วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 11 ส.ค. 2566

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >      

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

Gold Spot ในปัจจุบันอยู่ที่บริเวณ $1,914 ขณะที่ Gold Futures อยู่ที่บริเวณ $1,946.95

ราคาทองคำไม่สามารถทรงตัวเหนือราคา $1,930 ได้ เมื่อวันที่ผ่านมา ถึงแม้ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าราคาผู้บริโภคของสหรัฐ (CPI) เพิ่มขึ้นในระดับปานกลางในเดือนกรกฎาคม ตอกย้ำการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจจะสิ้นสุดรอบการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

เมื่อวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐกล่าวว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนที่แล้ว หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งข้อมูลที่ออกมาไม่ได้เกินคาดการณ์มากนัก

อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อประจำปีให้ภาพราคาผู้บริโภคที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา รายงานระบุว่าอัตราเงินเฟ้อประจำปีเพิ่มขึ้น 3.2% เพิ่มขึ้นจาก 3% ในเดือนมิถุนายน อัตราเงินเฟ้อประจำปีอ่อนแอกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้เล็กน้อย การคาดการณ์ที่เป็นเอกฉันท์มองถึงตัวเลขที่ 3%

นักวิเคราะห์บางคนสังเกตว่าทองคำไม่เห็นปฏิกิริยามากนักต่อข้อมูลเงินเฟ้อ เนื่องจากไม่ได้ให้ข้อมูลที่ชี้ขาดว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ อยู่ที่ใด อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางคนสังเกตว่าแรงกดดันที่เย็นลงหมายความว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ มีโอกาสคงอัตราดอกเบี้ยไว้จนถึงสิ้นปี

อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์คนอื่นๆ สังเกตว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงเพิ่มขึ้นอย่างดื้อรั้นแม้ว่าราคาจะเย็นลงอย่างช้าๆ

รายงานระบุว่าราคาอาหารและพลังงานผันผวน โดยระบุว่า CPI หลักเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนกรกฎาคม หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมิถุนายน อย่างไรก็ตาม สำหรับปีนี้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 4.7% ลดลงเมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 4.8%

นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่าธนาคารกลางสหรัฐไม่สามารถผ่อนปรนอัตราดอกเบี้ยได้ทุกเมื่อในเร็วๆ นี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2%

รายงานระบุว่าค่าที่พักยังคงครอบงำการซื้อของผู้บริโภค โดยคิดเป็น 90% ของอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในเดือนที่แล้ว รายงานระบุว่าการประกันภัยรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นมีส่วนทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในเดือนที่แล้ว

ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเพิ่มขึ้นในระดับปานกลางในเดือนที่แล้ว โดยเพิ่มขึ้น 0.1% สำหรับปี ดัชนีพลังงานเพิ่มขึ้น 12.5% ราคาอาหารยังคงสูงขึ้นโดยดัชนีเพิ่มขึ้น 4.9% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

Paul Ashworth หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์อเมริกาเหนือของ Capital Economics กล่าวว่าข้อมูลดังกล่าวควรผลักดันธนาคารกลางสหรัฐฯ

“เราทราบดีว่าค่าที่พักเป็นตัวบ่งชี้ที่ล้าหลัง และการลดลงของอัตราเงินเฟ้อค่าเช่าใหม่แสดงให้เห็นว่าในอีก 12 เดือนข้างหน้าอัตราเงินเฟ้อของที่พักอาศัยจะไม่เพียงแค่ลดลงกลับสู่อัตราปกติ แต่อาจลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก่อนเกิดโรคระบาด” เขาระบุ“โดยรวมแล้ว ไม่มีอะไรที่จะบ่งชี้ว่า Fed จำเป็นต้องผลักดันการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีนี้”

สำหรับนักวิเคราะห์ตลาดบางคน ทองคำอาจเห็นราคาที่สูงขึ้นหากธนาคารกลางสหรัฐฯ เข้าสู่รูปแบบการเฝ้าดู ตลาดมองว่ามีโอกาสน้อยกว่า 10% ที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน และมีโอกาส 30% ที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤศจิกายน

ขณะที่ตลาดแรงงานสหรัฐอ่อนแออย่างน่าประหลาดใจเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากจำนวนคนงานที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นเกินความคาดหมายของตลาด

ในวันเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐกล่าวว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 21,000 รายเป็น 248,000 รายในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ส.ค. เพิ่มขึ้นจากประมาณการผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจำนวน 227,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า

ข้อมูลตลาดแรงงานล่าสุดแย่กว่าที่คาดไว้ จากการคาดการณ์ที่เป็นเอกฉันท์ นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเห็นผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเป็น 230,000 ราย

David Meger ผู้อำนวยการฝ่ายซื้อขายโลหะของ High Ridge Futures กล่าวว่า “ด้วยดัชนี CPI ที่ลดลงอย่างช้าๆ ซึ่งบ่งชี้ว่ามีความเป็นไปได้น้อยลงที่ Fed จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการประชุมเดือนกันยายน”

