TradingKey - ต่อเนื่องจากนโยบายภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดูเหมือนว่าจะส่งผลกระทบมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา OECD ได้คาดการณ์ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจในสหรัฐจะลดลงอย่างมาก โดย GDP คาดว่าจะลดลงจาก 2.8% เมื่อปีที่ผ่านมา เหลือเพียง 1.6% ในปีหน้า และลดต่ำกว่านั้นอีกเป็น 1.5% ในปีถัดไป
OECD ยังได้ระบุเพิ่มว่า เศรษฐกิจโลกก็อยู่ในสถานการณ์ไม่ต่างกัน โดยการเติบโตคาดการณ์จะลดลงจาก 3.1% เหลือเพียง 2.9% ซึ่งการที่เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวนั้นส่งผลให้บริษัทต่างๆ หวนกลับมาจ้างงานน้อยลง นอกจากนี้ อัตราการว่างงานก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สินค้าและบริการมีราคาแพงขึ้น จนอาจต้องเผชิญกับภาวะ “เงินเฟ้อ”
สำนักงานสถิติแรงงานแห่งชาติของสหรัฐฯ รายงานว่าในเดือนเมษายน จำนวนผู้ว่างงานรวมทั้งสิ้นเกือบ 7.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่าเดือนมีนาคม ทั้งยังพบว่าผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานในช่วงที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 247,000 ราย ถือเป็นยอดสูงสุดในรอบแปดเดือน อีกทั้ง นายจ้างได้ประกาศเลิกจ้างพนักงานประมาณ 93,800 ตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม แม้ว่าจะมีการลดจำนวนการเลิกจ้าง แต่มันยังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทำให้บริษัทต่าง ๆ ใช้งานน้อยลงและเริ่มดำเนินการเลิกจ้างพนักงาน เช่น Microsoft Corp., Walt Disney Co., และ Booz Allen Hamilton Holding Corp. กำลังพิจารณาเรื่องนี้เช่นกัน
นักเศรษฐศาสตร์ Eliza Winger กล่าวไว้ว่า “ความไม่แน่นอนเหล่านี้กำลังสร้างแรงกดดันต่ออัตราการเรียกร้อง ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว จะมีผลกระทบต่ออัตราการว่างงาน” แม้ว่าจะมีคำสั่งระงับชั่วคราวเกี่ยวกับนโยบายภาษีนำเข้าของทรัมป์ แต่ความวิตกกังวลยังคงอยู่ ว่าตลาดแรงงานจะยังเต็มไปด้วยความท้าทาย
OECD ยังเตือนอีกว่าการปรับตัวดำเนินภายในตลาดสินค้าภายในประเทศ จำเป็นที่จะต้องรับมือกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น อันเกิดจากค่าภาษีนำเข้าสูง โดยเฉพาะสินค้าจากจีน เช่น iPhone ที่ถูกเรียกเก็บภาษีถึง145%. ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ร่วมกับต้นทุนสินค้าอื่นๆ ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อที่อาจไปถึงระดับ4% ในช่วงปลายปี2568 ดังนั้น ผู้บริโภคอเมริกันควรเตรียมพร้อมรับมือเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบทางเศรษฐกิจในอนาคต.