เมื่อ AI สะดุดและหุ้นไทยเด้งรับเลือกตั้ง ทองคำคือพระเอกตัวจริงที่ยืนหนึ่งท่ามกลางความสับสนของเฟด
- เครื่องมือทางการเงินที่ต้องจับตามองในเดือนเมษายน เมื่อภาษีตอบโต้การค้าของทรัมป์เริ่มมีผลบังคับใช้!

Insights - เหตุการณ์ทางการเงินที่สำคัญ 4 ประการของวันนี้:
1.สัญญาณอันตรายจากฝั่งสหรัฐฯ เมื่อมนต์ขลัง AI เริ่มเสื่อม
เปิดสัปดาห์มาก็เดือดเลยสำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปิดลบกันถ้วนหน้าเมื่อวานนี้ โดยเฉพาะ Nasdaq ที่โดนเทขายหนักจากความกังวลเรื่อง “ฟองสบู่ AI” ที่เริ่มส่งเสียงดังขึ้น
หุ้นขวัญใจมหาชนอย่าง Broadcom และ Oracle กอดคอกันร่วงแรงต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าตอนนี้นักลงทุนสถาบันเริ่มไม่ซื้อฝันเรื่องการเติบโตแบบก้าวกระโดดอีกต่อไป แต่หันกลับมามองหากระแสเงินสดที่จับต้องได้จริงมากกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น ตลาดกำลังกลั้นหายใจรอระเบิดเวลาลูกใหญ่ นั่นคือตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ประจำเดือนพฤศจิกายนที่จะประกาศล่าช้าในวันนี้ ซึ่งจะเป็นตัวชี้ชะตาว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะถดถอยจริงหรือไม่ บรรยากาศตอนนี้จึงเป็นการ “ขายลดความเสี่ยง” เพื่อรอความชัดเจน
2.เฟดเสียงแตกกับนโยบายดอกเบี้ย และทองคำที่ยังแกร่ง
ข้ามมาดูฝั่งนโยบายการเงินที่ดูเหมือน “เสียงแตก” หนักมาก แม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะลดดอกเบี้ยลง 0.25% มาอยู่ที่ 3.50-3.75% ในการประชุมส่งท้ายปีเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่เบื้องหลังคือความขัดแย้งเมื่อกรรมการอย่าง Austan Goolsbee อยากให้คงดอกเบี้ย ในขณะที่ Stephen Miran ซึ่งเป็นคนของฝั่งทำเนียบขาวกลับเชียร์ให้ลดเยอะกว่านี้
ความไม่เป็นเอกภาพนี้แหละที่เป็นเชื้อเพลิงชั้นดีให้ “ทองคำ” กลายเป็นหลุมหลบภัยที่แข็งแกร่งที่สุด โดยราคายืนเหนือ $4,335 และจ่อเบรกจุดสูงสุดตลอดกาล
สวนทางกับ Bitcoin ที่ร่วงหลุด $86,000 เพราะพิสูจน์แล้วว่ายังไม่สามารถทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงได้จริงในยามที่สภาพคล่องตึงตัวแบบนี้
3.ภาพลวงตา “โหมดเลือกตั้ง” ในตลาดหุ้นไทย
หันมามองบ้านเราที่ดูคึกคักผิดหูผิดตา ดัชนี SET ดีดตัวปิดบวกไปที่ 1,271.08 จุด รับกระแส “โหมดเลือกตั้ง” หลังการยุบสภา ซึ่งตามสถิติแล้วมักจะกระตุ้นการเก็งกำไรระยะสั้นในกลุ่มที่อิงกับการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศ
แต่อยากให้ระวัง “ภาพลวงตา” นี้ไว้นิดนึง เพราะไส้ในเศรษฐกิจไทยยังเปราะบางมาก โดยเฉพาะข้อมูลล่าสุดจาก Deloitte ที่ชี้ว่าการขึ้นเงินเดือนเฉลี่ยปี 2025 ของไทยอยู่ที่แค่ 4.5% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต สะท้อนว่ากำลังซื้อฐานรากยังไม่ฟื้นจริง
ดังนั้นการเด้งของตลาดหุ้นไทยรอบนี้ นักวิเคราะห์มองว่าเป็นจังหวะให้ “ขายทำกำไร” ในแนวต้านแถว 1,300 จุด มากกว่าที่จะไล่ซื้อเพื่อถือยาว
4.กลยุทธ์รับมือความผันผวน หนีของร้อนไปซ่อนในของเย็น
สุดท้ายนี้ กลยุทธ์ในช่วงนี้คือการ “Rotation” หรือโยกเงินออกจากหุ้นเทคฯ ที่ราคาแพงเกินจริงและมีความเสี่ยงสูง เข้าสู่หุ้นกลุ่ม Defensive ที่ปลอดภัยกว่า อย่างเช่น Hershey ในสหรัฐฯ ที่เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา หรือหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลในไทยที่รายได้มั่นคงและไม่ผันผวนตามค่าแรงที่ชะลอตัว
เพราะความเสี่ยงเรื่องนโยบายดอกเบี้ยที่ยังไม่นิ่งและความไม่แน่นอนของข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะประกาศคืนนี้ อาจทำให้ตลาดผันผวนหนัก ใครที่กอด “ทองคำ” หรือถือ “เงินสด” ไว้บางส่วน น่าจะนอนหลับฝันดีกว่าคนที่ถือหุ้นซิ่งเต็มพอร์ตแน่นอนในช่วงเวลานี้
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

