Fractional Depositary Receipt หรือ DRx คืออะไร? วิธีการเข้าลงทุนใน DRx

ในยุคที่เทคโนโลยีและตลาดการเงินเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การลงทุนในตราสารทางการเงินที่มีความหลากหลายและเข้าถึงง่ายกลายเป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนทุกคนต้องการเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีและลดความเสี่ยงในการลงทุน หนึ่งในเครื่องมือทางการเงินได้รับความสนใจอย่างมากในวงการการลงทุนคือ DRx บทวามนี้จะเจาะลึกถึงรายละเอียดของ DRx ข้อดีที่ทำให้ DRx เป็นเครื่องมือที่น่าสนใจในพอร์ตการลงทุนของคุณ

Fractional Depositary Receipt หรือ DRx คือ ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ไม่มีกำหนดอายุ ซึ่งมีสินทรัพย์อ้างอิงได้ทั้งหุ้น, ETF, REITs, กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน และทรัสต์เพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน

 DRx เป็นตราสารทางการเงินที่มีความพิเศษ เพราะเป็นการนำเสนอทางเลือกใหม่ให้กับนักลงทุนที่ต้องการเข้าถึงหุ้นของบริษัทชั้นนำระดับโลก โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนในจำนวนเงินที่สูงจนเกินไป ผ่านการลงทุนในสัดส่วนของหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าการซื้อหุ้นเต็มจำนวน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก

ปัจจุบันมี DRx ที่ให้บริการอยู่ทั้งสิ้น 13 รายการ เรายกตัวอย่าง DRx บางตัว และคำอธิบาย ดังนี้ ที่นักลงทุนพอจะคุ้นชื่อกับหุ้นอ้างอิงต่างประเทศ

- AMZN80X : DRx อ้างอิงหุ้นบริษัท AMAZON.Com 

คนส่วนใหญ่ก็จะมีภาพขึ้นมาในหัวว่า นี่คือบริษัทค้าปลีกด้าน E-Commerce รายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งก็ไม่ผิด แต่ที่จริงแล้ว ทางบริษัทยังมีเครื่องยนต์แห่งการเติบโตหรือ Growth Engine หลักอีกหนึ่งธุรกิจ นั่นก็คือธุรกิจ Cloud Computing อย่าง Amazon Web Service (AWS) ที่ถือว่าเป็นเจ้าตลาดและยังเติบโตได้สูง

- META80X : DRx อ้างอิงหุ้นบริษัท Meta Platforms Inc

เจ้าของสื่อสังคมออนไลน์หรือ Social Media ชื่อดังอย่าง Facebook, Instagram และ WhatsApp จากข้อมูลล่าสุดในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา พบว่า จำนวนผู้ใช้งาน Facebook อย่างต่อเนื่องมีจำนวนทะลุ 3,000 ล้านคนไปแล้วเรียบร้อย ขณะที่จำนวนผู้ใช้งานสม่ำเสมอทุกวันมีจำนวนสูงถึง 2,090 ล้านคน เติบโตขึ้น 5.09% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

- NFLX80X : DRx อ้างอิงหุ้นบริษัท Netflix Inc.

ให้บริการด้าน VDO Streaming รายใหญ่ที่สุดของโลก ปัจจุบันมีจำนวนสมาชิก 247.15 ล้านคน (ข้อมูล ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2023) ทำรายได้สูงถึง 24,891 ล้านเหรียญใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2023 และมีสัดส่วน 8% สำหรับเวลาที่คนทั่วโลกใช้ดู VDO Streaming

- SBUX80X : DRx อ้างอิงหุ้นบริษัท Starbucks Corporation

บริษัทเชนร้านกาแฟชื่อดังผู้วางมาตรฐานใหม่ให้กับเชนร้านกาแฟทั่วโลกในวงกว้างนับตั้งแต่ยุค 90s ปัจจุบัน Starbucks มีสาขาทั่วโลกกว่า 38,000 สาขา โดยภูมิภาคอเมริกาเหนือคือตลาดที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท จากข้อมูล ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2023 สหรัฐฯ มีสาขา 16,346 สาขา แคนาดา 1,458 สาขา ถัดมา จีนคือตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของบริษัท โดยมีสาขาทั้งหมด 6,804 สาขา แม้แต่ไทยเองก็ถือว่ามีสาขาของ Starbucks ในระดับค่อนข้างสูงที่ 474 สาขา

- BKNG80X : DRx อ้างอิงหุ้นบริษัท Booking Holdings Inc. 

