WTI ฟื้นตัวได้ส่วนหนึ่งของการวิ่งขาลงเล็กน้อยระหว่างวัน ราคาลดลงเล็กน้อยอยู่ที่บริเวณ $73.75

• WTI เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ด้วยแนวโน้มขาลงท่ามกลางการขายทํากําไร แม้ว่าจะยังไม่มีแรงขายตามมาก็ตาม
• ความตึงเครียดในตะวันออกกลางเมื่อรวมกับการมองโลกในแง่ดีในเรื่องการฟื้นตัวของอุปสงค์ เป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันดิบ
• ตอนนี้เทรดเดอร์กำลังมองหาแรงผลักดันจาก Fedpseak แม้ว่าโฟกัสโดยรวมจะยังคงอยู่ที่สงครามอิสราเอล-ฮามาส

ราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) ของสหรัฐฯ เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ด้วยแนวโน้มการอ่อนตัวลง และขยับลงจากระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน – ที่เหนือระดับทางจิตวิทยาที่ 75.00 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ อย่างไรก็ตามสินค้าโภคภัณฑ์ดังกล่าวได้ฟื้นตัวส่วนหนึ่งของการอ่อนค่าลงเล็กน้อยในระหว่างเซสชั่นเอเชีย และปัจจุบันซื้อขายที่บริเวณระดับ $73.75-$73.80 ลดลง 0.35% ในรายวัน 

การปรับตัวขาลงระหว่างวันไม่ได้มีปัจจัยเร่งปฏิกิริยาพื้นฐานที่ชัดเจนและอาจเกิดจากการขายกําไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการวิ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการวิ่งขาขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่าหนึ่งปี  ในขณะเดียวกันสงครามอิสราเอล-ฮามาสแสดงสัญญาณของการผ่อนคลายลงเล็กน้อย ซึ่งเมื่อรวมกับรายงานที่ว่าอิสราเอลกําลังพิจารณาที่จะโจมตีโรงงานผลิตน้ำมันของอิหร่าน ที่ในทางกลับกันถูกมองว่าเป็นปัจจัยสําคัญที่ทําหน้าที่เป็นแรงผลักดันเชิงบวกสําหรับราคาน้ำมันดิบ

นอกจากนี้ รายละเอียดของรายงานการจ้างงานรายเดือนของสหรัฐฯ ที่เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ ยังได้เพิ่มความหวังว่าฐานเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นมีความยืดหยุ่นมากกว่าที่กังวลในตอนแรก  นอกจากนี้ความหวังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดจากประเทศจีนว่าจะจุดประกายการฟื้นตัวที่ยั่งยืนและยกระดับความต้องการเชื้อเพลิงในประเทศผู้นําเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก  ปัจจัยเหล่านี้กลายเป็นปัจจัยสําคัญที่ทําหน้าที่เป็นแรงหนุนสําหรับราคาน้ำมันดิบและเตือนให้เทรดเดอร์ฝั่งขาลงใช้ความระมัดระวังจากการวางออเดอร์เก็งการวิ่งขาลงที่มีนัยสำคัญใด ๆ

ในอนาคตอันใกล้ ยังไม่ได้มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่เคลื่อนไหวตลาดสำคัญ ๆ ที่จะเผยแพร่ในวันจันทร์จากสหรัฐฯ  ถึงกระนั้นสุนทรพจน์ของสมาชิก FOMC ที่มีอิทธิพลก็จะขับเคลื่อนความต้องการเงิน USD และเป็นแรงผลักดันตลาดให้กับสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ ในสกุลเงิน USD ซึ่งรวมถึงราคาน้ำมันดิบ  นอกจากนี้ สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกี่ยวกับความขัดแย้งที่กําลังดําเนินอยู่ในตะวันออกกลาง ก็ควรมีส่วนช่วยในการสร้างโอกาสทางการเทรดระยะสั้นในตลาดน้ำมัน

น้ำมันดิบ WTI: คําถามที่พบบ่อย

น้ำมัน WTI คืออะไร?

