หุ้นวัฏจักร คือ? หุ้นวัฏจักร มีอะไรบ้าง หุ้นวัฏจักรที่ดีที่สุดที่จะซื้อในปี 2025

ที่ผ่านมาหลายคนอาจจะหลงทางอยู่กับหุ้นเติบโต หุ้นปันผล แต่ลืมมองหุ้นที่มีโอกาสโกยกำไรมหาศาลในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว นั่นคือ หุ้นวัฏจักร นั่นเอง! 

ถ้าเศรษฐกิจกำลังเติบโต แต่พอร์ตคุณยังเหี่ยวเฉา นั่นอาจเป็นเพราะคุณพลาดหุ้นวัฏจักรไปแล้วล่ะ วันนี้ เรามาทำความรู้จักพร้อมเจาะลึก 6 หุ้นหุ้นวัฏจักรที่น่าซื้อในปี 2025 กันดีกว่า!

หุ้นวัฏจักร หรือ Cyclical Stock คือ หุ้นที่มีความผันผวนสูง รายได้และกำไรของบริษัทมีลักษณะเป็นรอบๆ เราเรียกว่าหุ้นวัฏจักร เพราะมันมักมี “รอบ” การขึ้นลงของกำไรและราคาหุ้นเป็นช่วงๆ แต่ละช่วงไม่แน่นอน แต่จะเป็นไปตามกลไกของ Demand และ Supply เป็นหลัก บางอย่างอาจจะเป็นรอบ 1ปี, 5 ปี, 10 ปี ก็ได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะกำหนดเป็นเวลาแบบนี้ทุกครั้ง  และมีความสัมพันธ์กับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมต่างๆ เพราะเมื่อธุรกิจดำเนินต่อหลังเกิดสภาวะถดถอยหรือการเติบโต หุ้นก็จะมีวัฏจักรที่สอดคล้องกับธุรกิจ ทำให้หุ้นมีราคาและกำไรสูงขึ้นในช่วงจังหวะการขยายตัว และได้กำไรน้อยลงเมื่อเกิดสภาวะถดถอยนั่นเอง ซึ่งถ้ามองให้เห็นภาพโดยง่ายสามารถแบ่งเป็นแต่ละช่วงดังนี้ วนรอบตามช่วงเวลาหรือที่เป็นวัฏจักรนั่นเอง

👉 Recovery (ฟื้นตัว): ภาวะฟ้าหลังฝนที่เศรษฐกิจกำลังขยายตัว

👉 Peak (จุดสูงสุด):  ภาวะที่เศรษฐกิจเจริญเติบโตในจุดสูงสุดของวัฏจักร 

👉 Recession (ถดถอย): ภาวะที่เศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ช่วงขาลง 

👉 Trough (ตกต่ำ) ภาวะเศรษฐกิจที่แย่ที่สุดของวัฏจักรเศรษฐกิจ

ที่มา: ttbbank.com

หุ้นวัฏจักรที่นักลงทุนในตลาดหุ้นทราบกันดีได้แก่หุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมต่อไปนี้

• หุ้นกลุ่มเดินเรือหรือ Maritime Stocks คือหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการขนส่งทางเรือและกิจกรรมทางทะเล

  
  

• หุ้นโรงกลั่น หมายถึงหุ้นของบริษัทที่มีธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันหรือสิ่งของที่มีการกระบวนการกลั่นหรือแยกออกจากวัตถุดิบเช่น น้ำมันดิบหรือเชื้อเพลิงเป็นต้น

  
  

• หุ้นที่เกี่ยวข้องกับผลผลิตทางการเกษตร เป็นหุ้นของบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร ซึ่งรวมถึงการปลูกสวน การเลี้ยงสัตว์ การผลิตอาหาร และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องในสายอุตสาหกรรมการเกษตรทั้งหมดหุ้นปิโตรเคมี

  
  

• หุ้นที่เกี่ยวข้องกับถ่านหินหรืออุตสาหกรรมถ่านหินมักเป็นหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการดิบของถ่านหิน หรือการผลิตและจัดจำหน่ายถ่านหินในตลาด 

  
  

• หุ้นเหล็กหรือหุ้นในอุตสาหกรรมเหล็กเป็นหุ้นของบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็ก

1.Nvidia (NVDA)

บริษัทผู้นำด้านชิปประมวลผลกราฟิกและ AI ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังฟื้นและการลงทุนด้าน AI และ data center พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Nvidia ครองตลาดชิป AI กว่า 80% ทำให้การเติบโตของกำไรถูกคาดการณ์ที่ 35% ในปี 2025 แม้ P/E จะอยู่ที่ประมาณ 40 เท่า แต่เมื่อพิจารณา PEG Ratio เพียง 1.2 ถือว่าคุ้มค่ามาก บริษัทมีเงินสดในมือมหาศาลกว่า 20 พันล้านดอลลาร์และแทบไม่มีหนี้สิน

ราคา NVDA แบบเรียลไทม์

2.Caterpillar (CAT)

ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตเครื่องจักรก่อสร้างและอุปกรณ์หนักระดับโลกที่กำลังได้อานิสงส์จากแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก โดยเฉพาะโครงการ Infrastructure Bill มูลค่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ

การเติบโตของรายได้ถูกคาดการณ์ที่ 8-10% ในปี 2025 จากตลาดเอเชียและอเมริกาใต้ที่กำลังเติบโต ด้วย P/E เพียง 15 เท่าและตัวเลข Backlog (งานที่รอดำเนินการ) สูงถึง 30 พันล้านดอลลาร์ CAT จึงมีความน่าสนใจมาก นอกจากนี้ยังมีประวัติการจ่ายเงินปันผลยาวนาน 25 ปีและปรับขึ้นต่อเนื่อง

ราคา CAT แบบเรียลไทม์

3.JPMorgan Chase (JPM) 

ธนาคารรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ที่จะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยที่กำลังปรับลดลง โดยเฟดเริ่มลดดอกเบี้ยแล้วในปลายปี 2024 และคาดว่าจะลดอีก 3-4 ครั้งในปี 2025 ส่งผลให้สินเชื่อเติบโตและกำไรคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 11%

JPM มีอัตราส่วน Price-to-Book เพียง 1.8 เท่า ซึ่งต่ำมากสำหรับธนาคารที่มี ROE สูงถึง 16% และมีเงินกองทุนแข็งแกร่งด้วย CET1 Ratio สูงถึง 14.5%

4.ArcelorMittal (MT)

ผู้ผลิตเหล็กระดับโลกที่จะได้ประโยชน์จากการกลับมาของภาคการผลิตและก่อสร้างทั่วโลก ราคาเหล็กคาดว่าจะปรับตัวขึ้น 15-20% ในปี 2025 จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน MT มีค่า P/E เพียง 5 เท่า ซึ่งต่ำมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม และมี Free Cash Flow Yield สูงถึง 15% ทำให้สามารถซื้อหุ้นคืนและจ่ายปันผลได้อย่างมั่นคง

นอกจากนี้ยังกำลังลงทุนในเทคโนโลยีเหล็กสะอาดเพื่อลดการปล่อย CO2 30% ภายในปี 2030 ตอบโจทย์กระแส ESG

5.LVMH (LVMUY)

อาณาจักรสินค้าหรูระดับโลกที่ควบรวมแบรนด์ชั้นนำมากกว่า 75 แบรนด์ รวมถึง Louis Vuitton และ Dior กำลังได้ประโยชน์จากกำลังซื้อของคนรวยที่ไม่เคยหายไปแม้ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจะยิ่งหนุนยอดขายให้เติบโตในปี 2025

ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 65% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมมาก และการเติบโตของรายได้และกำไรต่อเนื่อง 10 ปี ทำให้ LVMH มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ น่าสนใจว่า Bernard Arnault ผู้ก่อตั้งและ CEO ถือหุ้นในบริษัทมากกว่า 40% แสดงถึงความเชื่อมั่นสูง

ราคา LVMH แบบเรียลไทม์

6.Lennar Corporation (LEN)

บริษัทสร้างบ้านชั้นนำของสหรัฐฯ ที่จะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยที่ลดลงในปี 2025 โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านจะลดลงต่ำกว่า 5.5%

ในปี 2025 ผนวกกับอายุเฉลี่ยบ้านในสหรัฐฯ ที่สูงขึ้นและ Millennials ที่กำลังเข้าสู่วัยซื้อบ้านหลังแรก ทำให้ความต้องการบ้านใหม่เพิ่มสูงขึ้น Lennar มี P/E เพียง 10 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม และมีที่ดินสำรองสำหรับการพัฒนามากกว่า 300,000 แปลง ซึ่งซื้อมาในราคาถูกช่วงตลาดซบเซา นอกจากนี้ยังมีมาร์จิ้นกำไรสูงถึง 21% และสร้างบ้านได้เร็วกว่าคู่แข่ง 15% ด้วยเทคโนโลยีการก่อสร้างใหม่ 

ตัวอย่างหุ้นวัฏจักร

• อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ กำลังได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการฟื้นตัวของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีและการเติบโตของ AI หุ้นอย่าง ASML Holding (ASML), MediaTek (MDTKF), SK Hynix (HXSCL) และ Qualcomm (QCOM) มีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าตลาดเซมิคอนดักเตอร์จะเติบโต 15% ในปี 2025

  
  

