่งขึ้นและขยายโอกาสในการทำกำไรมากขึ้นด้วย โดยเทรดเดอร์สามารถใช้เลเวอเรจ 1 ต่อ 10 หรือเลเวอเรจ 1,000% และนักลงทุนยังสามารถใช้เทคนิคการบริหารจัดการเงินทุนหรือ Money Management ( MM ) คือการจัดการเงินทุน เพื่อให้การเทรดของเราเป็นระบบ และมีหลักการ ซึ่ง MM จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้พอร์ตเรามีความปลอดภัยมากขึ้น 2 วิธีด้วยกัน คือ
วิธีถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยงของการเทรดแต่ละครั้ง ที่จะกำหนดเงินที่จะลงทุนตาม Risk & Reward (RR) ของการวางแผนกำไรและขาดทุน เช่น R : R ที่ 2 ต่อ 1 เท่ากับ วางเป้ากำไร 200 USD แต่ให้ขาดทุนที่ 100 USD
วิธีกฎ 2% ซึ่งจะกำหนดการขาดทุนของพอร์ตเราไว้ที่ 2% และจะหาจำนวนเงินลงทุนจากจำนวนเงินที่เรายอมขาดทุนได้นั่นเอง
สรุป
รู้จักมากขึ้นกับสินค้าดาวโจนส์ฟิวเจอร์ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของนักลงทุนที่ชอบความผันผวน และลดความเสี่ยงจากการเทรดคู่เงินหรือหุ้น โดยเฉพาะช่วงที่ตลาดหุ้นสหรัฐมีปัจจัยทั้งเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญมาเป็นตัวเร่ง ดังนั้นนักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจพฤติกรรมของดาวโจนส์ฟิวเจอร์ให้เข้าใจและอาศัยความผันผวนช่วยให้ทำกำไรอีกทางหนึ่งในพอร์ตการลงทุน
1.ข้อควรระวังสำหรับเทรดดาวโจนส์ฟิวเจอร์สำหรับนักลงทุนที่เริ่มต้น
2.นักลงทุนสามารถติดตามข่าวสารทางด้านเศรษฐกิจทีเกี่ยวข้องกับดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์หรือตลาดหุ้นสหรัฐได้จากแหล่งใดบ้าง
3.ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ขึ้นหรือลง
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน