บล็อกเชนคืออะไร? ส่งผลต่อสกุลเงินดิจิทัลอย่างไร

อัพเดทครั้งล่าสุด
coverImg
แหล่งที่มา: DepositPhotos

Blockchain(บล็อกเชน) น่าจะเป็นชื่อที่นักลงทุนสายคริปโตคุ้นเคยกันดี แต่ Blockchain(บล็อกเชน) คืออะไร ทำงานอย่างไร มีความได้เปรียบและจุดอ่อนอย่างไร ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ Blockchain มีอะไรบ้าง คราวนี้เราจะตามไปดูกัน

Blockchain (บล็อกเชน) คืออะไร

Blockchain นั้นเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เราสามารถทำการส่งข้อมูลโดยไม่ต้องอาศัยคนกลางด้วยความปลอดภัยและมีความน่าเชื่อถือสูง


หลาย ๆ ครั้งที่เราได้ยินคำนี้ แต่สำหรับตัว Blockchain แล้วมันคือบล็อก(Block) ที่เก็บรวบรวมข้อมูลเอาไว้ แต่ละบล็อกจะเรียงร้อยเชื่อมต่อกันเป็นสายยาว(Chain) อย่างมีลำดับเฉพาะเจาะจงจนกลายเป็นเครือข่ายข้อมูลบล็อกที่นำมาเรียงต่อกันเหมือนกับชื่อที่เราเรียก Blockchain

Blockchain(บล็อกเชน) ทำงานอย่างไร

Blockchain มีคุณสมบัติที่น่าสนใจคือ Blockchain จะถูกแทรกแซง ถูกปรับเปลี่ยน หรือโดนแฮ็กข้อมูลในเครือข่ายเป็นไปได้ยากมาก ด้วยกระบวนการทำงานของบล็อกเชนที่ค่อนข้างซับซ้อน และเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ จึงทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ได้ยากขึ้นนั่นเอง สำหรับการทำงานของ Blockchain สามารถแบ่งออกมาเป็น 3 ข้อใหญ่ๆ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้


1.รหัสแฮช

อย่างแรก แต่ละบล็อกที่สร้างขึ้นจะมีรหัสประจำบล็อกที่เรียกว่ารหัสแฮช ซึ่ง Blockchain ประกอบด้วยส่วนประกอบสำคัญอยู่ 3 ส่วน คือ

 

ส่วนประกอบของ Blockchain


1)ข้อมูล (Data) ที่เก็บรักษาอยู่ในแต่ละบล็อก เช่น Blockchain ของ Bitcoin จะเก็บข้อมูลธุรกรรมที่เกิดขึ้น ได้แก่ ผู้ส่ง ผู้รับ และจำนวนเหรียญที่โอน


2)รหัสแฮช (Hash) ซึ่งเป็นรหัสบ่งบอกตัวบล็อกเป็นการเฉพาะ โดยที่จะไม่มีการซ้ำกันเหมือนลายนิ้วมือหรือเลขบัตรประชาชนของเรา หากมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในบล็อก รหัสแฮชก็จะถูกเปลี่ยนตามไปด้วย และถ้าลายนิ้วมือของบล็อกเปลี่ยนไป มันก็ไม่ใช่บล็อกเดิมอีกต่อไป


3)รหัสแฮชของบล็อกก่อนหน้า (Previous Hash)


แต่ละบล็อกจะร้อยเรียงต่อกันด้วยข้อมูลเหล่านี้ 


ตอนนี้เราขอยกตัวอย่างการทำงานของ Blockchain ของ Bitcoin เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น


ที่นี่มีบล็อก 3 บล็อก


ตัวอย่างการทำงานของ Blockchain


 ● บล็อกที่ 1 มีรหัสแฮช A24 บรรจุข้อมูล 5 BTC จากคุณกอล์ฟ โอนให้คุณปู โดยมีรหัสบล็อกก่อนหน้า 000

 ● บล็อกที่ 2 มีรหัสแฮช 12B บรรจุข้อมูล 3 BTC จากคุณปู โอนให้คุณมาลี โดยมีรหัสบล็อกก่อนหน้า A24 

 ● บล็อกที่ 3 มีรหัสแฮช 5C3 บรรจุขอ้มูล 2 BTC จากคุณมาลี โอนให้คุณฟ้า โดยมีรหัสบล็อกก่อนหน้า 12B 


ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าการเก็บข้อมูลของเครือข่ายนี้จะมีการเรียงเป็นลำดับ เชื่อมร้อยเข้าหากันด้วยรหัสแฮช จนกลายเป็นเครือข่ายข้อมูลขนาดใหญ่ และข้อมูลชุดนี้จะถูกเก็บอยู่ในทุก ๆ บล็อกที่เกิดขึ้นใหม่ด้วย การเข้าไปวุ่นวายกับข้อมูลในบล็อกจะทำให้รหัสแฮชเปลี่ยนซึ่งจะส่งผลต่อการยืนยันบล็อกถัดไป ส่งผลให้บล็อกทีเหลือในสายจะไม่สามารถยืนยันได้และกลายเป็นโมฆะใช้ไม่ได้โดยทันที


2.ระบบฉันทามติ (Consensus)

นอกจากนี้ Blockchain ยังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ก้าวไปอีกขั้นด้วยการนำระบบฉันทามติ (Consensus) เข้ามาใช้ เช่น สำหรับ Bitcoin มีการใช้ระบบฉันทามติ Proof-of-Work (PoW) ที่จะให้เวลาราว ๆ 10 นาทีในการแก้รหัสและสร้างบล็อกใหม่ขึ้นมา ซึ่งหากมีใครอยากแฮ็กระบบนี้ใช่วงนี้ก็ต้องเข้าไปเปลี่ยนรหัสแฮชในบล็อกอื่น ๆ ในสายเชนทั้งหมดก่อนที่บล็อกใหม่จะเพิ่มเข้ามา ซึ่งจำนวนบล็อกในสายเชนของ Bitcoin ก็มีเป็นร้อยเป็นพันบล็อก วิธีแฮ็กแบบนี้จึงเป็นไปได้ยากมาก


ระบบฉันทามติ Proof-of-Work (PoW)


3.เครือข่าย Peer-to-Peer (P2P) 

กลไกสุดท้ายที่ช่วยให้ Blockchain มีความเสถียรและถูกแทรกแซงได้ยากนั่นก็คือ Blockchain ไม่มีตัวกลางที่มีอำนาจในการจัดการระบบเครือข่าย แต่มีการใช้เครือข่าย Peer-to-Peer (P2P) ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ในเครือข่ายเป็นผู้ตรวจสอบกันเอง กล่าวคือเมื่อผู้ใช้ทำการลงโปรแกรมเข้ามาใช้งาน Blockchain ก็จะมีสถานะเป็นโหนด (Node) 


โหนดเหล่านี้จะเป็นผู้เก็บรักษาข้อมูลของ Blockchain ทั้งหมด ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการตรวจสอบธุรกรรมที่เกิดขึ้นในระบบด้วย ซึ่งหากมีใครต้องการควบคุม Blockchain นี้ก็สามารถทำได้ด้วยการควบคุมโหนดในจำนวนที่มากพอที่จะสร้างฉันทามติที่ต้องการขึ้นมาได้ แต่การเข้าควบคุมโหนดจำนวนมากพอในเวลาอันสั้นก็นับเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากจนแทบไม่มีโอกาสเลย


และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อมีการสร้างบล็อกใหม่ขึ้นในเครือข่าย


การสร้างบล็อกใหม่ขึ้นในเครือข่าย Peer-to-Peer (P2P)