• อุตสาหกรรมผู้ผลิตรถยนต์ กำลังได้รับประโยชน์จากวัฏจักรการเปลี่ยนรถของผู้บริโภคที่เลื่อนมาจากช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวในปีก่อนหน้า หุ้นอย่าง Volkswagen (VWAGY), Hyundai (HYMTF), BMW (BMWYY) และ BYD (BYDDY) จึงมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 8% ในปี 2025

  
  

• กลุ่มธนาคารต่าง ๆ มักจะสูญเสียผลกำไรในช่วงเศรษฐกิจถดถอย นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะลดลง ในระยะก่อนการถดถอยและระหว่างการถดถอย ส่งผลให้อัตรากำไรของธนาคารลดลง JPMorgan(JMP), Goldman Sachs(GS) และ Bank of America น่าจะพุ่งขึ้นในช่วงที่มีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

คุณเข้าใจความหมายและเห็นตัวอย่างของหุ้นวัฏจักรแล้ว นี่คือเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเริ่มต้นลงทุนอย่างจริงจัง! การลงทุนในหุ้นวัฏจักรไม่เพียงต้องอาศัยความรู้ทางทฤษฎีเท่านั้น แต่ยังต้องมีประสบการณ์จริงในการวิเคราะห์และตัดสินใจภายใต้สภาวะตลาดที่แท้จริงด้วย

เริ่มต้นอย่างมั่นใจกับบัญชีทดลอง Mitrade

Mitrade มอบโอกาสให้คุณได้ทดลองกลยุทธ์การลงทุนโดยไม่มีความเสี่ยงทางการเงิน เงินทุนทดลอง $50,000 - เพียงลงทะเบียน คุณจะได้รับเงินทดลองทันที ให้คุณฝึกฝนกลยุทธ์การเทรดในสภาพแวดล้อมที่เหมือนจริง

เปิดบัญชีใน 3 นาที - เริ่มต้นลงทุนได้ทันที

การเปิดบัญชีกับ Mitrade ทำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ไม่ว่าจะผ่านเว็บไซต์ทางการ ,แอปพลิเคชัน iOS, Android เพียงไม่กี่ขั้นตอน คุณสามารถเข้าถึงการเทรดหุ้นวัฏจักรชั้นนำในรูปแบบ CFD หรือสัญญาส่วนต่าง ซึ่งให้ความยืดหยุ่นในการทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง

   

💸 ห้ามพลาด!!! 💸    

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์! 🎁🎁🎁    

ค่าคอมฯ 0 สเปรดต่ำ! เงินฝากขั้นต่ำ $50 🤑    

ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰

เทรดเดี๋ยวนี้    

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน

นักลงทุนต้องรู้จักลักษณะและพฤติกรรมของหุ้นวัฏจักร ซึ่งมักมีลักษณะดังนี้ เพื่อประกอบหาจังหวะในการวางแผนเข้าซื้อและขาย เพราะทำให้ลดความเสี่ยงในการไม่รู้เนื่องจากมีลักษณะเฉพาะตนของหุ้นกลุ่มนี้

1. ต่อสู้กับวัฏจักรเศรษฐกิจ หุ้นวัฏจักรมักมีผลกระทบจากวัฏจักรเศรษฐกิจ ซึ่งอาจทำให้ราคาของหุ้นในกลุ่มนี้มีความผันผวนสูงขึ้นในระยะเวลาที่สั้น ๆ และมีความขึ้นและลงตามสถานการณ์เศรษฐกิจ ตัวอย่างของหุ้นวัฏจักรได้แก่หุ้นในภาคอุตสาหกรรมเช่น การผลิตแร่เหล็กหรือภาคอสังหาริมทรัพย์เช่น หุ้นสำรองที่ดินและพัฒนาที่ดิน

   
   

2. ผลิตภายใต้เงื่อนไขตลาด หุ้นวัฏจักรมักมีการผลิตที่เชื่อมโยงกับความต้องการและความต้องการในตลาด เมื่อตลาดเติบโตและมีความต้องการสูง ราคาของหุ้นในกลุ่มนี้มักมีแนวโน้มขึ้น แต่เมื่อตลาดต่ำและความต้องการลดลง ราคาของหุ้นในกลุ่มนี้มักมีแนวโน้มลง

   
   

3. มีความผันผวนสูง ลักษณะของหุ้นวัฏจักรทำให้มีความผันผวนสูงในราคาของหุ้นในระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งอาจสร้างโอกาสในการทำกำไรของนักลงทุนที่มีความชำนาญในการทำนายแนวโน้มของตลาด

   
   

4. มักมีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติม  การลงทุนในหุ้นวัฏจักรอาจมีความเสี่ยงเพิ่มเติมเนื่องจากผลกระทบจากปัจจัยภายนอก เช่น การเปลี่ยนแปลงในนโยบายของรัฐบาล สถานการณ์ทางการเงินโลก หรือปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่สามารถส่งผลต่อธุรกิจและกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้อง

