การประชุมผู้ถือหุ้น Tesla 2025 : อนาคต Elon Musk และทางแยกของ Tesla
- WTI ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ประมาณ $60.00 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการมีอุปทานมากเกินไป

Elon Musk เดิมพันอนาคต Tesla กับแพ็คเกจ 1 ล้านล้านดอลลาร์
TradingKey - Tesla (TSLA) ผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า จะจัดการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2025 ในวันที่ 6 พฤศจิกายน โดยซีอีโอ Elon Musk กล่าวว่า นี่คือช่วงเวลาที่จะ “ตัดสินอนาคตของ Tesla และกำหนดทิศทางของโลก” ประเด็นสำคัญของงานอยู่ที่คำถามเดียว — ผู้ถือหุ้นจะอนุมัติ “แพ็คเกจค่าตอบแทนมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์” หรือไม่? ซึ่งอาจเป็นตัวชี้ชะตาว่า Musk จะยังคงอยู่ในตำแหน่งและเดินหน้าผลักดันโครงการด้าน AI และหุ่นยนต์ต่อไปหรือไม่
จากเอกสารข้อเสนอทางการของ Tesla ผู้ถือหุ้นจะต้องลงคะแนนในสามวาระสำคัญ:
รางวัลผลงานของซีอีโอประจำปี 2025 (2025 CEO Performance Award)
แผนจูงใจในรูปแบบหุ้นฉบับปรับปรุงปี 2019 (Amended & Restated 2019 Equity Incentive Plan)
การเลือกตั้งคณะกรรมการบริหาร (Election of Directors)
และแน่นอนว่า วาระแรกคือหัวใจของการประชุมครั้งนี้
แพ็คเกจ 1 ล้านล้านดอลลาร์: เดิมพันครั้งใหญ่บนวิสัยทัศน์ของ Musk
ในเดือนกันยายน คณะกรรมการของ Tesla ได้เสนอแผนจูงใจมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลา 10 ปี โดยผูกกับเป้าหมายด้านมูลค่าตลาดและผลการดำเนินงานในระดับสูง หากได้รับอนุมัติ Musk จะได้รับหุ้นเพิ่มสูงสุด 12% ของบริษัท โดยไม่มีเงินเดือนใดๆ ทั้งสิ้น — เขาจะได้รับผลตอบแทนก็ต่อเมื่อ Tesla สร้างคุณค่าให้ผู้ถือหุ้นได้ในระดับ “เปลี่ยนโลก” เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แผนนี้ก่อให้เกิดการถกเถียงอย่างหนัก
ฝ่ายสนับสนุนมองว่า นี่คือแรงจูงใจสำคัญเพื่อรักษาผู้นำผู้มีวิสัยทัศน์ของ Tesla
ฝ่ายคัดค้านเตือนถึงความเสี่ยงด้าน “การลดสัดส่วนผู้ถือหุ้น (dilution)” การขาดการกำกับดูแล และการรวมอำนาจไว้ที่บุคคลเดียว
ก่อนการลงคะแนนเพียงสองวัน กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาตินอร์เวย์ (Norway’s Sovereign Wealth Fund) หนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ Tesla ประกาศว่าจะ “ลงคะแนนคัดค้าน” ส่งผลให้หุ้น Tesla ร่วงทันทีมากกว่า 5% และสร้างความไม่แน่นอนต่อผลลัพธ์ของการประชุมครั้งนี้
เหตุผลที่นักลงทุนรายใหญ่ไม่เห็นด้วย
แม้ "โครงสร้างรางวัล" จะมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนระยะยาวแก่ผู้ถือหุ้น แต่หลายฝ่ายกลับแสดงความกังวลอย่างชัดเจน
ที่ปรึกษาการออกเสียงลงคะแนน (Proxy Advisors): Glass Lewis และ ISS
ทั้งสองสำนักแนะนำให้ “ลงคะแนนไม่เห็นด้วย” โดยให้เหตุผลว่า
มูลค่าผลตอบแทน “สูงเกินระดับที่สมเหตุสมผล”
ไม่มีหลักประกันชัดเจนว่า Musk จะทุ่มเทเวลาให้ Tesla อย่างเต็มที่ เนื่องจากเขายังมีบทบาทสำคัญใน SpaceX, xAI และ X (อดีต Twitter)
เสี่ยงต่อการขาดดุลอำนาจบริหารและความโปร่งใสในการกำกับดูแล
น่าสังเกตว่า ทั้งสององค์กรเคยคัดค้านแพ็คเกจค่าตอบแทน 56,000 ล้านดอลลาร์ของ Musk ในปี 2018 แต่ในที่สุดก็ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นถึง 84% เมื่อปีที่แล้ว
Musk ตอบโต้คำวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาว่า
“ผมไม่รู้สึกสบายใจเลยที่จะสร้างกองทัพหุ่นยนต์ขึ้นมา แล้วถูกขับออกจากบริษัทเพราะคำแนะนำงี่เง่าของพวก Glass Lewis และ ISS ที่ไม่เข้าใจอะไรเลยเกี่ยวกับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่”
กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาตินอร์เวย์ (Norway’s Sovereign Wealth Fund)
ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 7 ของ Tesla กองทุนดังกล่าวออกแถลงการณ์ว่า