1) บล็อกใหม่จะถูกส่งไปยังทุกโหนดหรือผู้ใช้ทุกคนในเครือข่าย

2) แต่ละโหนดทำการยืนยันบล็อกใหม่และตรวจสอบให้มั่นใจว่าข้อมูลในบล็อกนั้นไม่มีการแทรกแซง

3) เมื่อทุกโหนดตรวจสอบและยืนยันเรียบร้อยก็จะเก็บบล็อกใหม่นั้นเข้าไปเป็นบล็อกหนึ่งในสายบล็อกเชนของตัวเอง


ทุกโหนดในกระบวนการนี้จะเป็นผู้สร้างฉันทามติ และเป็นผู้ให้การเห็นชอบร่วมกันว่าบล็อกไหนถูกต้องใช้ได้หรือบล็อกไหนผิดพลาดใช้ไม่ได้ และจะปฏิเสธบล็อกที่มีการเข้าไปแทรกแซงข้อมูลให้ผิดไป



ซึ่งสรุปได้ว่า การตั้งใจจะเข้าไปแทรกแซงข้อมูลในบล็อกเชนให้สำเร็จนั้นจำเป็นต้องเข้าไปเปลี่ยนข้อมูลของบล็อกทั้งหมดในสาย ย้อนกระบวนการ Proof-of-Work ของแต่ละบล็อก แล้วเข้าควบคุมเครือข่าย Peer-to-Peer นั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย

เครือข่ายบล็อคเชนมีประเภทใดบ้าง?

เครือข่ายบล็อกเชนสามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภทหลัก ได้แก่ สาธารณะ (Public), ส่วนตัว (Private), ไฮบริด (Hybrid) และคอนซอร์เทียม (Consortium) แต่ละประเภทมีคุณสมบัติ ข้อดี และกรณีการใช้งานที่แตกต่างกัน การเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจและนักพัฒนาสามารถเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับเป้าหมายของตนได้


1. บล็อกเชนสาธารณะ

ลักษณะสำคัญ


  • กระจายอำนาจอย่างสมบูรณ์และเปิดให้ทุกคน

  • โปร่งใสและปลอดภัย

  • รองรับแอปพลิเคชันที่หลากหลาย

  • ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน

  • ตัวอย่าง: Bitcoin, Ethereum, Solana


บล็อกเชนสาธารณะไม่มีการอนุญาตและอนุญาตให้ทุกคนเข้าร่วม ตรวจสอบธุรกรรม และมีส่วนร่วมในฉันทามติ (เช่น หลักฐานการทำงาน) การเปิดกว้างนี้ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความปลอดภัย แต่บ่อยครั้งที่จำกัดความเร็วและความสามารถในการปรับขนาดของธุรกรรม


กรณีการใช้งาน เช่น การซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี การระดมทุนผ่านฝูงชน โครงการโอเพนซอร์ส และการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi)


2. บล็อกเชนส่วนตัว

ลักษณะสำคัญ


  • การมีส่วนร่วมแบบจำกัด

  • ความเป็นส่วนตัวและการควบคุมสูง

  • อำนาจรวมศูนย์

  • ธุรกรรมที่รวดเร็วขึ้น

  • ตัวอย่าง: Hyperledger Fabric, MultiChain


บล็อกเชนส่วนตัวทำงานภายในเครือข่ายปิด ซึ่งโดยทั่วไปควบคุมโดยองค์กรเดียว อนุญาตให้สมาชิกที่เลือกอ่าน เขียน หรือตรวจสอบธุรกรรมได้ แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพและเป็นส่วนตัว แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะถูกควบคุมจากภายในมากกว่าเนื่องจากการควบคุมจากส่วนกลาง


กรณีการใช้งาน เช่น การจัดการข้อมูลภายใน เงินเดือน การบัญชี โลจิสติกส์ และบันทึกข้อมูลลับขององค์กร


