Mitrade Insights ทุ่มเทเพื่อให้นักลงทุนได้รับข้อมูลทางการเงินที่ครบถ้วน ทันเวลา และมีคุณค่ามากที่สุด เพื่อช่วยให้นักลงทุนเข้าใจสถานการณ์ตลาดและคว้าโอกาสในการซื้อขายได้ทันท่วงที
    2021
    ผู้ให้บริการข่าวและการวิเคราะห์ที่ดีที่สุด
    FxDailyInfo
    2022
    แหล่งข้อมูลการศึกษา Forex ที่ดีที่สุดทั่วโลก
    International Business Magazine

    10 รูปแบบกราฟหุ้นที่นักเทรดต้องรู้ก่อนลงมือเทรด

    8 นาที
    อัพเดทครั้งล่าสุด 03 พ.ย. 2566 06:59 น.

    รูปแบบกราฟหุ้น (Stock Chart Pattern) ถูกนำมาใช้คาดการณ์แนวโน้มทิศทางราคาหุ้นมาเป็นเวลานานด้วยจุดเด่นที่วิธีนี้ช่วยให้นักเทรดอ่านและตีความกราฟได้อย่างเรียบง่ายตรงไปตรงมา นำไปใช้งานได้จริง จนถึงปัจจุบันรูปแบบกราฟหุ้นยังเป็นที่นิยมนำมาใช้และเป็นวิชาบังคับสำหรับนักเทรดที่จำเป็นต้องเรียนรู้ก่อนเริ่มลงสนามเทรดจริง ซึ่งหากใครที่กำลังมองหาการเริ่มต้นศึกษารูปแบบกราฟหุ้นอย่างง่ายอยู่ คราวนี้เราจะพาไปดู 10 รูปแบบกราฟหุ้นที่นักเทรดต้องรู้ก่อนลงมือเทรดกัน

    รูปแบบกราฟหุ้นแบ่งเป็นประเภทอะไรได้บ้าง

    รูปแบบกราฟหุ้นเป็นหนึ่งในเทคนิคการวิเคราะห์แนวโน้มราคา (Trendline) ซึ่งสามารถแบ่งออกตามการใช้งานได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ 


    • รูปแบบกราฟราคาหุ้นแสดงการกลับตัวของแนวโน้ม (Reversal Pattern)

    เป็นรูปแบบกราฟที่เกิดการฟอร์มตัวแล้วมักตามมาด้วยการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มจากขึ้นเป็นลง หรือจากลงเป็นขึ้น ถือเป็นสัญญาณเตือนสำหรับนักเทรดว่าแนวโน้มมีโอกาสเปลี่ยนแปลงไปแล้ว


    • รูปแบบกราฟราคาหุ้นแสดงความต่อเนื่องของแนวโน้ม (Continuation Pattern)

    เป็นรูปแบบกราฟที่เกิดขึ้นแล้วแสดงถึงการพักตัวของราคาเพื่อลดความร้อนแรงหรือแพนิค ถือเป็นสัญญาณแสดงความต่อเนื่องของแนวโน้มว่าเมื่อสิ้นสุดรูปแบบการพักตัวแล้วราคาจะเคลื่อนที่ต่อไปในแนวโน้มเดิม


    • รูปแบบกราฟราคาหุ้นที่กำลังเลือกทาง (Bilateral Patterns)

    เป็นรูปแบบการพักตัวของราคาที่แรงซื้อและแรงขายมีกำลังใกล้เคียงกันและยังไม่สามารถบอกได้ว่าเมื่อสิ้นสุดรูปแบบกราฟหุ้นที่เป็นการพักตัวนี้แล้ว ทิศทางราคาจะยังดำเนินไปในทิศทางเดิมหรือก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม

    10 รูปแบบกราฟหุ้นที่นักเทรดต้องรู้ก่อนลงมือเทรด

    1. รูปแบบหัวและไหล่ (Head and Shoulders)


    รูปแบบหัวและไหล่ (Head and Shoulders)


