• ข่าวสาร
    ทั้งหมด
    Forex
    สินค้าโภคภัณฑ์
    ดัชนี
    คริปโต
    การวิเคราะห์ทางเทคนิค
    สุขภาพทางเศรษฐกิจ
    ชาติ
  • การวิเคราะห์
    ทั้งหมด
  • ปฏิทินทางเศรษฐกิจ
    ปฏิทินทางเศรษฐกิจ
  • บล็อก
    ทั้งหมด
    หุ้น
    สินค้าโภคภัณฑ์
    ดัชนี
    Forex
    สกุลเงินดิจิตอล
    การศึกษา
  • การศึกษา
    คอร์สการลงทุน
  • เกี่ยวกับเรา
    ทีมผู้เชี่ยวชาญ
    นโยบายกองบรรณาธิการ

    บทความยอดนิยม

    บทวิเคราะห์ยอดนิยม

    noData

    บทความยอดนิยมในบล็อก

    Mitrade Insights ทุ่มเทเพื่อให้นักลงทุนได้รับข้อมูลทางการเงินที่ครบถ้วน ทันเวลา และมีคุณค่ามากที่สุด เพื่อช่วยให้นักลงทุนเข้าใจสถานการณ์ตลาดและคว้าโอกาสในการซื้อขายได้ทันท่วงที
    honor1
    2021
    ผู้ให้บริการข่าวและการวิเคราะห์ที่ดีที่สุด
    FxDailyInfo
    honor2
    2022
    แหล่งข้อมูลการศึกษา Forex ที่ดีที่สุดทั่วโลก
    International Business Magazine

    Bitcoin Cash(BCH) คืออะไร? และเกี่ยวข้องกับ Bitcoin อย่างไร?

    6 นาที
    อัพเดทครั้งล่าสุด 17 ส.ค. 2566 06:06 น.

    Bitcoin Cash คืออะไร?

    บิทคอยน์ (Bitcoin) เกิดขึ้นเป็นเวลาเกือบ 9 ปีที่ผ่านมา และในตอนนี้บิทคอยน์ก็ยังคงความแข็งแกร่งอยู่เช่นเคย ในเวลานี้บิทคอยน์ไม่เพียงแต่เป็นสกุลเงินดิจิตอลครั้งแรกของโลกแต่ยังเป็นสกุลเงินดิจิตอลที่แพงที่สุด, มีเสถียรภาพที่สุดและที่เป็นที่นิยมมากที่สุดอีกด้วย


    ที่ถูกกล่าวไว้ว่า บิทคอยน์นั้นไม่ได้สมบูรณ์แบบ หนึ่งในปัญหาเร่งด่วนที่สุดสำหรับสกุลเงินดิจิตอลคือความสามารถในการขยาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสกุลเงินมีขนาดเท่ากับการทำธุรกรรมของบล็อกซึ่งเมื่อมีการสร้างบิทคอยน์จะมีการจำกัดที่หนึ่งเมกะไบต์ การลิมิตดังกล่าวนี้เป็นเหตุให้เกิดความล่าช้าอย่างมากในเรื่องของเวลาการดำเนินการการทำธุรกรรมและการจำกัดจำนวนธุรกรรมที่เครือข่ายสามารถดำเนินการได้


    Bitcoin Cash ถือเป็นหนังคนละม้วนกับบิทคอยน์ Bitcoin Cash มีความแตกต่างจากอีกเวอร์ชั่นได้แก่การเปิดใช้งานขนาดบล็อกเพิ่มจาก 1 MB ไปยัง 8 MB โดยเป้าหมายโดยรวมของBitcoin Cash จะเพิ่มจำนวนธุรกรรมที่สามารถประมวลผลได้โดยเครือข่าย เป็นการหวังว่า Bitcoin Cash จะสามารถแข่งขันกับปริมาณธุรกรรมที่เป็นยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอย่าง PayPal และ Visa ที่สามารถดำเนินการได้ในปัจจุบัน


    Bitcoin Cash เปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2017 และได้กลายเป็นหน่อที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของบิทคอยน์

