วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 23 ตุลาคม 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

ตลาดทองคำ XAUUSD ยังคงเผชิญกับแรงเทขายอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการดิ่งลงอย่างรุนแรงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ตลาดกำลังอยู่ในภาวะตื่นตระหนกหลังจากที่ราคาทองคำร่วงลงในวันเดียวมากที่สุดในรอบหลายปี ส่งผลให้แนวรับจิตวิทยาที่สำคัญบริเวณ $4,000 กำลังถูกทดสอบอย่างหนักหน่วง และสะท้อนให้เห็นว่าแรงเทขายยังคงไม่จบสิ้น

ขณะที่ตลาดแร่เงินซึ่งเจอการถล่มขายอย่างหนักหน่วงในวันอังคาร จะเริ่มทรงตัวได้บ้าง แต่ก็ยังไม่พ้นขีดอันตราย คำถามสำคัญที่นักลงทุน นักเทรด และนักเก็งกำไรต่างเฝ้าจับตาคือ นี่คือจุดสิ้นสุดของตลาดกระทิงที่ร้อนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ หรือเป็นเพียงการปรับฐานระยะสั้นก่อนทะยานขึ้นต่อ?

ถอดรหัสการเทขาย 63 ปีมีครั้ง

นักลงทุนหลายคนอาจกำลังมองหาทฤษฎีสมคบคิดหรือเหตุผลซับซ้อนเบื้องหลังการดิ่งลงครั้งประวัติศาสตร์นี้ แต่สำหรับนักวิเคราะห์ผู้คร่ำหวอดในวงการ คำตอบนั้นเรียบง่ายกว่าที่คิด นั่นคือ “มันขึ้นมาเร็วเกินไป”

Nicky Shiels หัวหน้าฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์โลหะมีค่าจาก MKS PAMP ได้ให้มุมมองที่เฉียบคมในบทวิเคราะห์ล่าสุด โดยชี้ให้เห็นว่า ราคาทองคำใช้เวลาเพียง 30 สัปดาห์ในการไต่ระดับจาก $3,000 ขึ้นมาแตะ $4,000 ซึ่งเป็นความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ เมื่อเทียบกับรอบการปรับขึ้น $1,000 ก่อนหน้านี้ ที่ต้องใช้เวลานานกว่า 10 เท่า หรือระหว่าง 240 ถึง 650 สัปดาห์

ราคาได้พุ่งขึ้นไปสู่ระดับที่เกินพื้นฐานไปมาก (stratosphere) วงจรขาขึ้นนี้กำลังแก่ตัวเต็มที่ และตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ที่ไร้เหตุผล (irrational market) ก็สามารถพังทลายลงได้โดยไม่ต้องการเหตุผลใดๆ มารองรับ

เพื่อตอกย้ำว่าการเทขายในวันอังคารนั้นรุนแรงเพียงใด Shiels ตั้งข้อสังเกตว่า กองทุน SPDR Gold Shares (GLD) ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ร่วงลงในระดับสี่เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (four-standard-deviation drop) ซึ่งในทางสถิติแล้ว นี่คือเหตุการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นเพียง “หนึ่งครั้งในรอบ 63 ปี” การปรับฐานครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องปกติ และมันได้เปลี่ยนภาพการลงทุนในทองคำไปอย่างสิ้นเชิง

สัญญาณจากแร่เงิน บททดสอบชี้ชะตาที่ $50

ในขณะที่ทุกสายตาจับจ้องไปที่ราคาทองคำ นักวิเคราะห์หลายคนกลับมองว่า แร่เงิน คือตัวแปรสำคัญที่จะชี้ชะตาตลาดโลหะมีค่าทั้งหมด

มีการวิเคราะห์ย้อนหลังไป 50 ปี พบว่า เมื่อใดก็ตามที่ราคาแร่เงินพุ่งขึ้นไปใกล้หรือแตะระดับ $50 ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว 3 ครั้ง (รวมครั้งนี้) สองครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ราคาไม่สามารถยืนอยู่เหนือ $50 ได้นาน