บริษัทผู้ให้บริการด้านการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว และ ร้านอาหาร อย่างครบวงจรผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทางบริษัทถูกจัดอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมย่อยอย่าง Travel Technology และเป็นหนึ่งในสมาชิกของดัชนี Nasdaq 100

ตาราง DRx ที่ให้บริการผ่านโบรกเกอร์หุ้นไทย

การลงทุนใน DRx (Fractional Depositary Receipts) สามารถทำได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้:

1.หากคุณยังไม่มีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์: คุณจะต้องเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ที่ได้รับการรับรองจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยเตรียมเอกสารที่จำเป็น เช่น บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และเอกสารแสดงรายได้

2.เลือกโบรกเกอร์ที่รองรับการซื้อขายDRx:  เช่น บ.หลักทรัพย์หยวนต้า , บ.หลักทรัพย์เมย์แบงค์กิมเอ็ง หรือ บ.หลักทรัพย์บัวหลวง เป็นต้น 

ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์ที่คุณเลือกมีบริการซื้อขาย DRx หรือไม่ โดยสามารถสอบถามจากฝ่ายบริการลูกค้าของโบรกเกอร์นั้นฝากเงินเข้าบัญชี:

3.ฝากเงินเข้าบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของคุณ: โดยสามารถโอนเงินผ่านธนาคารหรือช่องทางการฝากเงินอื่นๆ ที่โบรกเกอร์ให้บริการ

4.ศึกษารายละเอียดของ DRx: ที่สนใจจากเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หรือ SETTRADE เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักทรัพย์ต่างประเทศนั้นๆ รวมถึงเงื่อนไขและข้อกำหนดในการลงทุน

5.ทำคำสั่งซื้อขาย: เมื่อคุณตัดสินใจเลือก DRx ที่ต้องการลงทุนแล้ว ให้เข้าสู่ระบบซื้อขายของโบรกเกอร์ จากนั้นทำคำสั่งซื้อหรือขาย DRx ตามจำนวนและราคาที่คุณต้องการ

6.ติดตามการลงทุน: หลังจากทำคำสั่งซื้อแล้ว ควรติดตามผลการลงทุนของคุณโดยดูราคาหลักทรัพย์และสภาพตลาด รวมถึงการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนตามความเหมาะสม

-ลงทุนผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ: วิธีนี้เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ที่ไม่มีความรู้หรือประสบการณ์ในการลงทุนโดยตรงในหุ้นต่างประเทศ กองทุนรวมต่างประเทศมีผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญ ในการคัดเลือกหุ้นลงทุนนักลงทุนสามารถลงทุนได้ด้วยเงินจำนวนน้อย

-ลงทุนผ่าน ETF ต่างประเทศ: ETF (Exchange Traded Fund) เป็นกองทุนรวมที่ซื้อขายหน่วยลงทุนในตลาดหลักทรัพย์คล้ายกับหุ้น ETF ต่างประเทศติดตามดัชนีหุ้นต่างประเทศเช่น ดัชนี S&P 500 ดัชนี Hang Seng Index นักลงทุนสามารถลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้กระจายความเสี่ยงโดยไม่ต้องเลือกหุ้นเอง

-ลงทุนโดยตรงในหุ้นต่างประเทศ: วิธีนี้เหมาะกับนักลงทุนที่มีความรู้ และประสบการณ์ในการลงทุนนักลงทุนสามารถเลือกหุ้นลงทุนเอง ได้ผลตอบแทนที่สูงแต่ก็มีความเสี่ยงสูง

-ลงทุนในรูปแบบของ CFD (Contract For Differnce) : หรือเทรดในสัญญาส่วนต่าง ซึ่งเป็นรูปแบบที่ยอดนิยมอีกอย่างหนึ่งในปัจจุบัน เพราะทั้งสะดวกและยืดหยุ่นในการลงทุน และช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงหุ้นต่างประเทศชั้นนำ สินค้าอื่นๆอย่างเช่น ทองคำ คู่เงิน น้ำมัน ดัชนีหุ้น ได้ภายในการเปิดบัญชีเพียงครั้งเดียว 

ราคา AMZN แบบเรียลไทม์

โดยที่การลงทุนในรูปแบบของ CFD สามารถเทรดได้ทั้งสองฝั่ง คือ ฝั่งขาขึ้นมองหน้า BUY และฝั่งขาลงมองหน้า SELL น่าจะเป็นจุดที่ได้เปรียบกว่าการเทรดในรูปแบบของ DRx ที่ให้บริการฉพาะเทรนขาขึ้น แต่ต้องระวังในเรื่องของการบริหารจัดการเงินทุน (Money Management)  เพราะมีการใช้เลเวอเรจ( Leverage) สำหรับช่วยในการเทรด

💸 ห้ามพลาด!!! 💸

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์! 🎁🎁🎁

ค่าคอมฯ 0 สเปรดต่ำ! เงินฝากขั้นต่ำ $50 🤑

ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰

เทรดเดี๋ยวนี้

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน

DRx และ DR นั้นคล้ายคลึงกันตรงที่เป็นตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ

แต่มีความแตกต่างกันในรายละเอียดดังนี้:

