การคาดการณ์ราคาโลหะเงิน: การเบี่ยงเบนของ RSI ปรากฏขึ้นเมื่อ XAGUSD ปรับตัวลดลงหลังจากทำสถิติสูงสุดใหม่
- โลหะเงินปรับตัวลดลงเมื่อเทรดเดอร์ทำการปิดออเดอร์เพื่อทำกำไรหลังจากที่ราคาทำสถิติสูงสุดใหม่ใกล้ $58.98 ในวันพุธ
- ความคาดหวังที่เป็นมิตรต่อการเงินจากเฟด ความต้องการที่แข็งแกร่ง และอุปทานที่ตึงตัวช่วยสนับสนุนแนวโน้มโดยรวม
- ในแง่เทคนิค กราฟรายวันแสดงให้เห็นถึง divergence ของ RSI ซึ่งบ่งชี้ถึงโมเมนตัมที่ชะลอตัวในขณะที่แนวโน้มขาขึ้นยังคงอยู่
โลหะเงิน (XAG/USD) ปรับตัวลดลงในวันพฤหัสบดี ขณะที่ฝั่งกระทิงหยุดพักและทำกำไรบางส่วนหลังจากที่โลหะได้พุ่งขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใกล้ 58.98 ดอลลาร์ในวันพุธ ขณะนี้ XAG/USD กำลังซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 56.87 ดอลลาร์ ลดลงประมาณ 2.77% ในวันนี้
พื้นฐานยังคงสนับสนุนโลหะเงิน โดยได้รับความช่วยเหลือจากความคาดหวังที่เป็นมิตรต่อการเงินจากเฟด ความต้องการในอุตสาหกรรมและการลงทุนที่แข็งแกร่ง และสภาพแวดล้อมอุปทานที่ตึงตัวซึ่งช่วยผลักดันโลหะเงินให้มีการเพิ่มขึ้นเกือบ 100% ตั้งแต่ต้นปี
ในขณะเดียวกัน อัตราส่วนทองคำต่อเงินใกล้ 73 แสดงให้เห็นถึงการแสดงผลที่เหนือกว่าของโลหะเงินในกลุ่มโลหะมีค่า ซึ่งบ่งชี้ถึงศักยภาพการเพิ่มขึ้นเพิ่มเติมสำหรับ XAG/USD
จากมุมมองทางเทคนิค กราฟรายวันแสดงสัญญาณเริ่มต้นของความอ่อนล้า โดยการเคลื่อนไหวของราคาเริ่มชะลอตัวอยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีการเกิดความแตกต่างในเชิงลบระหว่างราคาและดัชนี Relative Strength Index (RSI) ซึ่งบ่งชี้ถึงโมเมนตัมที่ลดลง แม้ว่าการกลับตัวที่แข็งแกร่งยังคงดูไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากแนวโน้มขาขึ้นโดยรวมยังคงอยู่
ราคายังคงอยู่เหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่สำคัญ ทำให้แนวโน้มยังคงเอียงไปในทิศทางขาขึ้น แนวรับแรกอยู่ที่ประมาณ 55.00 ดอลลาร์ และการทะลุผ่านโซนนี้อย่างเด็ดขาดอาจเปิดโอกาสให้มีการย่อตัวลงไปที่ 50.00 ดอลลาร์ ซึ่งเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย (SMA) 50 วันน่าจะช่วยรองรับการปรับตัวลง
ในด้านขาขึ้น การทะลุผ่านระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 58.98 ดอลลาร์อย่างต่อเนื่องจะทำให้เงินเข้าสู่พื้นที่ที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยเปิดเผยระดับจิตวิทยาที่ 60.00 ดอลลาร์เป็นเป้าหมายขาขึ้นถัดไป
ดัชนี Average Directional Index (ADX) ที่ 28.56 เพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยเสริมสร้างแนวโน้มที่มีทิศทางที่แข็งแกร่ง; ความแข็งแกร่งของแนวโน้มที่ยั่งยืนจะสนับสนุนการเพิ่มขึ้นเพิ่มเติมตราบใดที่ราคายังคงอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน
โลหะเงิน: คำถามที่พบบ่อย
แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ
ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน
โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน
ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน
บทความแนะนำ
