ลงทุนออนไลน์คืออะไร?วิธีลงทุนออนไลน์สำหรับมือใหม่
ลงทุนออนไลน์นั้นกลายเป็นวิธีการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินได้หลากหลาย และมีความนิยมมากในปัจจุบัน สะดวกรวดเร็วผ่านทางอินเทอร์เน็ต และค่าธรรมเนียมถูกกว่าสมัยก่อน แต่การลงทุนออนไลน์มีจุดที่เป็นความเสี่ยงคือ เรื่องของความปลอดภัยและการแอบอ้างจากผู้ไม่หวังดี บทความนี้เราจะมารู้จักวิธีการลงทุนออนไลน์ต่างๆ และแนวทางการป้องกัน
ลงทุนออนไลน์คืออะไร?ทำงานอย่างไร
ลงทุนออนไลน์เป็นกระบวนการที่ผู้ลงทุนซื้อหรือลงทุนในสินทรัพย์หรือทรัพย์สินผ่านทางอินเทอร์เน็ตโดยใช้แพลตฟอร์มการซื้อขายทางออนไลน์ นี่เป็นวิธีที่ทันสมัยและสะดวกสบายที่นักลงทุนใช้เพื่อเข้าถึงตลาดทางการเงินต่างๆ ได้โดยตรงโดยไม่ต้องไปที่สาขาของธนาคารหรือโบรกเกอร์ และมีวิธีการทำงานโดยสังเขปดังนี้
-การเปิดบัญชี:นักลงทุนต้องเปิดบัญชีกับบริษัทหรือแพลตฟอร์มที่ต้องการลงทุนและเอกสารที่ใช้ในการเปิดบัญชีซึ่งจะแตกต่างกันไปตามประเภทของโบรกเกอร์ การลงทุน
-การโอนเงิน: นักลงทุนต้องโอนเงินเข้าบัญชีที่เปิดไว้
เงินที่โอนเข้าจะใช้สำหรับซื้อสินทรัพย์ที่ต้องการลงทุน
-การซื้อขาย:นักลงทุนสามารถซื้อขายสินทรัพย์ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของบริษัทหรือแพลตฟอร์ม การซื้อขายสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา
-การติดตามผล: นักลงทุนสามารถติดตามผลการลงทุนผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของบริษัทหรือแพลตฟอร์ม ข้อมูลที่แสดง typically include ราคาสินทรัพย์ กำไร/ขาดทุน และ มูลค่าพอร์ต
ประเภทของลงทุนออนไลน์
1.แยกตามประเภทการลงทุน Based on purpose
Manual Trading หรือ การเทรดแบบแมนนวล
หมายถึง การเทรดที่ นักเทรด เป็นผู้ตัดสินใจซื้อขายด้วยตัวเอง โดยไม่ใช้โปรแกรมหรือระบบอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น นักเทรดวิเคราะห์กราฟราคาหุ้น และตัดสินใจซื้อหุ้นด้วยตัวเอง หรือ วิเคราะห์ข่าวสาร และตัดสินใจซื้อขายเงินตราต่างประเทศด้วยตัวเอง ข้อดีคือ นักเทรดสามารถเรียนรู้และพัฒนาทักษะการวิเคราะห์และตัดสินใจ
Automated Trading หรือ การเทรดแบบอัตโนมัติ
หมายถึง การเทรดที่ใช้ โปรแกรม ระบบอัตโนมัติ ที่เรียกติดปากกันว่าอีเอ (Expert Advisor) เป็นผู้ตัดสินใจซื้อขาย แทนที่จะเป็นนักเทรด ไม่ต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจ และช่วยอารมณ์ของนักเทรดไม่มีผลต่อการตัดสินใจรวมถึงสามารถทดสอบกลยุทธ์การเทรดกับข้อมูลในอดีต
Social Trading
หมายถึง การเทรดที่นักลงทุนสามารถ ติดตาม คัดลอก หรือ แลกเปลี่ยน กลยุทธ์การเทรดกับนักเทรดคนอื่นๆ ผ่านแพลตฟอร์มการเทรดแบบออนไลน์ หรือเรียนว่า Copy Trading / Mirror Trading ซึ่ง นักลงทุนสามารถเรียนรู้จากนักเทรดที่มีประสบการณ์ไม่ต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจและเลือกลงทุนในกลยุทธ์การเทรดของนักเทรดหลายคน
2.แยกตามประเภทของสินทรัพย์ Based on asset class
Stock Trading
การเทรดหุ้น คือ การซื้อขายหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยหวังผลกำไรจากความผันผวนของราคาหุ้น และสามารถรับเงินปันผล จากที่บางบริษัทมีผลประกอบการกำไร สามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้
Forex Trading
คำว่า Forex ย่อมาจาก Foreign Exchange Trading คือ การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศโดยหวังผลกำไรจากความผันผวนของอัตรา ซึ่งสามารถเทรดในรูปแบบของ CFD (Contract For Difference) เทรดได้ทั้งสองฝั่ง BUY&SELL ตามสถานการณ์ของคู่เงินที่เทรด และยังมีอัตราทด (Leverage) ทำให้ใช้เงินน้อยลง สำหรับการทำกำไร
ตลาด Forex เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีการซื้อขายกันตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ (วันจันทร์ - ศุกร์)
Forex Trading มักจะเทรดกันเป็น คู่สกุลเงิน (Currency Pairs) ตัวอย่างเช่น EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD
Crypto Trading
การเทรดคริปโตเคอเรนซี่ คือ การซื้อขายแลกเปลี่ยน สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) หวังผลกำไรจากความผันผวนของราคา Crypto เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลและไม่ได้ถูกควบคุมโดยรัฐบาลกลาง ตลาด Crypto เปิดตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ แต่ละตลาดจะมี สกุลเงินดิจิทัล หลากหลาย สกุลเงินดิจิทัลที่นิยมเทรด เช่น Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), Tether (USDT)
Commodity Trading
การเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ หมายถึง การซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้นที่ใช้ในการผลิตสินค้าอื่นๆ หวังผลกำไรจากความผันผวนของราคา ตัวอย่างสินค้าโภคภัณฑ์ พลังงาน: น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ / โลหะ: ทองคำ เงิน ทองแดง / สินค้าเกษตร: ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่วเหลือง / ปศุสัตว์: เนื้อวัว หมู
กำกับดูแลโดย ASIC/CIMA/FSC เทรดได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ค่าคอมมิชชั่น 0 และสเปรดต่ำ ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี3.แยกตามกรอบระยะเวลาที่ลงทุน Based on timeframe
Day Trading หรือการลงทุนแบบ เดย์เทรด
คือ กลยุทธ์การเก็งกำไรระยะสั้นในสินทรัพย์ทางการเงิน โดยอาศัยประโยชน์จาก ความผันผวน ของราคา ภายในวันเดียว หรือช่วงเวลเดียว โดยปิดสถานะทั้งหมดก่อนตลาดปิด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่ไม่สามารถจัดการได้ ข้อดี คงเป็นเรื่องของสามารถใช้เงินทุนอย่างคุ้มค่า เข้าออกได้หลายครั้ง และมีการเลือกตัดขาดทุนที่รวดเร็ว แต่ต้องระวังเรื่องของความผันผวนของราคา
Swing Trading หรือ สวิงเทรด
คือ กลยุทธ์การเก็งกำไรระยะกลาง เน้นถือครองสินทรัพย์ ตั้งแต่ 1 วัน ถึง หลายสัปดาห์ หวังผลกำไรจาก ความผันผวน ของราคา เป็นกลยุทธ์การเก็งกำไรระยะกลาง มีความเสี่ยงปานกลาง เหมาะสำหรับนักเทรดที่มีความรู้ ทักษะ อดทน ใจเย็น และสามารถรับมือกับความผันผวนได้
Positional Trading หรือ การเทรดแบบถือสถานะ
เป็นกลยุทธ์การเก็งกำไรระยะยาว เน้นถือครองสินทรัพย์ ตั้งแต่หลายสัปดาห์ ถึง หลายปี หวังผลกำไรจาก แนวโน้ม ของราคา เหมาะสำหรับนักเทรดที่มีความรู้ ทักษะ อดทน ใจเย็น และสามารถรอคอยผลตอบแทนระยะยาว
4.แยกตามการวิเคราะห์การลงทุน Based on analysis technique
Fundamental Trading (การซื้อขายโดยใช้ปัจจัยพื้นฐาน)
เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานของบริษัทหรือทรัพย์สินเพื่อตัดสินใจในการทำธุรกรรม. การวิเคราะห์พื้นฐานนี้มักเน้นที่ข้อมูลทางการเงิน, การบริหาร, และปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจมีผลต่อมูลค่าของหลักทรัพย์. เช่น ค่า P/E ROI กำไร/ขาดทุน มูลค่าหุ้นทางบัญชี เป็นต้นทำให้สามารถประเมินมูลค่าที่ควรจะเป็นได้ ข่าวสารทางเศรษฐกิจ เช่น ตัวเลขเงินเฟ้อ GDP ประจำไตรมาส หรืออัตราดอกเบี้ยนโยบาย
Technical Trading (การซื้อขายแบบเทคนิค)
เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ข้อมูลกราฟและตัวชี้วัดทางเทคนิคเพื่อตัดสินใจในการทำธุรกรรม. นักลงทุนที่ใช้กลยุทธ์นี้มักศึกษาราคาทางประวัติ, รูปแบบการเคลื่อนไหว, และตัวชี้วัดทางเทคนิคเพื่อพยากรณ์ทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดในอนาคต.ตัวอย่าง อินดิเคเตอร์เช่น Bollinger Band / RSI / MACD หรือ Demand-Supply
ข้อดีข้อเสียของลงทุนออนไลน์
ข้อดีของลงทุนออนไลน์
✅ ความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นผ่านเว็บไซต์การซื้อขายหุ้น, แอพพลิเคชั่นมือถือ, หรือแพลตฟอร์มการลงทุนอื่น ๆ ที่มีอยู่ในตลาด ทำให้คุณสามารถควบคุมการลงทุนของคุณได้อย่างสะดวกสบาย โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์เพื่อทำธุรกรรม
✅ ค่าธรรมเนียมต่ำ: เช่น ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหุ้น, ค่าธรรมเนียมการเปิดบัญชี, หรือค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมอื่น ๆ ที่อาจเป็นเงินหลายร้อยบาทถึงหลายพันบาทต่อธุรกรรมในตลาดแบบดั้งเดิม
✅ แพลตฟอร์มการลงทุนออนไลน์มักมีเครื่องมือการวิเคราะห์และข้อมูลต่าง ๆ ที่ช่วยในการตัดสินใจในการลงทุน เช่น กราฟแสดงราคาหุ้น, ข่าวสารทางการเงิน, และเครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดและการตัดสินใจในการลงทุน
✅ การลงทุนออนไลน์ทำให้คุณสามารถลงทุนในตลาดหลากหลายรูปแบบได้ เช่น หุ้น, ตราสารหนี้, กองทุนรวม, ตลาดอนุพันธ์, และอสังหาริมทรัพย์ ทำให้คุณสามารถสร้างพอร์ตโฟลิโอการลงทุนที่หลากหลายและควบคุมความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อเสียของลงทุนออนไลน์
❌ การลงทุนออนไลน์อาจมีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี เช่น ปัญหาด้านความปลอดภัยของข้อมูล, การแฮ็กแอค, หรือปัญหาในระบบเทคโนโลยีที่อาจส่งผลต่อการเข้าถึงแพลตฟอร์มการลงทุนหรือการทำธุรกรรม
❌ การลงทุนออนไลน์อาจเสี่ยงต่อข้อผิดพลาดทางการเงิน เช่น การทำธุรกรรมที่ผิดพลาด, การเลือกที่ไม่เหมาะสมของผลิตภัณฑ์การลงทุน, หรือการตัดสินใจที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การลงทุน
❌ ระบบการซื้อขายออนไลน์อาจเกิดปัญหาเท่าไหร่ก็ได้ เช่น การตกแต่ง, การล่มสลายของเว็บไซต์, หรือปัญหาในระบบการทำธุรกรรมที่อาจส่งผลต่อความสามารถในการทำธุรกรรมของคุณ
ลงทุนออนไลน์ vs ลงทุนออฟไลน์
ลงทุนออฟไลน์ หมายถึง การลงทุนที่ไม่ผ่านระบบออนไลน์ หรือ ไม่ได้ใช้ระบบอินเทอร์เน็ตตัวอย่างการลงทุนออฟไลน์ การซื้ออสังหาริมทรัพย์ เช่น ซื้อบ้าน คอนโดมิเนียม ที่ดิน การซื้อทองคำ เช่น ซื้อทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ / การซื้อกองทุนรวม เช่น ซื้อกองทุนรวมผ่านตัวแทน / การฝากประจำ: เช่น ฝากเงินกับธนาคาร และ การซื้อขายหุ้นผ่านโบรกเกอร์แบบดั้งเดิม
ตารางเปรียบเทียบลงทุนแบบออนไลน์และออฟไลน์
ลักษณะการลงทุน | ลงทุนแบบออนไลน์ | ลงทุนแบบออฟไลน์ |
ค่าธรรมเนียม | มีค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่ต่ำกว่า | มีค่าธรรมเนียมที่สูงกว่า |
ความสะดวก | การซื้อขายทำได้สะดสกและรวดเร็ว | ใช้เวลดำเนินนานกว่า และต้องติดต่อ |
ความโปร่งใส | เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และ เครื่องมือการวิเคราะห์ได้ง่าย | ราคาและข้อมูลการตลาดแบบเรียลไทม์อาจไม่สามารถใช้ได้ |
ความเป็นส่วนตัว | มีบริการที่เป็นส่วนตัวน้อยกว่าโบรกเกอร์ออฟไลน์ | มีบริการที่เป็นส่วนตัวสำหรับลูกค้าที่ Priviledge |
ตัวเลือกการลงทุน | มีตัวเลือกการลงทุนที่หลากหลาย | ตัวเลือกการลงทุนอาจจำกัดกว่า |
ความปลอดภัย | มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การถูกแฮ็ก | มีความปลอดภัยด้านข้อมูล มากกว่า |
การเข้าถึงหรือสัมผัสได้ | การใส่ใจดูและไม่ทั่วถึง | มีตัวแทนคอยดูและ และเข้าถึงความรู้สึก |
ลงทุนออนไลน์ปลอดภัยหรือไม่?
ลงทุนออนไลน์ มีทั้ง ความปลอดภัย และ ความเสี่ยง ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ข้อควรรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการลงทุนออนไลน์:
การเลือกแพลตฟอร์มการลงทุนที่มีชื่อเสียงและได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลการลงทุนสากลเป็นขั้นตอนสำคัญ
การทบทวนความปลอดภัยและความเป็นมาตรฐานของแพลตฟอร์มเป็นสิ่งที่สำคัญ
ใช้ระบบความปลอดภัยทางการเงิน: ในกรณีที่คุณทำการซื้อขายหุ้นหรือสกุลเงิน, ให้ตรวจสอบว่าแพลตฟอร์มมีระบบความปลอดภัยทางการเงินที่มีมาตรฐาน
ระบบการรักษาความลับและการเข้ารหัสข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญที่ควรมีเมื่อทำการทำธุรกรรมทางออนไลน์
ก่อนที่จะลงทุน, ควรทำการวิเคราะห์และควบคุมความเสี่ยงของการลงทุนเพื่อป้องกันความสูญเสียที่ไม่จำเป็น
รักษาความปลอดภัยของบัญชีออนไลน์โดยการอัปเดตรหัสผ่านอย่างสม่ำเสมอและใช้มาตรฐานความปลอดภัยอื่น ๆ
วิธีเลือกแพลตฟอร์มลงทุนออนไลน์
1.มีหน่วยงานรับรองความน่าเชื่อถือและได้รับอนุญาตควบคุม ในอุตสาหกรรมนั้นๆเกอร์ เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย.ก.ล.ต., FCA, CYSEC,ASIC,FSC สิ่งนี้จะช่วยปกป้องความมั่นคงทางการเงินและมาตรฐานการคุ้มครองลูกค้า ระบบความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม
2. ประเภทของสินทรัพย์ แพลตฟอร์มบางแห่งรองรับเฉพาะหุ้น บางแห่งรองรับกองทุนรวม คริปโท หรือ ฟอเร็กซ์ เลือกแพลตฟอร์มที่รองรับสินทรัพย์ที่ต้องการลงทุน
3. ค่าธรรมเนียม เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ค่าธรรมเนียมการโอนเงิน และ ค่าธรรมเนียมอื่นๆ อยู่ในเกณท์ที่ต่ำหรือสามารถแข่งขันได้เมื่อเทียบกับหลายโบรกเกอร์
4. ระบบการซื้อขาย ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว รองรับการซื้อขายบนมือถือ เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน
5. บริการลูกค้า มีช่องทางติดต่อ ตอบคำถาม แก้ปัญหา รวดเร็ว ฉับไว ในกรณีที่เกิดธุรกรรมขัดข้องหรือต้องการความช่วยเหลือ
6. ความปลอดภัยของข้อมูล ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแพลตฟอร์มมีการรับประกันการเข้ารหัสข้อมูลและโปรโตคอลความปลอดภัยที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลจากการละเมิดที่อาจเกิดขึ้นได้
วิธีลงทุนออนไลน์สำหรับมือใหม่?