    รูปแบบหัวและไหล่ (Head and Shoulders) เป็นรูปแบบกราฟหุ้นที่ได้รับความนิยมนำมาบ่งชี้การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง เนื่องจากเมื่อเกิดรูปแบบนี้ขึ้นแล้วมักตามมาด้วยการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มครั้งสำคัญซึ่งมักพบในการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มราคาของหุ้นขนาดใหญ่หรือดัชนี จนกลายเป็นความเสี่ยงครั้งสำคัญสำหรับนักลงทุนที่กำลังเพลิดเพลินกับการซื้อหุ้นในแนวโน้มขาขึ้น


    รูปแบบกราฟหุ้นแบบหัวและไหล่มักพบได้ในแนวโน้มราคาหุ้นที่เป็นขาขึ้นมาอย่างยาวนานก่อนหน้า แล้วเริ่มฟอร์มตัวด้วยการทำจุดสวิงสูงสุดใหม่ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ (Higher High) แต่ในจุดสวิงที่ 3 ราคาไม่สามารถขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ได้ ทำให้เกิดเป็นจุดสวิงที่ต่ำลง (Lower High) ซึ่งแสดงถึงการที่แรงขายเริ่มมีกำลัง และหากราคาเริ่มปรับตัวต่ำกว่า Neckline ก็จะเป็นการยืนยันว่าแนวโน้มขาขึ้นได้จบลงแล้ว จากนั้นแนวโน้มราคาจะเปลี่ยนกลับเป็นขาลง 


    2. รูปแบบหัวและไหล่กลับด้าน (Inverse Head and Shoulders)


    รูปแบบหัวและไหล่กลับด้าน (Inverse Head and Shoulders)


    รูปแบบหัวและไหล่กลับด้าน (Inverse Head and Shoulders) เป็นรูปแบบกราฟหุ้นด้านกลับของ รูปแบบหัวและไหล่ (Head and Shoulders) โดยนิยมนำมาบ่งชี้การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มราคาจากขาลงกลับเป็นขาขึ้น ซึ่งแม้ไม่ได้พบบ่อยได้มากเท่ากับ รูปแบบหัวและไหล่ แต่ก็มีความสำคัญในฐานะรูปแบบกราฟราคาที่บ่งชี้การกลับตัวเป็นขาขึ้นที่แม่นยำรูปแบบหนึ่ง


    รูปแบบหัวและไหล่กลับด้าน พบได้ในแนวโน้มราคาที่เป็นขาลงมาอย่างยาวนานและเริ่มมีการพักตัวในลักษณะการทำจุดสวิงราคาในที่ต่ำ 3 จุด โดยทำจุดต่ำที่ 1 และ 2 แบบต่ำลง (Lower Low) แต่ในจุดสวิงต่ำที่ 3 ราคาเริ่มไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่เป็นจุดต่ำที่เริ่มยกสูง (Higher Low) ซึ่งหมายถึงแรงซื้อเริ่มกลับมามีบทบาท และหากราคาสามารถปรับตัวทะลุ Neckline ได้ก็จะยืนยันว่าแรงซื้อชนะอย่างเด็ดขาดและแนวโน้มราคาได้เปลี่ยนกลับเป็นขาขึ้นแล้ว


    3. รูปแบบ Double Top


    รูปแบบ Double Top


    รูปแบบ Double Top เป็นรูปแบบกราฟหุ้นที่คล้ายกับ รูปแบบหัวและไหล่ แต่ขณะที่รูปแบบรูปแบบหัวและไหล่จะมีการทำจุดสวิงสูง 3 จุด รูปแบบกราหุ้นแบบ Doble Top จะมีจุดสวิงสูงเพียง 2 จุดทำให้รูปแบบ Double Top มีระยะเวลาการฟอร์มตัวสั้นกว่า แต่ก็สามารถนำมาเป็นสัญญาณการกลับตัวในแนวโน้มขาขึ้นได้เช่นกัน