    ประวัติของ Bitcoin Cash

    Bitcoin Cash (BCH) เมื่อปี ค.ศ. 2016–2017 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคา Bitcoin สูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่คนในเครือข่ายไม่สามารถหาข้อตกลงกันว่าจะเพิ่มความเร็วของเครือข่ายการใช้งานได้อย่างไร ทำให้มีนักพัฒนาและนักขุดส่วนหนึ่งต้องการแยกเครือข่ายออกมา เพื่อให้ Bitcoin สามารถใช้ในการชำระเงินได้จริง พวกเขาจึงได้ทำการแยกหรือ Fork Bitcoin cash ออกมาจาก Bitcoin เพื่อพัฒนา Bitcoin Cash ให้เป็นระบบการเงินออนไลน์แบบ Peer-to-Peer หลังจากแยกตัวออกมาแล้ว ได้มีการนำบางส่วนโมเดลเดิมของ Bitcoin ออก เรียกว่า Segwit  มีการปรับปรุงเพิ่มเติมจาก Bitcoin เดิม และได้เพิ่มขนาด Block Chain โดยถูกสร้างขึ้นในวันที่ 1 เดือนสิงหาคม ปี ค.ศ.2017 เวลา 1 ทุ่ม 20 นาที โดยผู้สร้างคนเดียวกับ Bitcoin ที่มีชื่อว่า Satoshi Nakamoto เขียนโดย Akiraz ซึ่งทำให้เกิดบล็อกเชนและสกุลเงินคริปโตตัวใหม่ขึ้นมานามว่า Bitcoin Cash นั่นเอง อุปทานทั้งหมดของ Bitcoin Cash อยู่ที่ 21,000,000 BCH ซึ่งเป็นตัวเลขเดียวกับ Bitcoin

     

    Bitcoin Cash เริ่มต้นด้วยการใช้อัลกอริธึมความยากในการขุดแบบเดียวกันกับ Bitcoin หรือที่รู้จักกันในทางเทคนิคว่า การปรับความยากฉุกเฉิน (EDA) ซึ่งปรับความยากทุก ๆ บล็อกปี 2016 หรือประมาณทุก ๆ สองสัปดาห์


    จากนั้น Bitcoin Cash ได้มีการแยกเป็น 2 แบบ โดยเริ่มแยกตัวในวันที่ 15 เดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ.2018 โดยแบ่งออกเป็น Bitcoin Cash ABC และ Bitcoin Cash SV (Satoshi Vision) ซึ่ง Bitcoin Cash ในปัจจุบันก็คือ Bitcoin Cash ABC


    ปัจจุบัน Bitcoin สามารถตรวจสอบธุรกรรมได้เพียง 7 ธุรกรรมต่อวินาที เนื่องจากขนาดบล็อก (Block size) ถูกจำกัดอยู่ที่ 1 MB ต่อบล็อก ขณะที่ Bitcoin Cash พัฒนาจากจุดนี้โดยเพิ่มขนาดของบล็อกเป็น 8 MB และได้สูงสุดที่ 32 MB โดย blocks ที่ใหญ่กว่าสามารถจัดที่อยู่ของการธุรกรรมได้มากกว่า และอนุญาตนักขุดในการประมวลผลและตรวจสอบธุรกรรมได้มากขึ้น การประเมินผลเปรียบเทียบแสดงให้เห็นว่า ในขณะที่บล็อกเชนบิตคอยน์จัดการได้ 1,000 ถึง 1,500 ธุรกรรมต่อ block แต่ Bitcoin cash สามารถจัดการได้มากถึง 25,000 ธุรกรรมต่อ block และยังทำให้ BCH มีความใกล้เคียงกับวิสัยทัศน์ของบิตคอยน์ดั้งเดิมมากขึ้น

    เรื่องราวของ Hard fork

    การจำกัดขนาด 1 MB ของทุกบล็อกถูกนำมาใช้ครั้งแรกเพื่อลดโอกาสในการเกิดความเป็นไปได้ของสแปมและการ โจมตี DDoS ในขณะที่ไม่ได้มีการทำธุรกรรมเกิดขึ้นในเครือข่ายมากนัก การจำกัดนี้ก็ไม่ได้มีการส่งผลกระทบใดๆทั้งสิ้น


    อย่างที่บิทคอยน์นั้นนับวันยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้น การจำกัดนี้เริ่มก่อให้เกิดการบล็อกที่ซ้อนกันซึ่งเป็นการขยายเวลาการเปลี่ยนแปลงโดยที่ไม่มีความจำเป็น สถานการณ์นี้เกินกว่าจะควบคุมได้ประมาณเดือนพฤษภาคม 2017 เมื่อมีผู้ใช้รายงานว่าต้องรอการยืนยันนานมากกว่า4วัน


    ผู้ใช้มีโอกาสจ่ายค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่สูงขึ้นเพื่อเป็นรับการยืนยันที่รวดเร็วขึ้น แต่โดยพื้นฐานแล้ววิธีการนี้ทำให้วิธีการชำระเงินของบิทคอยน์ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นการทำธุรกรรมขนาดเล็ก ตัวอย่างเช่น การชำระเงินค่าแซนวิชหรือกาแฟสักถ้วยด้วยบิทคอยน์ที่ไม่สามารถใช้การได้ เพียงเพราะแค่กาแฟ 3 ดอลลาร์จะต้องเสียค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมมากกว่าถึง 15 ดอลลาร์ มิเช่นนั้นผู้ขายอาจได้รับเพียงการจ่ายที่ไม่สามารถมองเห็นได้


