โลหะเงิน (XAG/USD) ซื้อขายอยู่ในระดับที่ไม่เปลี่ยนแปลงมากนักในวันศุกร์ โดยอยู่ใกล้ $48.30 ขณะเขียน หลังจากที่ลดลงจากจุดสูงสุดระหว่างวัน ขณะที่ตลาดยังคงเคลื่อนไหวไร้ทิศทางก่อนเข้าสู่วันหยุดสุดสัปดาห์ โลหะนี้ประสบปัญหาในการหาตัวกระตุ้นใหม่ในสัปดาห์นี้ โดยปรับฐานอยู่ในช่วงแคบแม้จะมีความไม่แน่นอนในตลาดโลก

โลหะนี้ได้ปรับฐานอยู่ในช่วงแนวนอนที่ชัดเจนระหว่าง $46.00 และ $49.50 มานานเกือบสองสัปดาห์ ซึ่งสะท้อนถึงช่วงการสะสมหลังจากการถอยกลับอย่างรวดเร็วจากระดับสูงสุดที่เคยทำไว้ที่ $54.86 เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม
เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย (SMA) 21 วันใกล้ $49.46 และ SMA 50 วันรอบ $46.32 ได้กลายเป็นจุดอ้างอิงทางเทคนิคที่สำคัญ ซึ่งมีผลในการควบคุมการเคลื่อนไหวของราคาและทำให้ความผันผวนลดลง อินดิเคเตอร์โมเมนตัมสะท้อนถึงโทนที่เป็นกลาง โดยดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) อยู่ใกล้ 50 และดัชนีทิศทางเฉลี่ย (ADX) อยู่รอบ 24 แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่จำกัดจากทั้งฝั่งกระทิงและหมี
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มที่กว้างขึ้นยังคงเป็นไปในทางสร้างสรรค์ เนื่องจากโลหะเงินยังคงซื้อขายอยู่เหนือ SMA 100 วันที่ $42.00 ทำให้แนวโน้มในระยะกลางเอียงไปทางขาขึ้น
ด้วยราคาที่ไม่สามารถรักษาแรงฉุดขาขึ้นได้ โลหะเงินจึงมีแนวโน้มที่จะปิดสัปดาห์ด้วยการขาดทุนเล็กน้อย การทะลุเหนือ $49.50 อาจกระตุ้นโมเมนตัมขาขึ้นใหม่ไปยัง $52.00 และ $54.86 ขณะที่การปิดต่ำกว่า $46.00 อาจเชิญชวนการขายใหม่ไปยัง SMA 100 วัน ซึ่งผู้ซื้อที่รอคอยการลดราคาสามารถกลับมาได้
แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ
ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน
โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน
ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน