เล่นหุ้น เริ่ม ต้น กี่บาท? อยากรวยต้องอ่าน!!
การลงทุนในหุ้นเป็นหนึ่งในไม่กี่หนทางที่จะปลูกเงินต้นให้งอกเงยได้เป็นหลาย ๆ เท่าตัว ในแบบที่การฝากเงินหรือการซื้อพันธบัตรไม่สามารถทำได้ จึงไม่แปลกใจเลยหากการเล่นหุ้นจะกลายมาเป็นหนึ่งในหนทางลงทุนที่คนทั่วไปใฝ่ฝันอยากเข้ามาสัมผัส
ทั้งนี้การเปิดพอร์ตเล่นหุ้นสำหรับคนไทยก็ยังคงมีขั้นตอนที่ซับซ้อน การคิดค่าคอมมิสชั่นบวกภาษีและค่าธรรมเนียมอีกหลายชั้นในแบบที่ต้องคุยกันยาวกว่าจะรู้แบบครบจบ อย่างไรก็ ดีคราวนี้เราจะมาพูดถึงเงินต้นสำหรับการลงทุนกันก่อนว่าเล่นหุ้น เริ่ม ต้น กี่บาท และนักลงทุนที่เริ่มเล่นหุ้นควรกันเงินลงทุนไว้อย่างน้อยเท่าไหร่บ้าง
ข้อจำกัดเงินทุนตั้งต้นจากเงื่อนไขการเปิดบัญชี
ในการเริ่มซื้อขายหุ้นสิ่งแรกนักลงทุนต้องมีบัญชีหลักทรัพย์สำหรับการซื้อขายที่เปิดกับโบรกเกอร์นั้นๆไม่ว่าจะเป็นโบรกเกอร์ที่มาจากธนาคารต่างๆที่คุ้นหูกันหรือโบรกเกอร์ที่ทำธุรกิจหลักทรัพย์โดยเฉพาะ โดยในปัจจุบันบัญชีซื้อขายหุ้นนี้ ได้แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ แต่ละประเภทมีความแตกต่างกันดังต่อไปนี้
บัญชีวางเงินล่วงหน้า หรือ Cash Balance คือ มีเงินแค่ไหน ซื้อได้เท่านั้น
นักลงทุนมือใหม่ควรเริ่มจากบัญชีแคชบาลานซ์ เพราะคิดง่ายๆตรงไปตรงมา นั่นคือ มีเงินในบัญชีเท่าไหร่ ก็ใช้ซื้อหุ้นได้เท่านั้น ไม่เกินกว่านี้ ไม่ต้องคิดให้ยุ่งยาก อีกหนึ่งข้อดี คือ เป็นการจำกัดวงเงินการซื้อหุ้นของเราด้วยจำนวนเงินที่เรามีในบัญชีหุ้นนั่นเอง หากต้องการเทรดหุ้นเพิ่มมากขึ้น ให้มูลค่ามากกว่าเงินที่มีในบัญชี แค่ต้องโอนเงินเติมเข้าบัญชีแคชบาลานซ์ก่อนให้เรียบร้อย
บัญชีเงินสด Cash Account คือ ซื้อหุ้นเสร็จ แล้วจ่ายทีหลังวันครบกำหนด
สำหรับบัญชี Cash Account โบรกเกอร์จะพิจารณาวงเงินในการเทรดหุ้นจากหลักฐานทางการเงินของผู้ขอเปิดบัญชี ซึ่งก่อนที่จะทำการซื้อหุ้นนั้น นักลงทุนจำเป็นต้องวางเงินประกัน 20% ของวงเงินที่ต้องการจะเทรด หรืออาจจะวางเงิน 20% ของวงเงินอนุมัติ เช่น ได้รับวงเงินอนุมัติ 1,000,000 บาท เราต้องวางเงินประกัน 200,000 บาท นักลงทุนที่จะสามารถซื้อขายผ่าน Cash Account ได้ต้องได้รับการอนุมัติจากโบรกเกอร์แล้วว่ามีความสามารถในการชำระหนี้ได้ดีในระดับหนึ่ง เพราะจะต้องทำการโอนเงินภายในเวลา (T+3) วันที่ซื้อและบวกไปสามวันไม่เกินนี้
บัญชีกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Credit Balance Account) หรือ บัญชีมาร์จิ้น : ยืมเงินโบรกเกอร์มาซื้อหุ้น
มาถึงบัญชีที่เรียกว่าซ้ำซ้อน และมีเรื่องของการคำนวณอื่นๆเข้ามาเพื่อวางหลักประกัน หรือจุดที่ต้องเติมเงิน เหมาะกับนักลงทุนระดับ Advance โดยข้อดีคือ เป็นบัญชีที่นักลงทุนสามารถกู้ยืมเงินของโบรกเกอร์มาซื้อหุ้น และหุ้นที่จะซื้อนั้นต้องอยู่ในรายชื่อหุ้นที่บริษัทฯ กำหนดไว้เท่านั้น ทางโบรกเกอร์จึงมีเงื่อนไขในการซื้อขายของบัญชีประเภทนี้มากกว่าบัญชีประเภทอื่น ๆ เพื่อป้องกันความเสี่ยงการผิดนัดชำระจากนักลงทุนครับ บัญชี Credit Balance มีรายละเอียดค่อนข้างมาก ทั้งคำนวณวงเงิน คำนวณเงินประกันที่วาง และดูมาร์จิ้นขั้นต่ำ แต่ข้อดี คือ เป็นการเพิ่มอำนาจในการลงทุน หรือทำให้นักลงทุนสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ได้มากกว่าเงินลงทุนที่มีนั่นเอง
ปัจจัยที่กำหนดจำนวนเงินที่ลงทุนในหุ้นมีอะไรบ้าง
คำถามที่นักลงทุนมือใหม่หรือผู้ที่สนใจจะเข้ามาในตลาดหุ้น นอกจากโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ ความรู้ทางพื้นฐานบริษัทของหุ้นนั้นๆ นั่นคือ ควรใช้เงินลงทุนเริ่มต้นที่เท่าไหร่ดี ซึ่งถ้ามองกันตรงๆคือ ลงทุนมากได้มาก ขาดทุนมาก ถ้าลงทุนน้อย ผลตอบแทนน้อย ลดการสูญเสียถ้าขาดทุนขึ้นมา ดังนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยประกอบกัน แต่เบื้องต้นที่ต้องทราบคือดังนี้
ปัจจัยที่ 1 ราคา “หุ้น”
ราคาของหุ้น หรือ (Market Price) เป็นราคาที่ตกลงซื้อขายหุ้น หากความต้องการซื้อของหุ้นนั้นมากกว่าความต้องการขาย เนื่องจากแนวโน้มดี เป็นที่น่าสนใจ อาจจะทำให้ราคาสูงขึ้น แต่ถ้ามีเหตุที่ทำให้ความต้องการขายนั้นมากกว่าความต้องการซื้อ เช่น บริษัทยอดขายตก กำไรลดลง หรือข่าวกระทบที่ไม่ มีโอกาสทำให้ราคาหุ้นลดลง เช่น ราคาหุ้นของ OR ปัจจุบันที่ราคา 20.50 บาท ขั้นต่ำกำหนดในการลงทุนซื้อหุ้นในตลาดหุ้นไทย อยู่ที่จำนวน 100 หุ้น ดังนั้นนักลงทุนจะต้องใช้เงิน 20.50 x100 = 2,050 บาท ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมซื้อขาย
ปัจจัยที่ 2 จำนวน “หุ้น” ในพอร์ต
นักลงทุนบางท่านมีการวางแผนการลงทุนมาเป็นอย่างดีว่าสัดส่วนของหุ้นในลงทุนแต่ละกลุ่มเท่าไหร่บ้าง โดยอาจจะแบ่งตามความเสี่ยง หรือแบ่งตามอุตสาหกรรมที่น่าสนใจในช่วงนั้นๆ หรือนักลงทุนบางคนนิยมซื้อขายทีละตัว ค่อยเป็นค่อยไป มาดูข้อดีและข้อเสียกัน
แบ่งกระจายซื้อหุ้นหลายๆตัว
✅ ข้อดี คือ สามารถกระจายความเสี่ยงได้ดี เช่น ถ้ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกับหุ้นตัวหนึ่ง ทำให้เกิดการขาดทุน แต่ถ้าหุ้นตัวอื่นมีกำไรก็จะมาช่วยถัวเฉลี่ยกันได้
❎ ข้อเสีย คือ ต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างมาก เนื่องจากต้องกระจายการลงทุนไปในหุ้นหลายตัว ทำให้เงินที่อยู่ในหุ้นแต่ละตัวก็จะกระจายตามไปด้วย ทำให้บางทีเงินในหุ้นแต่ละตัวน้อยจนพอร์ตเราไม่โต และต้องใช้เวลาเยอะในการค้นหาหุ้นที่สนใจในแต่ละกลุ่ม เช็คตัวเลขทางการเงินต่างๆให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจเลือกหุ้นเข้าพอร์ต
ซื้อหุ้นอัดไปเลยตัวเดียว
✅ ข้อดี คือ สามารถดูแลและติดตามหุ้นในพอร์ตได้ดี เช่น การติดตามข่าวสารต่างๆ งบการเงิน เป็นต้น และเวลาที่ทำกำไรหรือขาดทุนจะเห็นเม็ดเงินเน้นๆ ไม่ต้องไปแบ่งเงินไปหลายๆตัว
❎ ข้อเสีย คือ ส่วนข้อเสียของการลงทุนในหุ้นทีละตัว คือ ถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรกับหุ้นของเรา ก็อาจจะทำให้เราขาดทุนจำนวนมากได้เช่นกัน