    รูปแบบกราฟหุ้นแบบ Double Top พบได้ในแนวโน้มราคาที่เป็นขาขึ้นมาก่อนหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นแนวโน้มขาขึ้นมาอย่างรุนแรงแล้วเกิดจุดสวิงสูงที่ 2 ที่ไม่ได้ทำจุดสูงสุดใหม่ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าแรงขายเริ่มเข้ามามีบทบาทและแนวโน้มขาขึ้นเริ่มมีสัญญาณที่จะไม่ขึ้นต่อ หากแรงขายกดดันให้ราคาปรับลงต่ำกว่า Neckline จะหมายถึงแนวโน้มราคาได้เปลี่ยนกลับเป็นขาลงแล้ว ซึ่งจะบอกสัญญาณได้แม่นยำขึ้นเมื่อเกิดรูปแบบกราฟหุ้นนี้ร่วมกับสัญญาณขัดแย้งของอินดิเคเตอร์เปลี่ยนกลับเป็นขาลง (Bearish Divergence


    4. รูปแบบ Double Bottom


    รูปแบบ Double Bottom



    รูปแบบ Double Bottom เป็นด้านกลับของ Double Top ซึ่งจะมีลักษณะการฟอร์มตัวของรูปแบบกราฟหุ้นที่เป็นจุดสวิงในจุดต่ำ 2 จุดแล้วเกิดการเหวี่ยงกลับของราคา จึงมักถูกนำมาใช้เป็นสัญญาณบอกการเปลี่ยนของแนวโน้มจากขาลงกลับเป็นขาขึ้น 


    รูปแบบกราฟหุ้นแบบ Double Bottom พบได้ในแนวโน้มราคาที่เป็นขาลงมาก่อน โดยเฉพาะเมื่อเกิดการลงมาอย่างรุนแรงและราคาเริ่มมีการฟอร์มตัวในรูปแบบที่เกิดจุดสวิงต่ำ 2 จุดที่ระดับใกล้เคียงกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแรงขายเริ่มอ่อนกำลังลงและมีแรงซื้อกลับเข้ามา ซึ่งหากแรงซื้อสามารถผลักดันราคาให้ปรับขึ้นเหนือ Neckline ได้ก็จะเป็นการยืนยันว่าแนวโน้มราคาขาลงได้สิ้นสุดลงและเปลี่ยนกลับเป็นขาขึ้นแล้ว การใช้รูปแบบกราฟหุ้น Double Bottom จะยิ่งแม่นยังเมื่อมีการยืนยันการกลับตัวจากอินดิเคเตอร์ตัวอื่น ๆ ตามมาด้วย เช่น การเกิดสัญญาณขัดแย้งเปลี่ยนเป็นขาขึ้น (Bullish Divergence)


    5. รูปแบบก้นถ้วย (Cup/ Rounding Bottom)


    รูปแบบก้นถ้วย (Cup/ Rounding Bottom)


    รูปแบบก้นถ้วย (Cup/ Rounding Bottom) เป็นรูปแบบกราฟหุ้นที่สามารถนำไปบ่งชี้การเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มได้ โดยมักเกิดขึ้นในการเปลี่ยนกลับของแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้น ซึ่งรูปแบบกราฟหุ้นนี้แตกต่างจาก รูปแบบหัวและไหล่กลับด้าน และ Double Bottom ในแง่ที่ไม่ได้ทำจุดสวิงที่จุดต่ำ แต่เป็นการค่อย ๆ กดราคาลงเรื่อย ๆ ซึ่งแสดงถึงแรงขายที่รับบทเด่น จนเมื่อแรงซื้อเริ่มดันกลับรูปแบบราคาจะค่อย ๆ วกกลับ 


    รูปแบบกราฟหุ้นแบบก้นถ้วย (Cup/ Rounding Bottom) มักพบได้ในกราฟราคาที่มีแนวโน้มเป็นขาลงอย่างอ่อนมาก่อนหน้า จากนั้นมีการย่อตัวของราคาแบบค่อยเป็นค่อยไปทำให้กราฟมีลักษณะโค้งแบบก้นกระทะ จนเมื่อแรงซื้อดันกลับให้ราคาทะลุเหนือเส้น Neckline ได้ก็จะเป็นการยืนยันการเปลี่ยนกลับเป็นแนวโน้มขาขึ้นโดยสมบูรณ์