น้ำมัน WTI เป็นน้ำมันดิบประเภทหนึ่งที่จําหน่ายในตลาดต่างประเทศ WTI ย่อมาจากเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต (West Texas Intermediate) ซึ่งเป็นหนึ่งในน้ำมันสามประเภทหลัก ได้แก่ Brent และ Dubai Crude และ WTI น้ำมันดิบ WTI เรียกอีกอย่างว่าน้ำมัน "เบา" และน้ำมัน "หวาน" เนื่องจากมีน้ำหนักและปริมาณกํามะถันค่อนข้างต่ำ ตามลําดับแล้ว WTI ถือเป็นน้ำมันคุณภาพสูงที่กลั่นได้ง่าย มีแหล่งที่มาในสหรัฐอเมริกาและจัดจําหน่ายผ่านศูนย์กลาง Cushing ซึ่งถือเป็น "เส้นทางเดินน้ำมันหลักของโลก" เป็นเกณฑ์มาตรฐานสําหรับตลาดน้ำมันและราคาของน้ำมัน WTI มักถูกอ้างอิงในสื่อต่างๆ

ปัจจัยใดที่ผลักดันให้ราคาน้ำมัน WTI เคลื่อนไหว?

เช่นเดียวกับสินทรัพย์ทั้งหมด อุปสงค์และอุปทานเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของราคาน้ำมัน WTI ด้วยเหตุนี้ การเติบโตทั่วโลกจึงเป็นตัวขับเคลื่อนอุปสงค์น้ำมันให้เพิ่มขึ้น และในทางกลับกัน เมื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่อ่อนแอ มีความไม่มั่นคงทางการเมือง สงคราม และการคว่ำบาตรต่างๆ ปัจจัยเหล่านี้อาจสามารถกดดันอุปทาน และส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน นอกจากนี้ การตัดสินใจของกลุ่มโอเปก ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ เป็นอีกหนึ่งตัวขับเคลื่อนราคาที่สําคัญ และมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐก็มีอิทธิพลต่อราคาน้ำมันดิบ WTI เนื่องจากเป็นน้ำมันที่มีการซื้อขายด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น เมื่อเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ก็อาจทําให้น้ำมันมีราคาถูกลงมากขึ้น และในทางกลับกันด้วยเช่นกัน

ข้อมูลน้ำมันดิบคงคลังส่งผลต่อราคาน้ำมัน WTI อย่างไร

รายงานน้ำมันคงคลังรายสัปดาห์ที่ประกาศโดยสถานบันปิโตรเลียมของอเมริกา หรือ American Petroleum Institute (API) และสำนักงานข้อมูลเกี่ยวกับพลังงานหรือ Energy Information Agency (EIA) ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน WTI  ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่เปลี่ยนแปลงไปสะท้อนให้เห็นภาพอุปสงค์/อุปทานที่ผันผวน หากข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าน้ำมันดิบคงคลังลดลง อาจหมายความว่าอุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้น และผลักดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้น การที่ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสูงขึ้นสามารถสะท้อนให้เห็นอุปทานน้ำมันที่เพิ่มขึ้น รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของ API จะประกาศทุกวันอังคารและของ EIA จะประกาศในถัดไป ตัวเลขจากรายงานเหล่านี้มักจะคล้ายกัน อาจจะมีความแตกต่างกันเพียง 1% (มีโอกาสราว ๆ 75%)  ข้อมูลจาก EIA ถือว่ามีความน่าเชื่อถือมากกว่าเนื่องจากเป็นหน่วยงานของรัฐ

OPEC มีอิทธิพลต่อราคาน้ำมัน WTI อย่างไร?

OPEC (หรือองค์การบริหารน้ำมันปิโตรเลียมของประเทศกลุ่มผู้ส่งออก - Organization of the Petroleum Exporting Countries) เป็นกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน 13 ประเทศที่ร่วมกันกําหนดโควตาการผลิตน้ำมันสําหรับประเทศสมาชิก มีการประชุมปีละสองครั้ง การตัดสินใจขององค์กรนี้มักส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน WTI เมื่อโอเปกตัดสินใจลดโควตาการผลิต นั่นอาจทําให้อุปทานน้ำมันตึงตัว ผลักดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้น แต่เมื่อโอเปกเพิ่มการผลิต ก็จะมีผลตรงกันข้าม OPEC+ หมายถึงกลุ่มประเทศสมาชิกนอกจากโอเปกดั้งเดิมเพิ่มอีกสิบประเทศ โดยประเทศที่มีอิทธิพลที่สุดก็คือรัสเซีย