“ผลที่ตามมาคือ เราได้เห็นการถดถอยของเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนที่กลับตัว และนั่นเป็นสภาพแวดล้อมพื้นฐานที่ดีกว่าสำหรับตลาดทองคำ”

จากข้อมูลดังกล่าว เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ทำให้ทองคำมีความน่าสนใจมากขึ้นสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่นๆ อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเวลาที่ผันผวน

แต่นักวิเคราะห์ก็มองว่าราคาทองคำกำลังอยู่ในเส้นทางที่จะพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2024 จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และความกลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ปรากฏขึ้นซึ่งยกระดับบทบาทในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

“ผมเห็นว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวเหนือ $2,100 ในช่วงปลายปี 2023 หรือต้นปี 2024 ในระดับการซื้อขาย” Bart Melek กรรมการผู้จัดการของ TD Securities และหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลก กล่าว โดยระบุว่าการมองโลกในแง่ดีของเขาอาจทำให้วงจรการคุมเข้มของธนาคารกลางสหรัฐฯ หยุดชะงักลง

“ผมมีความมั่นใจต่อทองคำ เนื่องจากเชื่อว่า Fed จะเคลื่อนไหวออกจากนโยบายที่เข้มงวดในปัจจุบัน เขาเชื่อว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นก่อนที่ Fed จะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2%” Melek กล่าวกับสำนักข่าว CNBC

Fed เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องในเดือนมีนาคม 2022 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ในเวลาไม่ถึงสองปี และได้เพิ่มต้นทุนการกู้ยืมไปที่ระหว่าง 5.25% ถึง 5.5%

ทองคำมีประสิทธิภาพเหนือกว่าสินทรัพย์ประเภทหลักอื่นๆ ส่วนใหญ่ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา Melek เขียนในรายงานล่าสุด โดยระบุว่าทองคำสามารถต้านทานอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นและมูลค่าของทองคำเป็นเดิมพันที่ปลอดภัยต่ออัตราเงินเฟ้อ

นักวิเคราะห์บางคนมีความเชื่อมั่นในทองคำเป็นพิเศษ และคาดการณ์ถึงเป้าหมายที่ $2,500 ภายในสิ้นปีหน้า ซึ่งสูงกว่าระดับปัจจุบันมากกว่า 26%

David Neuhauser ผู้ก่อตั้ง Livermore Partners กล่าวว่า “เป้าหมายของเขาคือ 2,500 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2024 ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงที่ว่าเศรษฐกิจถดถอยอาจเริ่มขึ้นในปลายปีนี้และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2024 ซึ่งในปี 2024 เป็นช่วงเวลาที่เขาเห็นทองคำพุ่งขึ้นและทำจุดสูงสุดใหม่และเคลื่อนไหวไกลออกไป”

Neuhauser กล่าวว่า เขาคาดว่าภาวะเงินฝืดจะยังคงมีอยู่ต่อไปในเศรษฐกิจโลกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อลดลงเหลือระหว่าง 3% ถึง 5%

ทองคำมีแนวโน้มที่จะทำงานได้ดีในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอยและภาวะเงินฝืด เนื่องจากสถานะของทองคำเป็นตัวเก็บมูลค่าที่เชื่อถือได้ และมักถูกใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ

“ผมค่อนข้างมั่นใจว่าภายในไม่กี่ปี เราจะได้เห็นทองคำมูลค่า 2,500 ดอลลาร์” Randy Smallwood ซีอีโอของ Wheaton Precious Metals กล่าว

“การเคลื่อนไหวแบบถดถอยในรูปแบบใดก็ตามจะเป็นผลดีต่อทองคำ” เขากล่าว พร้อมเสริมว่าเขาเห็นความอ่อนแอในเศรษฐกิจจีนและสหรัฐฯ

ทางด้านธนาคารยูโอบียังคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะสร้างสถิติใหม่ภายในครึ่งหลังของปี 2024 

“แรงผลักดันสำคัญในมุมมองเชิงบวกของเราสำหรับทองคำนั้นคาดว่าจะถึงจุดสูงสุดในรอบการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed เช่นเดียวกับการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐที่กำลังจะมาถึง” Heng Koon How หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การตลาด เศรษฐกิจโลกและการวิจัยตลาดของธนาคาร กล่าว

ทองควรซื้อขายสูงขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยหยุดขึ้นและดอลลาร์ถอยลง เขาอธิบาย

Heng คาดการณ์ว่าทองคำจะซื้อขายที่ 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2024

ราคาทองคำมักจะมีความสัมพันธ์ผกผันกับอัตราดอกเบี้ย เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ความต้องการทองคำลดลงเนื่องจากการลงทุนทางเลือก เช่น พันธบัตร มีความน่าสนใจมากขึ้นและให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น

อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐลดลงสู่อัตราประจำปีที่ต่ำที่สุดในรอบกว่าสองปีในเดือนมิถุนายน โดยเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ธนาคารกลางสหรัฐในเดือนกรกฎาคมได้อนุมัติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งคาดว่าจะมีต้นทุนการกู้ยืมที่สูงที่สุดในรอบกว่า 22 ปี

ขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคที่สูงขึ้น การซื้อทองคำของธนาคารกลางก็ “แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง” ควบคู่ไปกับความต้องการของผู้บริโภค Heng ชี้ให้เห็น

“เรายังเห็นการกลับมาของความต้องการเครื่องประดับทองจริงจากจีนและอินเดีย เนื่องจากเศรษฐกิจทั้งสองมีเสถียรภาพและการใช้จ่ายค้าปลีกกลับมา” Heng กล่าว

ความต้องการทองคำสำหรับการค้าปลีกของจีนมีความยืดหยุ่นในปี 2023 แม้ว่าการบริโภคสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ ยังคงอ่อนแอจากรายงานในเดือนกรกฎาคม

ความต้องการเครื่องประดับทองในไตรมาสแรกของจีนอยู่ที่ “เพียงแค่ 200 ตัน ซึ่งเป็นฤดูกาลที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2015”  นักวิเคราะห์นำโดย Aakash Doshi หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของ Citi กล่าวในรายงาน

Citi คาดการณ์ความต้องการเครื่องประดับจากจีนมากกว่า 700 ตันในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบเป็นรายปี

Smallwood ของ Wheaton กล่าวว่าเขาเห็นความต้องการผู้บริโภคและการค้าปลีกที่เพิ่มขึ้น “ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ ไม่ว่าจะเป็นแท่ง ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ” เขากล่าว

Nicky Shiels หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์โลหะของ MKS PAMP บริษัทโลหะมีค่ากล่าวว่า ความต้องการทางกายภาพสำหรับทองคำในบางภูมิภาคกลับมาแล้ว และความต้องการทองคำของธนาคารกลางยังคงแข็งแกร่ง

“ธนาคารกลางในตลาดเกิดใหม่ยังคงลดค่าเงินดอลลาร์และใช้ทองคำเป็นทางเลือกในกรณีที่ชาติตะวันตกคว่ำบาตรเพิ่มเติม” เธอกล่าว

มีรายงานว่ากลุ่มประเทศ BRICS ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ กำลังพิจารณาที่จะย้ายออกจากเงินดอลลาร์สหรัฐไปยังสกุลเงินใหม่ที่หนุนด้วยทองคำ

ในที่สุด ราคาทองคำก็ลงมาถึงเป้าหมายที่สองของการย่อตัวในครั้งนี้ที่บริเวณ $1,913 อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของราคายังคงยังมีโอกาสปรับตัวลงได้ต่อ เนื่องจากสัญญาณทางเทคนิคยังคงไม่เห็นแนวโน้มของการกลับตัว

บริเวณ $1,913 เป็นเป้าหมายการลงลำดับที่สองหลังจากช่วงบริเวณ $1,930 ซึ่งเป็นการวัดจากการใช้ Fibonacci ซึ่งทำให้เราเห็นเป้าหมายการย่อตัวหลักๆ อยู่ในช่วง 61.8% ถัดไปที่ 78.6% และ 88.7% ซึ่งขณะนี้ ราคาได้มาที่บริเวณ 78.6% แล้ว แต่ยังคงไม่เห็นสัญญาณของการกลับตัว 

อย่างไรก็ตาม เมื่อราคาย่อถึงบริเวณเป้าหมายย่อมเกิดการดีดตัวของราคาขึ้นในช่วงสั้นๆ ซึ่งพื้นที่ในการขยับขึ้นในช่วงนี้น่าจะอยู่ในกรอบ $1,913 - $1,930 โดยมีแนวต้านย่อยๆ ภายในวันอยู่ที่ $1,918 และ $1,924 ตามลำดับ ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ย EMA 12 และ 26 ในกราฟระดับ 4 ชั่วโมง

ในขณะที่แนวรับ บริเวณ $1,913 ยังคงมีโอกาสถูกทดสอบอย่างต่อเนื่อง และราคายังคงมีโอกาสจะลงไปที่บริเวณ Fibonacci ถัดไปที่ 88.7% ซึ่งอยู่ในช่วงราคา $1,903 อีกทั้งบริเวณนั้นจะเป็นบริเวณเส้น MA200 วัน ซึ่งมีความแข็งแกร่งอย่างมาก ซึ่งราคาได้ทะลุเส้นดังกล่าวมาตั้งแต่ปลายปี 2022 และได้พาให้ทองคำเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นมาตั้งแต่นั้น การกลับมาทดสอบเส้นดังกล่าวจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

กราฟทองคำ ระดับ 1 วัน

- แนวรับ ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ  $1,913 และ $1,903

- แนวต้าน ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $1,918 - $1,924 และ $1,930