    6. รูปแบบก้นถ้วยและหู (Cup and Handle)


    รูปแบบก้นถ้วยและหู (Cup and Handle)


    รูปแบบกราฟหุ้นแบบก้นถ้วยและหู (Cup and Handle) มีลักษณะคล้ายรูปแบบก้นถ้วย (Cup/ Rounding Bottom) คือรูปแบบกราฟราคามีลักษณะโค้งแบบก้นกระทะ แต่มีลักษณะการเกิดและการตีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะรูปแบบกราฟหุ้นแบบรูปแบบก้นถ้วยเป็นสัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้ม แต่รูปแบบกราฟหุ้นแบบก้นถ้วยและหูเป็นรูปแบบกราฟหุ้นที่ยืนยันความต่อเนื่องของแนวโน้ม 


    รูปแบบก้นถ้วยและหูจะเกิดในกราฟที่เป็นขาขึ้นมาก่อนหน้าแล้วราคาเริ่มมีการพักตัวแบบค่อย ๆ ปรับตัวลงแล้วดันขึ้นเป็นรูปโค้ง แต่ยังไม่สามารถทะลุ Neckline ขึ้นไปได้จนทำให้มีแรงขายกดดันให้ราคาปรับลงอีกครั้งเป็นรูปหูถ้วย ซึ่งคราวนี้หากราคาสามารถปรับตัวทะลุ Neckline ขึ้นไปได้ก็จะเป็นการยืนยันความต่อเนื่องขอแนวโน้มที่เป็นขาขึ้นต่อไป


    7. รูปแบบธง (Flag)


    รูปแบบธง (Flag)


    รูปแบบธง (Flag) เป็นรูปแบบกราฟหุ้นที่แสดงความต่อเนื่องของแนวโน้มที่เกิดขึ้นได้ทั้งการยืนยันแนวโน้มในขาขึ้นและขาลง โดยในแนวโน้มขาขึ้นราคาจะเกิดการปรับฐาน (Correction) และเคลื่อนตัวในกรอบชาแนลพักตัว ในทางตรงกันข้ามหากเป็นแนวโน้มขาลงราคาจะเกิดการรีบาวน์ (Rebound) กลับขึ้นไปเคลื่อนตัวในกรอบชาแนลพักตัว จนเมื่อแรงซื้อหรือแรงขายที่เกิดขึ้นสามารถเอาชนะอีกฝั่งได้จนทำให้ราคาเบรคกรอบธงหรือชาแนลที่เคยทำไว้ได้ราคาก็จะเคลื่อนตัวกลับไปในแนวโน้มเดิมอีกครั้งอย่างต่อเนื่อง


    8. รูปแบบสามเหลี่ยมยก (Ascending Triangle)


    รูปแบบสามเหลี่ยมยก (Ascending Triangle)


    รูปแบบสามเหลี่ยมยก (Ascending Triangle) เป็นรูปแบบกราฟหุ้นที่แสดงความต่อเนื่องของแนวโน้มราคาขาขึ้น โดยเกิดขึ้นเมื่อแนวโน้มราคาก่อนหน้าเป็นขาขึ้นแล้วราคาเริ่มมีการพักตัวในกรอบที่ไม่ได้ทำจุดสูงสุดใหม่ แต่มีการยกฐานของจุดต่ำขึ้นเรื่อย ๆ (Higher Low) จนสามารถวาดเป็นรูปกรอบสามเหลี่ยมยกฐานได้ เมื่อราคาเริ่มบีบตัวและทะลุผ่านแนวต้านขึ้นไปได้ก็จะเป็นการสิ้นสุดการพักตัวของราคาและยืนยันการเคลื่อนตัวของแนวโน้มเป็นขาขึ้นต่อไป


    9. รูปแบบสามเหลี่ยมกด (Descending Triangle)


    รูปแบบสามเหลี่ยมกด (Descending Triangle)