สถานการณ์ในปัจจุบันจึงเปรียบเสมือนโอกาสสุดท้าย หากภายในหนึ่งถึงสองสัปดาห์ข้างหน้า ราคาแร่เงินไม่สามารถกลับไปยืนเหนือ $50 ได้อย่างมั่นคง ประวัติศาสตร์ก็จะซ้ำรอยเดิม

นั่นหมายความว่าทั้งทองคำและแร่เงินกำลังจะเข้าสู่การปรับฐานครั้งใหญ่ที่ยาวนาน หรืออาจเลวร้ายถึงขั้นเป็นตลาดหมี (Bear Market) เพื่อเริ่มต้นวัฏจักร “รุ่งเรืองและล่มสลาย” (boom and bust) ตามธรรมชาติของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

ณ จุดนี้ ดูเหมือนว่าการกลับไปที่ $50 ของแร่เงินนั้นยากลำบากอย่างยิ่ง และการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ จะมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อทิศทางของตลาดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

เปลี่ยนมือนักลงทุน เมื่อทองคำ “ไม่ใช่สินทรัพย์ปลอดภัย” อีกต่อไป

สิ่งที่น่าสนใจและน่ากังวลในเวลาเดียวกัน คือธรรมชาติของตลาดกระทิงรอบนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว

John Reade นักกลยุทธ์การตลาดอาวุโสจาก World Gold Council (WGC) ระบุว่า แรงขับเคลื่อนหลักในช่วงหลัง ไม่ได้มาจากกลุ่มธนาคารกลางในตลาดเกิดใหม่ที่เน้นการซื้อสะสมระยะยาวเหมือนในช่วงสองปีที่ผ่านมาอีกต่อไป แต่กลับถูกขับเคลื่อนโดยนักลงทุนฝั่งตะวันตก ซึ่งส่วนใหญ่คือกลุ่มนักเก็งกำไรที่เข้ามาในตลาดด้วยอารมณ์ “กลัวตกรถ” (FOMO)

Nicky Shiels จาก MKS PAMP ยืนยันประเด็นนี้ โดยชี้ว่าทองคำไม่ใช่สินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำ (sub-20 vol asset) อีกต่อไป แต่กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนระดับ 30 (30 vol asset)

การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสถานะของทองคำในฐานะเครื่องมือรักษามูลค่าความมั่งคั่ง (wealth preservation) เพราะเมื่อความผันผวนสูงขึ้น กองทุนและนักลงทุนสถาบันจะถูกบีบให้ใช้เกณฑ์ความเสี่ยงที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งจะจำกัดสภาพคล่องในตลาด

ดังนั้น กลยุทธ์ “ซื้อเมื่อย่อ” (buy the dip) ที่เคยใช้ได้ผลมาตลอด อาจใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปในสภาวะตลาดที่ราคาเคลื่อนไหวรุนแรงระดับ $4,000 เช่นนี้

สมรภูมิ $4,000 สร้างฐานราคา หรือยอมจำนน?

แม้ตลาดจะเผชิญความไม่แน่นอนอย่างหนัก แต่ Shiels ก็ยังคาดหวังว่าตลาดจะเริ่มสร้างฐานราคาใหม่ในระยะสั้น โดยเธออยากเห็นราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบ $4,000 ถึง $4,500 และโลหะเงินเคลื่อนไหวในกรอบ $45 ถึง $50

นี่คือ “กรอบราคาใหม่” ที่จะช่วยให้ตลาดได้หายใจ เปิดทางให้สภาพคล่องและความกล้าเสี่ยง (risk appetite) กลับคืนมา และสร้างฐานพื้นฐานที่แท้จริงให้กับราคา