“เรามีความกังวลเกี่ยวกับขนาดของรางวัล ความเสี่ยงต่อการลดสัดส่วนผู้ถือหุ้น และการขาดมาตรการลดความเสี่ยงในกรณีที่บุคคลสำคัญขาดหาย ซึ่งสอดคล้องกับจุดยืนของเราต่อการกำหนดค่าตอบแทนผู้บริหาร”
กองทุนยังระบุว่า ยังคงต้องการ “หารือเชิงสร้างสรรค์กับ Tesla” เกี่ยวกับธรรมาภิบาลและยุทธศาสตร์ในระยะยาว
“ไม่มี Elon คนที่สอง”
ความสำคัญของ Musk ต่อ Tesla เห็นได้ชัดจากความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างการมีส่วนร่วมของเขากับราคาหุ้นของบริษัท ช่วงที่ Musk เบนความสนใจไปทางการเมืองและประเด็นสาธารณะ หุ้น Tesla ร่วงลงถึงครึ่งหนึ่ง แต่ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา เมื่อเขาหันกลับมาโฟกัสที่ Tesla หุ้นกลับพุ่งขึ้นกว่า 90%
Robyn Denholm ประธานคณะกรรมการบริหารของ Tesla กล่าวอย่างชัดเจนว่า Musk คือซีอีโอ “ระดับหนึ่งในรุ่น” และวิสัยทัศน์ของเขามีความสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายสูงสุดของบริษัท
เธอเปิดเผยว่า Musk เคยเตือนซ้ำหลายครั้งว่า “หากเขาไม่ได้ถือสิทธิ์โหวตเกิน 25% เขาอาจจะออกจาก Tesla” Denholm เตือนว่า การจากไปของเขาอาจนำไปสู่
การสูญเสียผู้นำเชิงกลยุทธ์ที่ไม่อาจทดแทนได้
การลาออกของทีมงานหลัก
การร่วงลงของราคาหุ้น
เธอสรุปว่า
“นี่คือการลงคะแนนของผู้ถือหุ้นต่ออนาคตของ Tesla ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะเป็น Elon ได้ในตอนนี้
การเดิมพันมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์กับอนาคต
เพื่อให้ Musk ได้รับหุ้นเต็มจำนวน เขาต้องทำตามเงื่อนไข “12 ขั้น” ที่กำหนดทั้งในด้านมูลค่าตลาดและผลประกอบการ
ตัวอย่างเช่น เมื่อ Tesla มีมูลค่าตลาดถึง 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ Musk ต้องบรรลุเป้าหมายเหล่านี้พร้อมกัน:
ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า 20 ล้านคัน
มีผู้ใช้งานระบบขับขี่อัตโนมัติ (FSD) อย่างน้อย 10 ล้านราย
ส่งมอบหุ่นยนต์ 1 ล้านตัว
เปิดให้บริการรถแท็กซี่อัตโนมัติ (Robotaxi) 100,000 คัน
ในระดับสูงสุด Musk ต้องทำให้ Tesla มีมูลค่าตลาดเพิ่มจาก 1.48 ล้านล้าน เป็น 8.5 ล้านล้านดอลลาร์ พร้อมสร้างผลตอบแทนผู้ถือหุ้นโตขึ้นกว่า 24 เท่า เขาจึงจะได้รับสิทธิ์ในหุ้นเต็มจำนวน

หาก Musk ออกจาก Tesla: แผนสำรอง (“Plan B”)
คณะกรรมการยืนยันว่าหากไม่มี Musk หรือหากไม่มีแรงจูงใจที่เพียงพอให้เขาอยู่ต่อ ผลลัพธ์ย่อมเป็นลบต่อผู้ถือหุ้นทั้งหมด
Denholm ยอมรับว่าผลโหวตอาจไม่แน่นอน เพราะนักลงทุนสถาบันจำนวนมากมักทำตามคำแนะนำของ Glass Lewis และ ISS อย่างไรก็ตาม เธอยืนยันว่าบริษัทไม่ได้เตรียมรับ “ความพ่ายแพ้” แต่ก็เผยว่า คณะกรรมการมี “แผนสำรอง” สำหรับการเปลี่ยนผ่านผู้นำอย่างเป็นระบบ โดยเริ่มจากภายในบริษัท และอาจเปิดพิจารณาผู้สมัครภายนอกหากจำเป็น
นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นยังจะต้องลงคะแนนในอีกประเด็นสำคัญ — การลงทุนของ Tesla ในบริษัท xAI สตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ที่ Musk ก่อตั้งหลังจากออกจาก OpenAI
ปัจจุบัน xAI มีมูลค่ากว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ โดยพัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่ “Grok” และโครงสร้างพื้นฐาน AI ขั้นสูง นักวิเคราะห์มองว่าการลงคะแนนในเรื่องนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของ Tesla ที่จะเชื่อมโยงเข้ากับระบบนิเวศ AI ของ Musk ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น — และเป็นการตอกย้ำว่า ภาวะผู้นำของเขายังคงเป็นศูนย์กลางของอนาคต Tesla อย่างแท้จริง.
เนื้อหาของบทความนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนบทความ ไม่สามารถใช้เป็นคำแนะนำการลงทุนได้ เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้นและผู้อ่านไม่ควรใช้บทความนี้เป็นพื้นฐานการลงทุนใด ๆ Mitrade ไม่รับผิดชอบต่อผลลัพธ์ใด ๆ ตามบทความนี้และไม่รับประกันความถูกต้องของเนื้อหาของบทความนี้


