คู่ USD/CHF ซื้อขายอย่างระมัดระวังใกล้ระดับต่ำสุดในรอบหกสัปดาห์ที่ประมาณ 0.8200 ในช่วงท้ายของตลาดลงทุนเอเชียในวันพฤหัสบดี นักลงทุนเตรียมพร้อมสำหรับความผันผวนที่สำคัญในคู่เงินนี้ ขณะที่ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ของสหรัฐฯ จะเป็นจุดสนใจ ซึ่งจะสะท้อนสถานะปัจจุบันของตลาดแรงงาน
ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ร่วงลงอย่างมากในวันพุธหลังจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ สำหรับเดือนพฤษภาคมที่น่าผิดหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชะลอตัวอย่างรวดเร็วในความต้องการแรงงานภาคเอกชน ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงการจ้างงาน ADP แสดงให้เห็นว่าภาคเอกชนเพิ่มพนักงานใหม่เพียง 37,000 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ยุคโควิดในเดือนกุมภาพันธ์ 2021
นอกจากนี้ PMI ภาคบริการที่อ่อนแอและต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นในภาคบริการ ซึ่งคิดเป็นสองในสามของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม ได้กระตุ้นความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ข้อมูลจากรายงาน PMI ภาคบริการของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมในภาคนี้ลดลงอย่างไม่คาดคิด และส่วนประกอบย่อยของราคาที่จ่ายเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วขึ้น สถานการณ์ของต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นและการหดตัวของกิจกรรมทางธุรกิจมักนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ในด้านการค้า นักลงทุนกำลังมองหาสัญญาณใหม่เกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างวอชิงตันและปักกิ่ง ในวันพุธ ความคิดเห็นจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ในโพสต์บน Truth.Social สัญญาณว่าการเจรจาการค้ากับผู้นำจีน สี จิ้นผิง จะไม่ใช่เรื่องง่าย “ผมชอบประธานาธิบดีสีของจีนเสมอมา และจะชอบตลอดไป แต่เขาเป็นคนที่แข็งกร้าวมาก และยากที่จะทำข้อตกลงด้วย!!!” ทรัมป์เขียน
ในภูมิภาคสวิส สถานการณ์การลดลงของราคาได้เพิ่มความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารแห่งชาติสวิส (SNB) ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 19 มิถุนายน ในวันอังคาร ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสวิสลดลง 0.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ตามที่คาดไว้ ในเดือนพฤษภาคม หลังจากที่คงที่ในเดือนเมษายน
ประธาน SNB มาร์ติน ชเลเกล ได้เตือนในงานที่บาเซิลในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคมว่าเงินเฟ้อในสวิสอาจเข้าสู่เขตลบ ตามรายงานของรอยเตอร์ อย่างไรก็ตาม เขาได้ปฏิเสธความคาดหวังว่าความผันผวนของเงินเฟ้อในระยะสั้นอาจนำไปสู่การปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน โดยระบุว่าธนาคารกลางมุ่งเน้นไปที่การรักษาเสถียรภาพราคาในระยะกลาง
“แม้แต่ตัวเลขเงินเฟอลบก็ไม่สามารถถูกตัดออกได้ในเดือนข้างหน้า” ชเลเกลกล่าวและเสริมว่า “SNB ไม่จำเป็นต้องตอบสนองต่อเรื่องนี้”
ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นสกุลเงินที่ใช้อย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกา และเป็นสกุลเงินที่ใช้ 'โดยพฤตินัย' ของประเทศอื่น ๆ จำนวนมากที่มีการหมุนเวียนควบคู่ไปกับสกุลเงินท้องถิ่น เป็นสกุลเงินที่มีการซื้อขายกันมากที่สุดในโลก โดยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 88% ของมูลค่าการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทั่วโลก หรือมีมูลค่าธุรกรรมเฉลี่ย 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวันตามข้อมูลของปี 2022 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สกุลเงิน USD เข้ามารับช่วงต่อตำแหน่งสกุลเงินสำรองของโลกจากสกุลเงินปอนด์ของอังกฤษที่เป็นในประวัติศาสตร์ใหญ่ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้ถูกค้ำด้วยทองคำ จนกระทั่งเกิดข้อตกลง Bretton Woods ในปี 1971 เมื่อมาตรฐานการค้ำด้วยทองคำหมดไป
ปัจจัยเดียวที่สำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐคือนโยบายทางการเงินซึ่งกำหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เฟดมีหน้าที่สองประการ: เพื่อให้บรรลุเสถียรภาพด้านราคา (ควบคุมอัตราเงินเฟ้อ) และส่งเสริมการจ้างงานเต็มรูปแบบ เครื่องมือหลักในการบรรลุเป้าหมายทั้งสองนี้คือการปรับอัตราดอกเบี้ย เมื่อราคาต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้นเร็วเกินไปและอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด ทางเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งจะหนุนค่าเงิน USD แต่เมื่ออัตราเงินเฟ้อลดลงต่ำกว่า 2% หรืออัตราการว่างงานสูงเกินไป เฟดอาจเลือกปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อสกุลเงินดอลลาร์
ในสถานการณ์ที่รุนแรงมากจริง ๆ ทาง Federal Reserve ยังสามารถพิมพ์ดอลลาร์ออกมาเพิ่มเติมและออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ได้ การทำ QE เป็นกระบวนการที่เฟดเพิ่มการไหลเวียนของสินเชื่อในระบบการเงินที่ติดขัดอยู่อย่างมาก โดยเป็นมาตรการทางนโยบายที่ไม่ได้เป็นมาตรฐานซึ่งใช้เมื่อสินเชื่อหมดเนื่องจากธนาคารจะไม่ให้กู้ยืมระหว่างกัน (เพราะกลัวคู่สัญญาจะผิดนัดชำระหนี้) ก็เป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อการลดอัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวไม่น่าจะบรรลุผลลัพล์ที่จำเป็น ถือเป็นเครื่องทางเลือกสุดท้ายของเฟดในการต่อสู้กับวิกฤติสินเชื่อที่เกิดขึ้นระหว่างวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่ในปี 2008 โดยเกี่ยวข้องกับการที่เฟดพิมพ์เงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นและใช้เงินเหล่านั้นเพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสถาบันการเงินต่าง ๆ การทำ QE มักจะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง
การกระชับเชิงปริมาณ (QT) เป็นกระบวนการย้อนกลับของการทำ QE โดยที่ Federal Reserve จะหยุดซื้อพันธบัตรจากสถาบันการเงินและไม่นำเงินต้นไปลงทุนใหม่จากพันธบัตรที่ถืออยู่เพื่อซื้อใหม่ ซึ่งมักจะเป็นปัจจัยบวกสำหรับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