เล่นหุ้น เริ่ม ต้น กี่บาท
ควรใช้เงินที่ไม่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวันและไม่มีความเสียหายที่ไม่สามารถรับได้ การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยงเนื่องจากตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง อาจเสี่ยงต่อการขาดทุน ดังนั้นควรให้ความสำคัญในการจัดการเงินอย่างรอบคอบ
สำหรับเบื้องต้นในการใช้บัญชี Cash Balance ซื้อขายหุ้น แม้จะไม่ได้มีกำหนดขั้นต่ำของเงินทุนไว้ แต่ในการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จะกำหนดขั้นต่ำอยู่ที่ 100 หุ้น ดังนั้นควรคำนวณเงินทุนให้เหมาะสมกับราคาหุ้นที่สนใจจะซื้อและอย่าลืมบวกส่วนของค่าคอมมิสชั่นซื้อขายหุ้นไว้เช่นเดียวกัน
ตัวอย่างเช่น ต้องการซื้อหุ้น PTT ที่ราคาหุ้นละ 50 บาท (ขั้นต่ำคือ 100 หุ้น) ดังนั้นต้องเตรียมเงิน 5,000 บาท และคำนวณค่าคอมมิสชั่นซื้อขายหุ้นที่ 0.287% เท่ากับ 14.35 บาท สรุปแล้วเงินทุนทั้งหมดที่ต้องเตรียมสำหรับ 5,000 +14.35 = 5,014.35 บาท
นักลงทุนมือใหม่อาจมีหลายคำถามเรื่อง เล่นหุ้น เริ่มต้นกี่บาท หรือถ้าหากมีเงินไม่เยอะสามารถเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นได้หรือไม่ ซึ่งคำตอบนั้นก็คือ ‘ได้’ ไม่จำเป็นต้องเยอะ เพราะขั้นต่ำในการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ (Board Lot) ถูกกำหนดไว้เพียง 100 หุ้นเท่านั้น
จะเห็นว่าการคำนวณเงินการเล่นหุ้นเริ่มต้นนั้น การซื้อขายหุ้นโดยปกติมีขั้นต่ำ ที่จำนวน 100 หุ้นต่อ 1 คำสั่ง หรือที่เรียกว่า board lot ทำให้เงินขั้นต่ำที่ต้องใช้ในการซื้อหุ้นอยู่ที่ราคาหุ้นคูณ 100 แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราสามารถซื้อขายหุ้นด้วยคำสั่งย่อยหรือ odd lot หรือเริ่มต้นสั่งซื้อขายที่ 1 หุ้น ซึ่งในปัจจุบัน การส่งคำสั่ง odd lot ก็ทำได้ง่ายมาก ทุกแอพพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มชื่อดังในการซื้อขายหุ้นก็สามารถทำได้หมดแล้ว แต่ถ้าง่ายต่อการคำนวณการลงทุน ใช้ 100 หุ้นขั้นต่ำ จะเหมาะสมที่สุด และทำให้นักลงทุนบริหารเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทางเลือกของการลงทุนที่ใช้เงินเริ่มต้นน้อยกว่า ค่าคอมมิสชั่นถูกกว่า
ในช่องทางการลงทุนในหุ้น จะมีสินค้าประเภทหนึ่งที่เรียกว่าการลงทุนใน CFD ที่สามารถใช้ราคาอ้างอิงของสินทรัพย์นั้นๆ ไม่ว่าจะเป็น หุ้นต่างประเทศ ค่าเงิน ดัชนีหุ้นต่างประเทศ หรือแม้แต่ทองคำ CFD หรือ (Contract for Difference) เป็นสัญญาที่อนุญาตให้คู่สัญญาแลกเปลี่ยนผลต่างราคาของสินทรัพย์หรือสินค้าระหว่างกัน โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์หรือสินค้าเอง โดยมีข้อดีต่างๆดังนี้
▶️ เลเวอเรจ หรือ อัตราทด
สามารถใช้ประโยชน์การเทรดบนมาร์จิ้น ทำให้สามารถเพิ่มทวีคูณเงินลงทุนในการเทรด ลงทุนด้วยเงินที่น้อยกว่าในตลาดเทรดปกติ