ข้อดีของหุ้นวัฏจักร

✅  โอกาสในการทำกำไรสูง เพราะหุ้นวัฏจักรมีความผันผวนสูงในราคาที่มาพร้อมกับโอกาสในการทำกำไรที่มากขึ้น นักลงทุนที่มีความชำนาญในการวิเคราะห์และการจัดการความเสี่ยงอาจสามารถทำกำไรได้มากในระยะสั้นจากการลงทุนในหุ้นวัฏจักรที่เหมาะสม 

✅  การหมุนเวียนเศรษฐกิจ การลงทุนในหุ้นวัฏจักรช่วยให้นักลงทุนสามารถคาดเดาแนวโน้มของตลาดในระยะยาว โดยพวกเขาสามารถใช้ข้อมูลเกี่ยวกับวัฏจักรเศรษฐกิจเพื่อตัดสินใจในการลงทุนอย่างสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ

✅  การสร้างพอร์ตโฟลิโอ การลงทุนในหุ้นวัฏจักรช่วยให้นักลงทุนสามารถดิเรกในการสร้างพอร์ตโฟลิโอ (portfolio) ที่มีความหลากหลาย โดยการรวมหุ้นวัฏจักรกับหุ้นในหมวดอื่น ๆ อาจช่วยลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน

ข้อเสียของหุ้นวัฏจักร

❌ วามผันผวนสูง หุ้นวัฏจักรมีลักษณะผันผวนที่สูง ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนรับความเสี่ยงสูงเมื่อราคาของหุ้นเข้าสู่ระยะลงตัว นักลงทุนที่ไม่ทนทานอาจต้องเผชิญกับการขาดทุนในระยะเวลาสั้น ๆ 

❌ ความเอาใจใส่และความชำนาญที่จำเป็น การลงทุนในหุ้นวัฏจักรต้องการความเข้าใจในวัฏจักรเศรษฐกิจและการวิเคราะห์ลึกลงในหุ้นและตลาด เพื่อทำให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจลงทุนในเวลาที่เหมาะสมและทำกำไร

❌ ความเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ การลงทุนในหุ้นวัฏจักรสามารถเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติมนอกเหนือจากวัฏจักรเศรษฐกิจ เช่น การเปลี่ยนแปลงในนโยบายของรัฐบาล ปัจจัยทางเศรษฐกิจโลก หรือปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาของหุ้น

❌ ความไม่มั่นคงในการเก็บรักษาความมั่งคั่ง การลงทุนในหุ้นวัฏจักรอาจไม่เหมาะกับนักลงทุนที่มองหาการเก็บรักษาความมั่งคั่งและการลงทุนในระยะยาว เนื่องจากความผันผวนในราคาที่สูงอาจทำให้รายได้ลงตัวในช่วงระยะสั้นและอาจต้องใช้เวลานานในการเก็บรักษามูลค่าของการลงทุน

เราสังเกตแล้วว่า หุ้นวัฏจักรสามารถเปรียบเทียบกับหุ้นที่ทำงานได้ดี โดยไม่คำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจในวงกว้าง หุ้นดังกล่าวสามารถเรียกได้ว่าไม่เป็นวัฏจักร (Non-cyclical stock) อย่างไรก็ตามเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็น หุ้นป้องกัน หรือ หุ้น Defensive โดยทั่วไปแล้ว Non-cyclical stock จะผลิตสินค้าและบริการซึ่งถือเป็นสินค้าหลักสำหรับผู้บริโภค หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือจำเป็น หุ้นที่ไม่ใช่กลุ่มหุ้นวัฏจักรเหล่านี้ทำงานในอุตสาหกรรมการป้องกันที่เรียกว่า เช่น สาธารณูปโภคและการดูแลสุขภาพ ตัวอย่างหุ้นเหล่านี้ ได้แก่: Coca-Cola JNJ Tesco Diageo NextEra Energy เป็นต้น 

จะเห็นว่ามีโอกาสมากมายทีเดียว ถ้านักลงทุนเข้าใจประเภทของหุ้นที่จะลงทุน เพราะหุ้นแต่ละประเภทจะทำให้นักลงทุนมีแผนการเทรดที่แตกต่างกัน เช่น หุ้นวัฏจักร ในหัวข้อนี้ การเข้าใจในพื้นฐานธุรกิจของหุ้นว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างไรบ้างกับสถานการณ์หรือฤดูกาล ที่มีผลกระทบต่อปัจจัยความต้องการทั้งดีมานต์และซัพพลายของสินค้าจากบริษัทหุ้นวัฏจักรนั้นๆ ช่วยให้นักลงทุนมองภาพระยะการขึ้นลงของราคาหุ้นได้อย่างดียิ่งขึ้น และช่วยเลือกจังหวะการลงทุนในหุ้นวัฏจักรได้เหมาะสมเช่นกัน