    รูปแบบสามเหลี่ยมกด (Descending Triangle) เป็นรูปแบบกราฟหุ้นที่แสดงความต่อเนื่องของแนวโน้มราคาขาลง เกิดขึ้นเมื่อแนวโน้มราคาก่อนหน้าเป็นขาลงแล้วราคาเริ่มมีการพักตัวในกรอบโดยที่ไม่ได้ทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่มีการทำจุดสูงที่ต่ำลงเรื่อย ๆ (Lower High) จนสามารถวาดเป็นรูปกรอบสามเหลี่ยมกดได้ เมื่อราคาเริ่มบีบตัวและหลุดแนวรับที่เคยทำไว้ลงมาก็จะเป็นการสิ้นสุดการพักตัวของราคาและยืนยันการเคลื่อนตัวของแนวโน้มเป็นขาลงต่อไป


    10. รูปแบบสามเหลี่ยมสมมาตร (Symmetrical Triangle)


    รูปแบบสามเหลี่ยมสมมาตร (Symmetrical Triangle)


    รูปแบบสามเหลี่ยมสมมาตร (Symmetrical Triangle) เป็นรูปแบบกราฟหุ้นที่กำลังเลือกทางและไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเมื่อสิ้นสุดการพักตัวแล้วแนวโน้มจะเป็นอย่างไรต่อ การฟอร์มตัวของรูปแบบราคามักเป็นเกิดขึ้นได้ทั้งในแนวโน้มก่อนหน้าที่เป็นขาขึ้นหรือขาลง จากนั้นเริ่มมีการพักตัวในกรอบที่แรงซื้อและแรงขายมีกำลังใกล้เคียงกัน ทำให้จุดสวิงสูงและจุดสวิงต่ำของราคาบีบตัวเข้าหากันจนสามารถวาดกรอบเป็นสามเหลี่ยมสมมาตรได้ และเมื่อราคาเริ่มทะลุกรอบสามเหลี่ยมออกไปก็จะเกิดเป็นทิศทางของราคาที่ชัดเจนขึ้น

    สรุป

    สำหรับนักเทรดแล้วแนวโน้ม (Trend) ถือเป็นหลักใหญ่สำหรับการกำหนดกลยุทธ์ในการทำกำไร และรูปแบบกราฟหุ้น (Stock Chart Pattern) ก็เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักเทรดเพื่อใช้ในการคาดการณ์แนวโน้มราคาที่มีโอกาสเกิดขึ้นด้วยเครื่องมือและการตีความที่ไม่ซับซ้อน ทำให้ไม่ว่านักลงทุนมือใหม่หรือนักลงทุนที่คร่ำหวอดในตลาดหุ้นสามารถนำมาใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบให้ตัวเองได้ทั้งสิ้น อย่างไรก็ดีการตีความรูปแบบกราฟหุ้นยังขึ้นอยู่กับประสบการณ์และการเรียนรู้ทำให้การใช้งานอย่างแม่นยำนั้นต้องอาศัยการฝึกฝนและสังเกตรูปแบบที่หลากหลายซึ่งหากสนใจก็ทำได้ไม่ยากเลย