▶️ เทรดได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง
หุ้น CFD สามารถซื้อขายได้ทั้งสองฝั่ง ทำให้แม้ในตลาดขาลงยังคงสามารถทำกำไรได้
▶️ ค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า
เสียค่าบริการเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการซื้อขายหุ้นผ่านช่องทางปกติ และทำให้ต้นทุนของการซื้อขายหุ้นได้เปรียบมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น นักลงทุนต้องการซื้อหุ้น Apple หรือ AAPL กับโบรกเกอร์ MiTrade ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่ให้บริการในส่วนของ CFDs หุ้นต่างประเทศ ที่ราคาปัจจุบัน 194.35 USD ต่อหุ้น โดยใช้เลเวอเรจที่ 1:10 หรือ 10 เท่า และขั้นต่ำในการเทรดที่ 15 Lot หากมองว่าราคาหุ้นแอปเปิ้ลหรือ AAPL จะขึ้นก็เพียงแค่ใช้เงินลงุทน (( 194.35*15)/10) = 291.5 USD หรือ 10,200 บาท เท่านั้นเอง และถ้าราคาหุ้น AAPL ขึ้นไปถึง 220 USD จะได้กำไร 384.75 USD ((220-194.35)*15) หรือกำไรประมาณ 2 เท่าตัวกว่าเลยทีเดียว
ในทางตรงกันข้ามถ้านักลงทุนมองว่าราคาหุ้นจะลง สามารถเลือกซื้อในฝั่งของ Sell หรือ Short ได้เช่นกัน และถ้าหุ้นลงไปตามที่นักลงทุนคาดการณ์ ทำให้ได้กำไรเช่นกัน แม้ในช่วงสภาวะตลาดผันผวนสามารถทำกำไรได้ทั้งสองฝั่ง
ราคา AAPL แบบเรียลไทม์
บัญชีเทรดทดลองมีฟังก์ชันมากมาย เหมือนเราได้เทรดบัญชีเทรดจริงเลย เช่น เมนูเทรด ข้อมูล และระบบการดำเนินการต่าง ๆ นอกจากนี้บัญชีเทรดทดลองยังมีเงินจำนวน USD50,000 โดยไม่จำเป็นต้องฝากเงินเข้าบัญชีเทรดทดลอง เพื่อให้นักลงทุนได้ทำการทดลองเทรดก่อนจะเริ่มใช้งานบัญชีเทรดจริงค่ะ ฉะนั้น อย่ากลัวที่จะขาดทุนจากการลงทุน เพราะมันจะเกิดขึ้นกับนักลงทุนแน่ ๆ การลงทุนที่ดี ต้องเป็นการลงทุนที่สร้างความสุขให้เราได้ทั้งในระยะสั้น และระยะยาวนะคะนักลงทุนทุกคน
สรุป
หากถามว่า เล่นหุ้นเริ่มต้นกี่บาท？
นักลงทุนสามารถเล่นหุ้นผ่านโบรกเกอร์ MiTrade เริ่มต้นด้วยเงินตั้งแต่1,750 บาทขึ้นไปหรือ 50 USD ถ้าในรูปแบบของ CFD หรือหุ้นปกติทั่วไปจะมีขั้นต่ำที่ 100 หุ้น คูณด้วยราคาของหุ้นนั้นๆ
ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและมีการวางแผนก่อนที่จะเริ่มลงทุนเสมอ ต้องตั้งแต่ดูความพร้อมของนักลงทุนจากเงินลงุทนที่แบ่งออกมาไว้สำหรับลงทุนโดยเฉพาะ ไม่ควรใช้เงินที่จำเป็นต้องใช้ในระยะเวลาอันใกล้หรือแม้แต่เงินที่กู้มาลงทุน
รวมถึงสามารถพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ แผนการลงทุน ระยะเวลาการลงทุน เป้าหมายในการลงทุน ความรู้ในตลาดหุ้น รวมถึง ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม และค่าบริการอื่น ๆ และที่สำคัญคือ การเลือกโบรกเกอร์ที่ได้มาตรฐานสากลสำหรับเลือกเปิดบัญชี เพื่อให้ลงทุนได้อย่างสบายใจโดยมีแพลตฟอร์มหรือแอพพลิเคชั่นที่รองรับการ เทรดที่ใช้งานสะดวกรวดเร็ว
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