1. หน่วยการซื้อขาย

DR: ซื้อขายเป็นหน่วย "หุ้น" 

DRx: ซื้อขายเป็นหน่วย "เศษหุ้น"

ตัวอย่างเช่น DR ของบริษัท Apple 1 หน่วย จะแทนสิทธิ์การเป็นเจ้าของหุ้น Apple 1 หุ้นแต่ DRx ของ Apple 1 หน่วย จะแทนสิทธิ์การเป็นเจ้าของหุ้น Apple ในสัดส่วนที่น้อยกว่า 1 หุ้น อาจจะเป็น 0.01 หุ้น หรือ 0.001 หุ้น หรือเศษหุ้นอื่นๆ

2. วิธีการซื้อขาย

DR: ซื้อขายบนกระดานหลักของตลาดหลักทรัพย์ 

DRx: ซื้อขายนอกกระดานหลัก โดยต้องติดต่อโบรกเกอร์เพื่อทำการซื้อขายโดยตรง

3. ขั้นต่ำในการซื้อ

DR: ซื้อขั้นต่ำ 1 หน่วย

DRx: ซื้อขั้นต่ำไม่มีกำหนด นักลงทุนสามารถซื้อ DRx ได้ด้วยเงินจำนวนน้อย

4. ราคา

DR: ราคาขึ้นอยู่กับราคาหุ้นอ้างอิง 

DRx: ราคาขึ้นอยู่กับราคาหุ้นอ้างอิง แต่เนื่องจาก DRx ซื้อขายเป็นเศษหุ้น ทำให้ราคาต่อหน่วยของ DRx จึงมักจะมีราคาถูกกว่าราคาต่อหน่วยของ DR

5. สิทธิประโยชน์

DR: ผู้ลงทุนมีสิทธิได้รับเงินปันผลและสิทธิในการออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้นเช่นเดียวกับผู้ถือหุ้นของบริษัทอ้างอิง

DRx: ผู้ลงทุนมีสิทธิได้รับเงินปันผลและสิทธิในการออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้น เช่นเดียวกับผู้ถือหุ้นของบริษัทอ้างอิง

เปรียบเทียบความแตกต่าง DRx และ Dr

นักลงทุนควรทราบข้อมูลและพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ ดังนี้:

ความหมายและโครงสร้างของ DRX:

DRX เป็นการลงทุนในหุ้นแบบเศษส่วน ซึ่งอนุญาตให้นักลงทุนซื้อหุ้นในปริมาณที่น้อยกว่าหนึ่งหน่วยเต็ม สิ่งนี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงหุ้นของบริษัทที่มีราคาสูงได้โดยไม่ต้องใช้เงินจำนวนมาก

ข้อดีของการลงทุนใน DRX:

• การกระจายความเสี่ยง: การลงทุนในหุ้นหลายตัวผ่าน DRX ช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นเดียว

• การเข้าถึงหุ้นชั้นนำ: นักลงทุนสามารถลงทุนในบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีราคาหุ้นสูงได้

• ความยืดหยุ่นในการลงทุน: นักลงทุนสามารถลงทุนในจำนวนเงินที่เหมาะสมกับตนเองได้ โดยไม่จำกัดที่ราคาหุ้นเต็มหน่วย

ความเสี่ยงที่ควรพิจารณา:

• ความผันผวนของตลาด: การลงทุนในหุ้นยังคงมีความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาหุ้น

• ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย: นักลงทุนควรพิจารณาค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย DRX รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

• การคาดการณ์ผลตอบแทน: ผลตอบแทนจากการลงทุนใน DRX ไม่สามารถรับประกันได้ และอาจมีความแตกต่างกันไปตามภาวะตลาด

การเลือกผู้ให้บริการ DRX: 

เลือกผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับการรับรอจากหน่วยงานกำกับดูแลตรวจสอบนโยบายการคุ้มครองนักลงทุนและความโปร่งใสในการดำเนินงาน 

การติดตามและปรับกลยุทธ์การลงทุน:

นักลงทุนนควรติดตามข้อมูลข่าวสารและการเปลี่ยนแปลงในตลาดการเงินอย่างต่อเนื่องปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันและเป้าหมายการลงทุนของตนเอง

DRx จึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้เราสามารถเข้าไปลงทุนในบริษัทระดับโลกได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมโอกาสและทางเลือกที่มากขึ้นจะทำให้นักลงทุนสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ยืดหยุ่นมากขึ้น โลกที่เปลี่ยนแปลงเร็วในอัตราเร่ง ความเสี่ยงในตลาดการเงินมีทั้งที่คาดการณ์ได้และคาดไม่ถึง ดังนั้น การมีความรู้ใน DRx ที่ช่วยให้ลดความเสี่ยงหรือกระจายการลงทุนได้นั้นจึงจำเป็น