🔸 1.ศึกษาข้อมูล: ศึกษาความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการลงทุน ประเภทของสินทรัพย์ กลยุทธ์ และ ความเสี่ยง
🔸 2.ตั้งเป้าหมาย: กำหนดเป้าหมายการลงทุน ต้องการผลตอบแทนระยะยาว หรือ ระยะสั้น รับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน
🔸 3.เลือกแพลตฟอร์ม: เลือกแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ ใช้งานง่าย รองรับสินทรัพย์ที่ต้องการลงทุน และมีแอพลิเคชั่นรองรับเพื่อความสะดวก ที่ Mitrade มีบริการทั้งหน้าเว็ปไซต์และแอฟพลิเคชั่น
🔸 4.เริ่มต้นด้วยเงินจำนวนน้อย: ไม่ควรลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่ ฝึกฝน บางท่านอาจจะเริ่มจากบัญชีจำลองหรือเดโม่ก่อนเพื่อฝึกฟังก์ชั่น ที่ Mitrade มีบัญชีจำลองให้ทุนสูงสุดถึง 50,000 USD
🔸 5.กระจายความเสี่ยง ไม่ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียว กระจายเงินลงทุนในหลายๆ สินทรัพย์
🔸 6.ติดตามตลาด: ติดตามข่าวสาร ข้อมูล และ วิเคราะห์ตลาด เพื่อตัดสินใจลงทุน
🔸 7.ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือ นักลงทุนที่มีประสบการณ์
สิ่งที่ควรรุ้ก่อนเริ่มลงทุนออนไลน์
ลงทุนออนไลน์เป็นกิจกรรมที่ต้องการการเตรียมความพร้อมและความเข้าใจในระบบการลงทุน. นี่คือสิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มการลงทุนออนไลน์:
กำหนดวัตถุประสงค์ของคุณในการลงทุน, ว่าคุณต้องการทำกำไรระยะสั้นหรือระยะยาว, และระดับความเสี่ยงที่คุณพร้อมรับ
ศึกษาและเข้าใจตลาดที่คุณสนใจที่จะลงทุน. การทราบข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท, สินทรัพย์, หรือสกุลเงินที่คุณจะลงทุนมีความสำคัญ
ทราบถึงประเภทของการลงทุนที่คุณสนใจ, เช่น หุ้น, อนุพันธ์, หรือตลาด Forex
ทดลองใช้งานแพลตฟอร์มการลงทุนเพื่อตรวจสอบความสะดวกสบายและการใช้งาน
การศึกษาและอบรม รวมถึงระบบความปลอดภัย
ศึกษาหลักสูตรการลงทุน, อ่านหนังสือ, หรือดูวิดีโอที่เกี่ยวข้องเพื่อเสริมความรู้
การวางแผนการจัดการความเสี่ยง:
กำหนดยุทธวิธีการจัดการความเสี่ยงของคุณ, รวมถึงการตั้งค่า Stop Loss เพื่อลดความเสี่ยง
ทราบถึงค่าธรรมเนียมและค่าบริการที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน
สรุปลงทุนออนไลน์
ลงทุนออนไลน์ในปัจจุบันนี้เรียกว่ามีช่องทางให้เลือกมากมายและเป็นวิธีที่ดีในการสร้างรายได้ทั้งหลักและเสริมให้กับนักลงทุน มีความสะดวกรวดเร็วและเข้าถึงง่ายขึ้น แต่การลงทุนออนไลน์ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงจากมิจฉาชีพหรือสแกมเมอร์ที่ตั้งใจเข้ามาสร้างความเสียหาย หลอกลวง หรือแฝงตัวเข้ามาหาผลประโยชน์ ดังนั้นต้องศึกษาและป้องกันให้อย่างดี
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