    ชุมชนบิทคอยน์ได้คิดหาแนวทางแก้ไขสำหรับสถานการณ์สองวิธีที่เป็นไปได้: Bitcoin Unlimited และ  Segregated Witness (SegWit)


    Bitcoin Unlimited

    Bitcoin Unlimited จะลบขีดจำกัดขนาดของบล็อก นักขุดหลายท่านชื่นชอบแนวทางการแก้ปัญหานี้ เพราะการขาดการป้องกันขีดจำกัดขนาดของบล็อกนั้นจะไม่เพียงแต่ป้องกันจากการทับซ้อนกัน แต่ยังเพิ่มค่าธรรมเนียมโดยรวมของนักขุดทุกคนสำหรับทุกบล็อก


    อย่างไรก็ตาม นักพัฒนาจำนวนมากก็ได้โต้แย้งกับข้อเสนอนี้ โดยการคิดว่าการนำไปปฏิบัตินี้จะนำไปสู่การที่นักขุดขนาดเล็กจะออกไปจากธุรกิจซึ่งในทางกลับกัน อาจนำไปสู่การรวมศูนย์ของเครือข่ายทั้งหมดโดยบริษัทการขุดขนาดใหญ่

    Segregated Witness

    แนวทางการแก้ไขของ Segregated Witness โดยนัยคือการจัดเก็บข้อมูลในไฟล์แยกบางส่วนภายนอกของบล็อกเชน นักพัฒนาอ้างว่าวิธีนี้จะเป็นการเพิ่มพื้นที่จัดเก็บจำนวนมาก บล็อกจะพอดีกับการทำธุรกรรมมาขึ้น และเวลาการยืนยันจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็มีหลายคนเชื่อว่าวิธีการนี้เป็นเพียงวิธีการชั่วคราวที่ซับซ้อนมากขึ้นเมื่อเทียบกับวิธีของการเข้าถึง  Bitcoin Unlimited


    ผลที่ตามมาโปรโตคอลที่มีการประนีประนอมนี้ถูกเรียกว่า SegWit2x ได้ถูกพัฒนาขึ้น การเปิดตัวโปรโตคอลนี้หมายถึงการจัดเก็บข้อมูลบางส่วนด้านนอกของบล็อกเชนและการเพิ่มขึ้นการจำกัดขนาดของบล็อกที่ 2 MB โปรโตคอลนี้ถูกนำมาใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม 2017 หลังจากการโหวตของนักขุด 95 เปอร์เซ็นต์ที่โหวตในข้อเสนอนี้ อย่างไรก็ตาม เครือข่ายจะไม่เห็นการเพิ่มขึ้นในขนาดบล็อกที่จำกัดในทันที สำหรับใครหลายคนวิธีนี้หมายถึงการเลื่อนปัญหาแทนที่จะเป็นการแก้ไขปัญหา


    ยิ่งไปกว่านั้น การตัดสินใจครั้งนี้ดูเหมือนจะตอบสนองต่อคนที่ปฏิบัติต่อบิทคอยน์ในแง่ของโอกาสการลงทุนและไม่ใช้ระบบการชำระเงินอย่างที่ถูกสร้างในแบบที่ควรเป็น ดังนั้น ในระหว่างการประชุมบิทคอยน์ฟิวเจอร์ส ณ เมืองอาร์เนม ในประเทศเนเธอร์แลนด์ การดำเนินการครั้งแรกของ โปรโตคอล Bitcoin Cash ได้รับการเรียกว่า  Bitcoin ABC ได้รับการประกาศโดย Amaury Séchet อดีตวิศวกรที่ Facebook


    Séchet และทีมนักพัฒนาของเขาตัดสินใจที่จะละทิ้งโปรโตคอล  SegWit2x และเพิ่มขีด จำกัดขนาดบล็อกเป็น 8 MB  การเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงนี้จำเป็นต้องมีการสร้างที่แยกจากเครือข่ายบิมคอยน์ดั้งเดิม โดยประกาศว่า Hard fork จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 สิงหาคม 2017


    สำหรับผู้ที่ยังไม่ทราบ Hard fork เป็นเพียงวิธีการที่รู้จักสำหรับนักพัฒนาเพื่ออัปเดตซอฟต์แวร์ของบิทคอยน์ นักพัฒนาแยกเครือข่ายและสร้างบล็อกเชนใหม่ด้วยกฎที่เปลี่ยนแปลง เวอร์ชั่น fork รุ่นเดิมและรุ่นใหม่ของสกุลเงินดิจิตอลมีบล็อกเชนที่เหมือนกันตลอดจนถึงบล็อกเมื่อการแยกนี้เกิดขึ้น จากนั้นเป็นต้นไปเครือข่ายทั้งสองนี้ก็ตั้งอยู่อย่างอิสระ


    หลังจากการแยกที่เกิดขึ้น ทุกคนที่ถือบิทคอยน์มาก่อน  Hard fork ได้รับโทเค็นของ Bitcoin Cash ในจำนวนที่เท่ากัน


    สกุลเงินดิจิตอลใหม่นี้นักลงทุนได้นำไปใช้กันอย่างรวดเร็ว อย่างช่วงท้ายของวันแรกของการมีอยู่ Bitcoin Cash ได้กลายเป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ 3 รองจากบิทคอยน์และอีเธอร์เลียมในแง่ของมูลค่าตลาด

    วิจารณ์ Hard fork

    ในคำของสกุลเงินดิจิตอล Hard fork เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ค่อนข้างทำให้หนักใจเสมอ หลายคนเชื่อว่า Hard fork ขัดกับหลักการของบล็อกเชนในหลักการที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้(immutability) และยังแย้งกับกฏของ “รหัสคือกฎหมาย” (code is law) อีกด้วย


    เมื่อพูดถึงเรื่องนี้โดยเฉพาะ Hard fork นักวิจารณ์มากมายมีความกังวลว่าพลังงานของคอมพิวเตอร์ที่ต้องใช้ในการประมวลผลบล็อคขนาดใหญ่จะมีราคาที่สูงเกินไปสำหรับนักขุดขนาดเล็ก โดยอาจนำไปสู่อำนาจการตัดสินใจที่เข้มข้นที่อยู่ในมือขององค์กรขนาดใหญ่ซึ่งสามารถรับภารการจ่ายอุปกรณ์ได้มากขึ้นและดีขึ้น


    ท้ายที่สุดแล้ว อย่างที่ใครหลายคนถือบิทคอยน์มาก่อนการแยกนี้จะได้รับโทเค็น Bitcoin Cash ในจำนวนที่เท่ากัน แต่มีบางคนก็ยังมีความกังวลว่าการแยกกันนี้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพียงแต่เป็นการวางแผนการทำเงินเท่านั้น ในความจริง Hard fork สร้างสถานการณ์ที่คล้ายกับปัญหาการใช้จ่ายซ้ำซ้อน เนื่องจากการที่ Hard fork เป็นการทำธุรกรรม 2 รายการจากวอลเล็ทเดียวโดยใช้กุญแจชุดเดียวกันที่เป็นไปได้

    ราคาของ Bitcoin Cash ขึ้นอยู่กับราคาของบิทคอยน์หรือไม่?

    ราคา BCH เรียลไทม์ (ที่มา: Mitrade )


    Bitcoin Cash เป็น cryptocurrency ที่เป็นอิสระอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นราคาของ Bitcoin Cash จึงไม่ขึ้นอยู่กับบิทคอยน์แบบดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องทราบว่าบิทคอยน์ยังคงเป็นสกุลเงินที่ยังคงโดดเด่นของโลกอยู่เช่นเดิม ดังนั้นไม่ว่าบิทคอยน์จะขึ้นหรือลง สกุลเงินดิจิตอลหลักอื่นๆมีแนวโน้มที่จะตามเทรนด์ของตัวเอง


    mitrade
    dago ห้ามพลาด!! รับ BONUS ฟรี 100 USD
    dago ค่าคอมมิชชั่น 0 และสเปรดต่ำ
    dago เทรดได้ทั้งขาขึ้นและขาลง
    dago ฟรีเงินเสมือนจริง $50,000 ดอลล่าร์
    ตราสารอนุพันธ์อาจจะทำให้คุณขาดทุนทั้งหมด โปรดอ่านพิจรนา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงของเรา นำเสนอ โดย Mitrade Holding Ltd.SIB License 1612446
    ตราสารอนุพันธ์อาจจะทำให้คุณขาดทุนทั้งหมด โปรดอ่านพิจรนา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงของเรา นำเสนอ โดย Mitrade Holding Ltd.SIB License 1612446

    *** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา


    การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

    บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?
    บทความที่เกี่ยวข้อง
    notDataไม่พบข้อมูล
    ราคาเสนอแบบเรียลไทม์
    ราคาเสนอแบบเรียลไทม์