การคาดการณ์ราคาเงิน: XAG/USD ร่วงลงมากกว่า 7% ตกต่ำกว่า $30.00
- โลหะเงินร่วงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 วันและ 200 วัน สัญญาณแรงขายที่แข็งแกร่งท่ามกลางสงครามภาษีระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น
- RSI เข้าสู่เขตขายเกิน แต่แรงขายอาจยังคงดำเนินต่อไปสู่ระดับ $28.74 และ $27.71 หาก $29 ไม่สามารถรักษาไว้ได้
- การฟื้นตัวเหนือ $30 อาจทำให้ผู้ซื้อทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 30.86 ดอลลาร์และแนวต้านสำคัญใกล้ $31.00
ราคาโลหะเงินดิ่งลงในวันศุกร์ เนื่องจากความวุ่นวายในตลาดการเงินยังคงดำเนินต่อไปเป็นวันที่สามติดต่อกัน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ตัดสินใจเรียกเก็บภาษีตอบโต้ จีนจึงตอบโต้ ส่งผลให้เกิดความกลัวเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาของ XAG/USD อยู่ที่ $29.55 ลดลงมากกว่า 7%
การคาดการณ์ราคา XAG/USD: แนวโน้มทางเทคนิค
ในขณะที่ราคาลดลง โลหะเงินร่วงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย (SMA) 100 วันและ 200 วันในวันศุกร์ ซึ่งบ่งชี้ถึงการเทขายที่แข็งแกร่ง หลังจากที่โลหะสีเทาผ่านระดับ $31.39 และ $30.86 ตามลำดับ แม้ว่า Relative Strength Index (RSI) จะเปลี่ยนเป็นขาลงและขายเกิน แต่เนื่องจากความรุนแรงของการเคลื่อนไหว XAG/USD อาจยังคงลดลงต่อไป
หาก XAG/USD ร่วงต่ำกว่า $29.00 อาจเปิดโอกาสให้ทดสอบระดับต่ำสุดในวันที่ 19 ธันวาคมที่ $28.74 เมื่อผ่านไปแล้ว แนวรับถัดไปจะเป็นระดับต่ำสุดในวันที่ 3 กันยายนที่ $27.71 ในทางกลับกัน หาก XAG/USD ขึ้นไปเกิน $30.00 ผู้ซื้ออาจพร้อมที่จะท้าทายเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วันที่ $30.86 ตามด้วยระดับ $31
กราฟราคา XAG/USD – รายวัน
โลหะเงิน FAQs
แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ
ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน
โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน
ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน
บทความแนะนำ
