ในวันพฤหัสบดี ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) เกณฑ์มาตรฐานน้ํามันดิบของสหรัฐฯ ซื้อขายแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 77.75 ดอลลาร์ ราคา WTI ปรับตัวลดลงเนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เลื่อนเวลาการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกออกไป ในขณะเดียวกัน สปริมาณน้ำมันดิบคงคงคลังสหรัฐ๐ ที่เพิ่มขึ้นยิ่งเป็นการเพิ่มแรงกดดัน
ตามรายงานของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) ข้อมูลปริมาณน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่นับถึงสัปดาห์วันที่ 23 กุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 8.428 ล้านบาร์เรล จาก 7.168 ล้านบาร์เรลที่เพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อน นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันดิบของ EIA ยังเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 4.199 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้วจาก 3.514 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และพันธมิตรตกลงกันเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วที่จะลด 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในไตรมาสแรก นําโดยซาอุดีอาระเบีย นอกจากนี้ OPEC+ กําลังพิจารณาขยายระยเวลาการลดกําลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจไปจนถึงไตรมาสที่สอง ซึ่งอาจทําให้ตลาดน้ำมันตึงตัวขึ้น
ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่เฟดได้เน้นย้ำในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาถึงความล่าช้าในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจทำร้ายการเติบโตทางเศรษฐกิจและทำให้ความต้องการน้ำมันลดลง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายแพททริก ฮาร์เกอร์ (Patrick Harker) ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างช้าๆ ต่อเนื่องแเพื่อลดความเสี่ยงและความไม่แน่นอนในภาพรวม
นางมิเชล โบว์แมน ผู้ว่าการเฟดกล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อจะยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับปัจจุบัน แต่ยังไม่ใช่เวลาที่จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในขณะเดียวกัน นายเจฟฟ์ ชมิด ประธานเฟดสาขาแคนซัสซิตีกล่าวว่าในสถานการณ์ที่อัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่าเป้าหมาย ตลาดแรงงานและความต้องการตึงตัว จึงยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องรีบเปลี่ยนนโยบายการเงิน
นักลงทุนในตลาดจะจับตาดูข้อมูลดัชนีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐานของสหรัฐฯ (Core PCE) ในวันพฤหัสบดี ซึ่งคาดว่าจะลดลงเหลือ 2.8% YoY ในเดือนมกราคม เหตุการณ์เหล่านี้อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสําคัญต่อราคา WTI ที่ซื้อขายด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ นักลงทุนน้ำมันจะใช้สัญญาณการลงทุนจากข้อมูลเหล่านี้ และหาโอกาสในการลงทุนกับน้ำมันดิบ WTI