    *** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา


    การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

    บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?
    บทความที่เกี่ยวข้อง
    placeholder
    วิธีเล่นหุ้นสำหรับมือใหม่แบบละเอียดในปี 2024‘อยากเล่นหุ้นต้องทํายังไง’ ‘เริ่มเล่นหุ้นแบบไม่รู้อะไรเลย ต้องทำยังไง’ คำถามแบบนี้เป็นคำถามที่เจอบ่อยมากสำหรับผู้ที่มีความสนใจในการเข้าสู่โลกการลงทุน ซึ่งวันนี้เราจะมีวิธีเล่นหุ้นสำหรับมือใหม่แบบละเอียดมาฝากกัน
    ผู้เขียน  MitradeInsights
    ‘อยากเล่นหุ้นต้องทํายังไง’ ‘เริ่มเล่นหุ้นแบบไม่รู้อะไรเลย ต้องทำยังไง’ คำถามแบบนี้เป็นคำถามที่เจอบ่อยมากสำหรับผู้ที่มีความสนใจในการเข้าสู่โลกการลงทุน ซึ่งวันนี้เราจะมีวิธีเล่นหุ้นสำหรับมือใหม่แบบละเอียดมาฝากกัน
    placeholder
    เปิดบัญชีหุ้นที่ไหนดี? 10 โบรกเกอร์ที่น่าเปิดพอร์ตหุ้นในปี 2023 นักลงทุนมือใหม่อาจจะเกิดคำถามว่า จะเปิดบัญชีหุ้นที่ไหนดี? บทความนี้จึงได้รวบรวม 10 โบรกเกอร์ที่น่าเปิดพอร์ตหุ้นในปี 2023 ตามมาดูกันเลย
    ผู้เขียน  MitradeInsights
    นักลงทุนมือใหม่อาจจะเกิดคำถามว่า จะเปิดบัญชีหุ้นที่ไหนดี? บทความนี้จึงได้รวบรวม 10 โบรกเกอร์ที่น่าเปิดพอร์ตหุ้นในปี 2023 ตามมาดูกันเลย
    placeholder
    ตลาดหุ้นเปิดกี่โมง?ก่อนเทรดหุ้นต้องรู้การรู้ว่าตลาดหุ้นเปิดกี่โมงเป็นเรื่องสำคัญและถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักเก็งกำไร สำหรับใครที่อยากรู้แล้วว่าตลาดหุ้นเปิดกี่โมงสำหรับการซื้อขายหุ้นในประเทศไทยก็อย่าได้รอช้า เราเตรียมข้อมูลมาให้แล้ว
    ผู้เขียน  MitradeInsights
    การรู้ว่าตลาดหุ้นเปิดกี่โมงเป็นเรื่องสำคัญและถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักเก็งกำไร สำหรับใครที่อยากรู้แล้วว่าตลาดหุ้นเปิดกี่โมงสำหรับการซื้อขายหุ้นในประเทศไทยก็อย่าได้รอช้า เราเตรียมข้อมูลมาให้แล้ว
    placeholder
    8 โบรกเกอร์ Forex แจกโบนัสฟรีสำหรับลูกค้าใหม่ 2566คราวนี้เราได้รวบรวมลิสต์โบรกเกอร์ Forex แจกโบนัสฟรีสำหรับลูกค้าใหม่ 2566 มาไว้เพื่อให้คุณได้ตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ Forex ใหม่ได้ง่ายยิ่งขึ้น!
    ผู้เขียน  MitradeInsights
    คราวนี้เราได้รวบรวมลิสต์โบรกเกอร์ Forex แจกโบนัสฟรีสำหรับลูกค้าใหม่ 2566 มาไว้เพื่อให้คุณได้ตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ Forex ใหม่ได้ง่ายยิ่งขึ้น!
    placeholder
    DCA คือ อะไร? เปิดบัญชีออมหุ้น DCA ที่ไหนดี 2024สร้างรายได้ทางอ้อมด้วยการลงทุนออมสม่ำเสมอ ทยอยลงทุนเรื่อย ๆ แบบ DCAหรือ Dollar-Cost- Averaging ถัวเฉลี่ยต้นทุนยังไงให้ประสบความสำเร็จ เพราะเป็นการลงทุนที่ง่าย เงินลงทุนตั้งต้นไม่มาก ไม่มีความซับซ้อน เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่เป็นอย่างมาก
    ผู้เขียน  MitradeInsights
    สร้างรายได้ทางอ้อมด้วยการลงทุนออมสม่ำเสมอ ทยอยลงทุนเรื่อย ๆ แบบ DCAหรือ Dollar-Cost- Averaging ถัวเฉลี่ยต้นทุนยังไงให้ประสบความสำเร็จ เพราะเป็นการลงทุนที่ง่าย เงินลงทุนตั้งต้นไม่มาก ไม่มีความซับซ้อน เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่เป็นอย่างมาก