วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 17 ส.ค. 2566

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >      

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

Gold Spot ในปัจจุบันอยู่ที่บริเวณ $1,893 ขณะที่ Gold Futures อยู่ที่บริเวณ $1,922.40

ราคาทองคำปรับตัวลงเมื่อวันพุธเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ในขณะที่รายงานการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐในเดือนกรกฎาคมเน้นย้ำว่าผู้กำหนดนโยบายยังคงแตกแยกเนื่องจากความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยธนาคารกลางสหรัฐยังคงความ Hawkish เพราะยังแสดงถึงทางเลือกสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในขณะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงเพิ่มสูงขึ้น

เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐแสดงความกังวลในการประชุมครั้งล่าสุดของพวกเขาเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ และกล่าวว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจมีความจำเป็นในอนาคต เว้นแต่เงื่อนไขจะเปลี่ยนแปลง

การอภิปรายดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างการประชุมสองวันในเดือนกรกฎาคม ส่งผลให้มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งตลาดคาดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของวัฏจักรอันเข้มข้นนี้

อย่างไรก็ตาม การอภิปรายแสดงให้เห็นว่าสมาชิกส่วนใหญ่กังวลว่าการต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่จบสิ้น และอาจต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดเพิ่มเติม

“ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าเป้าหมายระยะยาวของคณะกรรมการและตลาดแรงงานที่ยังตึงตัว ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ยังคงเห็นความเสี่ยงขาขึ้นที่สำคัญต่ออัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอาจต้องมีการเพิ่มความเข้มงวดของนโยบายการเงิน” สรุปการประชุมระบุ

การเพิ่มขึ้นครั้งล่าสุดทำให้ระดับการกู้ยืมที่สำคัญของ Fed หรือที่เรียกว่าอัตราเงินกองทุนของรัฐบาลกลาง อยู่ในช่วงเป้าหมายระหว่าง 5.25% - 5.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 22 ปี

ในขณะที่สมาชิกบางคนพูดตั้งแต่การประชุมว่า พวกเขาคิดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจไม่จำเป็น แต่รายงานการประชุมก็เตือนให้ระมัดระวัง เจ้าหน้าที่ระบุถึงแรงกดดันจากตัวแปรหลายอย่าง และย้ำว่าการตัดสินใจในอนาคตจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เข้ามา

“ในการหารือเกี่ยวกับแนวโน้มของนโยบาย ผู้เข้าร่วมยังคงตัดสินว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ท่าทีของนโยบายการเงินจะต้องจำกัดอย่างเพียงพอเพื่อให้อัตราเงินเฟ้อกลับคืนสู่เป้าหมาย 2 % ของคณะกรรมการเมื่อเวลาผ่านไป” เอกสารระบุ

ยังคงมีความไม่แน่นอนมากมาย เนื่องจากรายงานการประชุมชี้ให้เห็นถึงความวิตกอย่างมากเกี่ยวกับทิศทางนโยบายในอนาคต

แม้ว่าจะมีข้อตกลงว่าอัตราเงินเฟ้อนั้น “สูงจนไม่สามารถยอมรับได้” แต่ก็มีข้อบ่งชี้ว่า “มีสัญญาณเบื้องต้นหลายประการที่บ่งชี้ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออาจลดลง”

ผู้เข้าร่วมการประชุม "เกือบทั้งหมด" ซึ่งรวมถึงสมาชิกที่ไม่ลงคะแนนเสียงเห็นด้วยกับการปรับขึ้นอัตรา อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกล่าวว่าพวกเขาคิดว่าคณะกรรมการสามารถข้ามการปรับขึ้นและรอดูว่าการเพิ่มขึ้นก่อนหน้านี้ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจอย่างไร

“ผู้เข้าร่วมมักสังเกตเห็นความไม่แน่นอนในระดับสูงเกี่ยวกับผลกระทบสะสมต่อเศรษฐกิจจากการคุมเข้มนโยบายการเงินที่ผ่านมา” รายงานการประชุมระบุ

รายงานการประชุมยังระบุว่าเศรษฐกิจคาดว่าจะชะลอตัวและแนวโน้มการว่างงานจะเพิ่มขึ้นบ้าง อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ถอนการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ว่าปัญหาในอุตสาหกรรมการธนาคารอาจนำไปสู่ภาวะถดถอยเล็กน้อยในปีนี้

แต่ก็มีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจ้าหน้าที่อ้างถึง ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการประเมินมูลค่า CRE ที่ลดลงอย่างรวดเร็วซึ่งอาจส่งผลเสียต่อธนาคารบางแห่งและสถาบันการเงินอื่น ๆ เช่น บริษัทประกันภัย ที่มีความเสี่ยงสูงต่อ CRE ผู้เข้าร่วมหลายคนสังเกตเห็นความอ่อนแอของสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารบางแห่ง เช่น กองทุนรวมตลาดเงินและอื่นๆ

สำหรับอนาคตของนโยบาย สมาชิกเน้นย้ำถึงความเสี่ยงสองด้านของการคลายนโยบายเร็วเกินไปและเสี่ยงต่ออัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจากการเข้มงวดมากเกินไปและส่งผลให้เศรษฐกิจหดตัว

ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังอยู่ห่างจากเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลาง แต่ก็มีความคืบหน้าอย่างชัดเจนตั้งแต่จุดสูงสุดเหนือ 9% ในเดือนมิถุนายน 2022

ตัวอย่างเช่น ดัชนีราคาผู้บริโภค ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าและบริการที่มีผู้ติดตามอย่างกว้างขวาง มีอัตรา 3.2% 12 เดือนในเดือนกรกฎาคม มาตรการที่ Fed ชื่นชอบคือดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลไม่รวมอาหารและพลังงาน อยู่ที่ 4.1% ในเดือนมิถุนายน

อย่างไรก็ตาม ผู้กำหนดนโยบายกังวลว่าการประกาศชัยชนะเร็วเกินไปอาจทำผิดพลาดซ้ำรอยในอดีต ในช่วงทศวรรษที่ 1970 นายธนาคารกลางได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่เป็นตัวเลขสองหลัก แต่ก็ถอยกลับอย่างรวดเร็วเมื่อราคาแสดงสัญญาณเบื้องต้นของการถอยกลับ

แม้จะมีความตั้งใจที่จะปรับขึ้นเพื่อชะลอเศรษฐกิจ แต่ก็ดูเหมือนจะมีผลกระทบเล็กน้อยต่อการเติบโตโดยรวม

GDP เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยสูงกว่า 2% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 โดยเศรษฐกิจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก 5.8% ในไตรมาสที่สาม ตามการคาดการณ์ล่าสุดจาก Atlanta Fed

ในขณะเดียวกันการเติบโตของการจ้างงานได้ชะลอตัวลงบ้างแต่ยังคงแข็งแกร่ง อัตราการว่างงานอยู่ที่ 3.5% ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1960 การเปิดรับสมัครงานเข้ามาบางส่วนจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ก็ยังห่างไกลจากจำนวนพนักงานที่มีอยู่

เจ้าหน้าที่ Fed บางคนระบุว่า แม้ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะไม่น่าเป็นไปได้ในปีนี้ แต่การปรับขึ้นอาจจบลงแล้ว ตัวอย่างเช่น John Williams  ประธานระดับภูมิภาคจากนิวยอร์ก และ Patrick Harker แห่งฟิลาเดลเฟีย ทั้งสองกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าพวกเขามองเห็นเส้นทางสู่การคงอัตราไว้ตอนนี้ ราคาในตลาดชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่จำเป็นต้องมีการขึ้นอัตราเพิ่มเติม โดยมีโอกาสน้อยกว่า 40% ที่อัตราจะเพิ่มขึ้นอีกในช่วงก่อนสิ้นปี ตามข้อมูลของ CME Group

การมองโลกในแง่ดีเพิ่มขึ้นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ สามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยที่รุนแรงได้ แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะยังคงมีอคติต่อตลาดทองคำอย่างต่อเนื่องทำให้ราคาซื้อขายในระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จากธนาคาร ANZ ในออสเตรเลียกล่าวว่า แม้จะมีแรงเทขายในระยะสั้น แต่พวกเขายังคงมุมมองเชิงบวกในระยะกลางถึงระยะยาวต่อโลหะมีค่า 

Daniel Hynes นักยุทธศาสตร์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์อาวุโสและผู้เขียนรายงานฉบับล่าสุดกล่าวว่า แม้ว่าราคาจะไม่สามารถยืนหยัด และมีโอกาสการลดลงต่ำกว่า $1,900 ได้ แต่เขาเห็นสัญญาณของการสนับสนุนที่แข็งแกร่งในตลาด

“เราเชื่อว่า Fed ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของวัฏจักรการไต่ระดับแล้ว ค่าเงินดอลลาร์ยังคงอยู่ในช่วงขาลงของโครงสร้าง และภาวะสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นอาจเป็นความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ” Hynes กล่าวในรายงาน “สิ่งเหล่านี้เป็นฉากหลังที่สนับสนุนทองคำ”

แม้ว่า ANZ ยังคงมุมมองเป็นขาขึ้นสำหรับทองคำ แต่สภาพแวดล้อมที่น่าเบื่อในปัจจุบันทำให้ธนาคารชะลอการคาดการณ์สำหรับจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ ขณะนี้ธนาคารออสเตรเลียเห็นราคาเฉลี่ยประมาณ 2,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 คาดว่าราคาจะแตะระดับสูงสุดใหม่ภายในสิ้นไตรมาสแรกของปี 2024 โดยมีราคาเฉลี่ยประมาณ 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์

“เศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวได้ดังที่เห็นได้จากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับปานกลางและข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งนำเสนอความสมดุลของเศรษฐกิจมหภาคในอุดมคติ เป็นผลให้ตลาดได้ผลักดันความเป็นไปได้ของ Hard Landing ออก สิ่งนี้ทำให้กระแสเงินสดที่ปลอดภัยสำหรับทองคำลดลง”Hynes กล่าว

อย่างไรก็ตาม ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจากระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีของปีที่แล้ว ANZ คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐได้ขึ้นสู่อัตราดอกเบี้ยสูงสุดแล้ว Haynes เสริมว่าทองคำไม่ควรตื่นตระหนกกับความเป็นไปได้ของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย

ราคาทองคำทะลุช่วงราคาที่เป็นจุดต่ำสุดเดิมเมื่อช่วงเดือนที่แล้ว ทำให้ตอนนี้ช่วงของ Fibonacci ได้ถูกทำลายลง และอาจจะเป็นการพาให้ราคาทองคำเข้าสู่ช่วงขาลงอย่างต่อเนื่อง เพราะเมื่อพิจารณาจากในกราฟระดับ 1 วันแล้ว จะเห็น Trend Line ขาลงที่เริ่มชัดเจนมากขึ้น

เริ่มจากจุดสูงสุดที่บริเวณ $2,050 ลงมาทำจุดสูงสุดที่ต่ำลงที่บริเวณ $1,980 ในขณะที่เส้นแนวรับก็ต่ำลงเช่นกัน จากบริเวณ $1,970 จนมาทะลุบริเวณ $1,893 เมื่อวาน

ถึงแม้ในปัจจุบัน ราคากำลังพยายามทรงตัวอยู่ในช่วง $1,893 แต่ราคามีโอกาสปรับตัวลงได้ต่อ โดยแนวรับถัดไปคือบริเวณ $1,970 ก่อนที่จะไปเจอแนวเส้น Trend Line ที่ปัจจุบันอยู่ที่บริเวณ $1,860

อย่างไรก็ตาม ราคาได้ผ่านเส้น MA200 วันลงมา ซึ่งโดยปกติมักจะมีการกลับขึ้นไปทดสอบบริเวณเส้นดังกล่าวและเคลื่อนไหวอยู่บริเวณใกล้ๆ ซักระยะ จึงทำให้มีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวขึ้นได้เช่นกัน 

ซึ่งปัจจุบันเส้น MA200 อยู่บริเวณ $1,906 แต่ก่อนที่จะไปถึงบริเวณดังกล่าว ราคาจะต้องเจอกับแนวต้านบริเวณ $1,900 ก่อนเป็นระดับแรก

กราฟทองคำ ระดับ 1 วัน

แนวรับ ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ  $1,893 และ $1,870 - $1,960

แนวต้าน ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ  $1,900 - $1,906