วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 24 ตุลาคม 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

ตลาดทองคำกลับมาปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง หลังจากที่ตลาดเผชิญแรงเทขายอย่างหนักในช่วงก่อนหน้า การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความพยายามของตลาดในการสร้างฐานเหนือแนวรับจิตวิทยาที่สำคัญ แต่ในขณะเดียวกันก็ตอกย้ำถึงสภาวะความผันผวนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง

โดยในช่วงเช้าเปิดตลาดเอเชียวันนี้ ราคาทองคำ XAUUSD เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ $4,128 การดีดตัวขึ้นนี้ถูกมองว่าเป็น Corrective Rebound หรือการปรับฐานทางเทคนิคหลังจากการขายที่หนักหน่วง

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าความผันผวนที่เหวี่ยงตัวอย่างรุนแรงในระดับนี้ หากยังคงอยู่ มักจะไม่ใช่สัญญาณที่ดีสำหรับฝั่งกระทิงในระยะยาว

สำหรับวันนี้ ตลาดกำลังเฝ้ารอข้อมูลเศรษฐกิจชิ้นสำคัญที่สุดในรอบสามสัปดาห์ นั่นคือรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนกันยายน

ตลาดคาดการณ์ว่า CPI ทั่วไปจะเพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบปีต่อปี (สูงขึ้นจาก 2.9% ในเดือนสิงหาคม) และคาดว่า CPI พื้นฐาน (ไม่รวมอาหารและพลังงาน) จะทรงตัวที่ 3.1% เท่าเดิม ตัวเลขนี้จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และทิศทางของราคาทองคำในระยะต่อไป

มุมมองกระทิงจากสถาบัน เมื่อธนาคารกลางและ ETF เข้าซื้อไม่ยั้ง

แม้ว่าราคาทองคำจะเผชิญแรงเทขายครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 12 ปี เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม หลังจากที่พุ่งไปทดสอบจุดสูงสุดที่ $4,380 แต่ภาพรวมตลอดปี 2025 ราคาทองคำยังคงพุ่งขึ้นราว 50% ตอกย้ำสถานะสินทรัพย์ที่ทำผลงานดีที่สุดแห่งปี นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกอย่างมากต่อแนวโน้มในระยะยาว

ล่าสุด พวกเขาชี้ว่าการเพิ่มขึ้นของราคาในปีนี้เป็นปฏิกิริยาต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งด้านนโยบาย ภูมิรัฐศาสตร์ และเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ความกังวลต่อความเป็นอิสระของเฟด และการปิดตัวของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ

Morgan Stanley Research ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำในปี 2026 ขึ้นสู่ระดับ $4,400 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากคาดการณ์เดิมที่ $3,313 สะท้อนถึงโอกาสที่ราคาจะปรับขึ้นได้อีกประมาณ 10% ภายในสิ้นปีหน้า

Amy Gower นักยุทธศาสตร์ด้านโลหะและเหมืองแร่ของ Morgan Stanley กล่าวว่านักลงทุนกำลังมองทองคำไม่ใช่แค่ในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อ แต่ยังเป็นตัววัดสำหรับทุกสิ่ง ตั้งแต่นโยบายของธนาคารกลางไปจนถึงความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์

Amy ยังชี้ถึงปัจจัยขับเคลื่อนหลักที่จะหนุนราคาทองคำต่อไป ได้แก่ การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ แรงซื้อที่แข็งแกร่งจากกองทุน ETF การเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางทั่วโลก และฉากหลังของความไม่แน่นอนที่สนับสนุนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย

ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดจากรายงานของ Morgan Stanley คือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1996 ที่ทองคำมีสัดส่วนในทุนสำรองของธนาคารกลางมากกว่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ

นี่คือสัญญาณที่แสดงถึงความเชื่อมั่นในมูลค่าระยะยาวของทองคำ นอกจากนี้ กองทุน ETF ที่หนุนหลังด้วยทองคำจริง มียอดซื้อสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่สาม ทำให้สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) พุ่งแตะ 4.72 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเช่นกัน

เสียงเตือนจากฝั่งหมี ทองคำกลายเป็น “หุ้นปั่น” หรือยัง?

แม้ว่าภาพรวมจะดูสดใสและแรงซื้อจากสถาบันจะหนาแน่น แต่ก็มีเสียงเตือนจากอีกฝั่งของตลาด Carley Garner ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทโบรกเกอร์ DeCarley Trading ยังคงย้ำมุมมอง “หมี” (Bearish) อย่างหนักแน่น แม้ว่าการคาดการณ์จะผิดพลาดอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา

Garner เริ่มมีมุมมองเป็นลบต่อทองคำตั้งแต่ราคาทะลุ $3,000 แต่ตลาดกลับพุ่งขึ้นอย่างบ้าคลั่งทะลุ $4,000ภายใน 30 สัปดาห์ Garner ยอมรับว่าความผันผวนที่รุนแรงนี้สร้างความเจ็บปวดอย่างมากต่อสถานะการเทรดของเธอ แต่เธอก็ยังยืนยันว่า ราคาทองคำ “ถูกซื้อมากเกินไป” (Overbought) และการวิ่งขึ้น $1,000 หลังสุดนี้ไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง

มุมมองของ Garner คือ เธอเชื่อว่าทองคำได้เปลี่ยนสถานะจาก “สินค้าโภคภัณฑ์แบบดั้งเดิม” ไปสู่การเป็นหุ้นปั่น (Meme Stock) เธอคิดว่าคนจำนวนมากในตลาดทองคำกำลังสับสนระหว่างการลงทุนกับการเทรด และพวกเขากำลังไล่ตามโมเมนตัมเท่านั้น

Garner อ้างอิงข้อมูลจากการพูดคุยกับโบรกเกอร์รายอื่นที่ระบุว่า นักลงทุนรายย่อยกำลังไล่ราคาโดยใช้สัญญาย่อยขนาดเล็ก เช่น micro-gold futures (1 ใน 10 ของสัญญาปกติ) และ mini-futures ซึ่งข้อมูลจาก CME Group ก็ยืนยันตรงกันว่า ปริมาณการซื้อขายในสัญญาย่อยเหล่านี้ได้สร้างสถิติสูงสุดใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

Garner เชื่อว่านี่คือแรงซื้อที่ผลักดันราคาจริงๆ คนไม่กี่คนที่มีเงิน 2,000 หรือ 3,000 ดอลลาร์ในบัญชี ไม่สามารถขยับตลาดได้ แต่ถ้ามีคนหลายพันคนที่มีบัญชี 3,000 ดอลลาร์ พร้อมใจกันกดปุ่มซื้อ มันจะสร้างผลกระทบมหาศาล

Garner ยกตัวอย่างความไร้เหตุผลในตลาด ด้วยการชี้ไปที่นักลงทุนบางกลุ่มที่ยอมจ่ายเงิน 10,000 ดอลลาร์ เพื่อซื้อสิทธิ์ Call Option ที่ราคาใช้สิทธิ์ 5,000 ดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่าราคาทองคำจะต้องพุ่งไปถึง $5,100 พวกเขาจึงจะแค่เท่าทุน

Garner สรุปว่า ปัจจัยพื้นฐานในปัจจุบัน ทั้งอัตราเงินเฟ้อที่ค่อนข้างทรงตัว และความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ยังต่ำ ไม่ได้สนับสนุนราคาทองคำในระดับนี้

เธอเชื่อว่าตลาดได้ดึงปัจจัยบวกในอนาคตทั้งหมดมาใช้แล้ว และราคาจะต้องปรับฐานเพื่อกลับสู่ความเป็นจริง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในปี 2011

ราคาทองคำ ได้ตอบสนองต่อสัญญาณกลับตัวจากดัชนี Stochastic RSI ที่เกิด Bullish Crossover ในเขต Oversold (ขายมากเกินไป) อย่างชัดเจน ส่งผลให้ราคาดีดตัวขึ้นจากฐานแนวรับสำคัญบริเวณ $4,087 (แนว Fibonacci 23.6%) ตามที่ได้ประเมินไว้

การรีบาวด์นี้ได้ดันให้ราคาขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ $4,131 ซึ่งเป็นการทดสอบแนวต้านสำคัญด่านแรกที่เราตั้งเป้าไว้ (4,130 - 4,135 ดอลลาร์) ได้สำเร็จ

เมื่อพิจารณาจากภาพกราฟ 4 ชั่วโมงล่าสุด จะเห็นว่าดัชนี Stochastic RSI ซึ่งเคยเป็นพระเอกในการส่งสัญญาณซื้อ ได้พุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วจนเข้าสู่เขต Overbought (ซื้อมากเกินไป) ที่ระดับเหนือ 80 แล้ว นี่คือสัญญาณเตือนระยะสั้นว่าแรงซื้อในรอบนี้เริ่มตึงตัว และอาจเกิดการชะลอตัว การย่อพักฐาน หรือการเคลื่อนไหวออกข้าง เพื่อสะสมกำลังในบริเวณแนวต้าน $4,131 นี้

อย่างไรก็ตาม หากมองที่ดัชนี RSI จะพบว่าเพิ่งดีดตัวขึ้นมาจากโซนด้านล่าง และปัจจุบันเคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 50 ซึ่งยังห่างไกลจากเขต Overbought อยู่มาก สะท้อนว่ากำลังแฝงหรือโมเมนตัมในภาพที่ใหญ่กว่าของการดีดตัวรอบนี้ยังคงมีอยู่

ดังนั้น กลยุทธ์การเทรดใน 24 ชั่วโมงข้างหน้าจึงเป็นการเฝ้าระวังบริเวณแนวต้าน $4,131 หากราคาทองคำสามารถผลักดันให้ทะลุและยืนเหนือแนวต้านนี้ได้อย่างมั่นคง สัญญาณจาก RSI จะสนับสนุนให้ราคาเดินทางต่อไปยังเป้าหมายถัดไปที่ $4,155 และแนวต้านจิตวิทยาที่ $4,186

แต่หากแรงซื้อไม่เพียงพอและถูกกดดันจากภาวะ Overbought ของ Stoch RSI ราคาอาจมีการย่อตัวกลับลงมาทดสอบแนวรับเดิมที่เพิ่งผ่านขึ้นมา โดยมีแนวรับสำคัญที่ไม่ควรหลุดต่ำกว่าคือ $4,087 ซึ่งจะเป็นการยืนยันว่าการรีบาวด์รอบนี้ยังคงแข็งแกร่ง

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $4,087

• $4,057

• $4,000

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $4,135

• $4,186

• $4,220