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงภายนอกที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด นั่นคือตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ยังคงร้อนแรง นักวิเคราะห์อย่าง James Steel จาก HSBC เตือนว่า การที่นักลงทุนส่วนหนึ่งซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากตลาดหุ้นปรับฐานอาจกลายเป็นดาบสองคม

เพราะในอดีต เมื่อตลาดหุ้นเกิดการปรับฐานอย่างรุนแรง มันกลับกระตุ้นให้เกิดการเทขายสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ เพื่อที่นักลงทุนจะได้นำเงินสดไปชดเชยผลขาดทุนหรือเติมเงินประกัน (margin calls)

สถานการณ์ในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้าจึงเป็นช่วงเวลาวัดใจ ตลาดกำลังเฝ้ารอว่าแนวรับ $4,000 จะสามารถต้านทานแรงเทขายระลอกใหญ่นี้ไว้ได้หรือไม่ หรือนี่จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการปรับฐานที่ลึกและยาวนานกว่าที่ทุกคนคาดคิด

ณ ปัจจุบัน ราคาทองคำเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ $4,080 เป็นการเริ่มชะลอตัวเพื่อสร้างฐานราคาใหม่บริเวณแนวรับสำคัญ $4,087 ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าแนวรับนี้ยังตรงกับระดับ Fibonacci 23.60%

การที่ราคาเริ่มทรงตัวและเคลื่อนไหวออกข้างในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนจากแท่งเทียน 4 ชั่วโมง 4-5 แท่งล่าสุด เป็นการยืนยันว่าแรงเทขายที่ถาโถมเข้ามาได้เริ่มแผ่วกำลังลงแล้ว

สัญญาณทางเทคนิคที่น่าจับตามองที่สุดสำหรับแนวโน้มในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า ปรากฏขึ้นในดัชนี Stochastic RSI ซึ่งสอดคล้องกับที่เราคาดการณ์ไว้ว่าแรงขายได้เข้าสู่เขต Oversold หรือ ขายมากเกินไป

จากภาพกราฟล่าสุดจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เส้นสัญญาณทั้งสอง (%K สีฟ้า และ %D สีส้ม) ไม่เพียงแต่ดิ่งลงไปอยู่ในระดับต่ำกว่า 20 เท่านั้น แต่ยังได้เริ่มตัดกันและวกตัวกลับขึ้น (Bullish Crossover) ในขณะที่ยังอยู่ในเขต Oversold นี่คือสัญญาณกลับตัวทางเทคนิคในระยะสั้นที่ค่อนข้างคลาสสิก ซึ่งบ่งชี้ว่าแรงขายได้หมดลงชั่วคราว และมีโอกาสสูงมากที่ ราคาทองคำจะเกิดการดีดตัวทางเทคนิค (Technical Rebound) เพื่อปรับสมดุลตลาด

ดังนั้น สำหรับการประเมินกลยุทธ์ใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ตลาดกำลังให้น้ำหนักไปที่การรีบาวด์ ตราบใดที่ ราคาทองคำยังสามารถรักษาฐานที่มั่นคงเหนือแนวรับ $4,080 - $4,050 ไว้ได้ 

สัญญาณบวกจาก Stoch RSI นี้จะเป็นแรงส่งสำคัญให้ราคาพยายามดีดตัวกลับขึ้นไปทดสอบด่านแรกที่แนวต้าน $4,135 (ซึ่งเป็นแนวรับเดิมที่เพิ่งหลุดลงมา) และหากแรงซื้อมีมากพอ เป้าหมายถัดไปคือการท้าทายแนวต้าน $4,186

อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ผิดคาดและราคากลับร่วงลงหลุดแนวรับ $4,080 นั่นจะเป็นการทำลายสัญญาณการกลับตัวระยะสั้นนี้ทันที และจะเปิดทางให้แรงขายผลักดันราคาลงไปสู่แนวรับเชิงจิตวิทยาที่ $4,000

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $4,085

• $4,055

• $4,000

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $4,135

• $4,186

• $4,220