3. บล็อกเชนไฮบริด

ลักษณะสำคัญ


  • ผสานรวมระบบส่วนตัวและระบบสาธารณะ

  • การเข้าถึงข้อมูลที่ปรับแต่งได้

  • สร้างสมดุลระหว่างความโปร่งใสและการควบคุม

  • การจัดการอาจมีความซับซ้อน

  • ตัวอย่าง: XinFin, IBM Blockchain Platform


บล็อกเชนไฮบริดผสานรวมคุณสมบัติของบล็อกเชนสาธารณะและส่วนตัวเข้าด้วยกัน องค์กรสามารถรักษาข้อมูลสำคัญให้เป็นส่วนตัวได้ ในขณะเดียวกันก็อนุญาตให้มีความโปร่งใสเฉพาะบางส่วน อย่างไรก็ตาม การจัดการระบบไฮบริดจำเป็นต้องมีการกำกับดูแลและความเชี่ยวชาญทางเทคนิคที่แข็งแกร่ง


กรณีการใช้งาน เช่น อุตสาหกรรมที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างวงการการเงินและการดูแลสุขภาพ ซึ่งข้อมูลบางส่วนต้องคงความเป็นส่วนตัว ขณะที่บางส่วนต้องเปิดเผยต่อสาธารณะและตรวจสอบได้


4. บล็อกเชนแบบคอนซอร์เชียม

ลักษณะสำคัญ


  • การกำกับดูแลร่วมกันระหว่างหลายองค์กร

  • การกระจายอำนาจแบบกึ่งกระจาย

  • ต้นทุนและความเสี่ยงกระจาย

  • ต้องการความร่วมมือและการประสานงาน

  • ตัวอย่าง: Corda ของ R3


บล็อกเชนแบบคอนซอร์เชียมถูกควบคุมโดยกลุ่มองค์กรที่ร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมและดูแลรักษาเครือข่าย บล็อกเชนนี้ผสมผสานองค์ประกอบของบล็อกเชนทั้งแบบส่วนตัวและแบบสาธารณะเข้าด้วยกัน ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผู้เข้าร่วมที่รู้จัก อย่างไรก็ตาม การประสานงานอาจมีความซับซ้อน


กรณีการใช้งาน เช่น การจัดการห่วงโซ่อุปทาน การชำระบัญชีระหว่างธนาคาร และความร่วมมือข้ามอุตสาหกรรม

จุดแข็งและจุดอ่อนของเทคโนโลยี Blockchain

ด้วยการออกแบบเทคโนโลยีการเข้ารหัสที่มีความปลอดภัยสูงนี้ ทำให้ Blockchain มีจุดแข็งที่สร้างข้อได้เปรียบให้กับผู้ใช้งาน ในขณะเดียวกันก็ยังมีจุดอ่อนที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน โดยมีรายละเอียดดังนี้


จุดแข็งของเทคโนโลยี Blockchain


1.มีความปลอดภัยสูงขึ้นอีกระดับ

เทคโนโลยี Blockchain มีการปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยของระบบที่ดีขึ้นกว่าเทคโนโลยีเก็บรักษาข้อมูลในยุคก่อน โดยหากข้อมูลถูกเข้ารหัสและเก็บรักษาไว้ในบล็อกแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ทำการลบข้อมูล หรือทำการแก้ไขข้อมูลได้อีกเลย


2.มีความโปร่งใส

เครือข่าย Blockchain ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเครือข่ายที่กระจายศูนย์ โดยไม่มีผู้มีอำนาจคนใดคนหนึ่งสามารถกำกับควบคุมระบบได้ ทำให้ระบบนี้มีความโปร่งใสสูง สามารถตรวจสอบได้


3.ช่วยลดต้นทุน

เนื่องจากเป็นระบบที่ไม่มีตัวกลาง การใช้งาน Blockchain จึงไม่จำเป็นต้องเสียค่าธรรมเนียมให้กับตัวกลางแต่อย่างใด ยังคงมีเพียงต้นทุนค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์มเท่านั้น ที่ราคาจะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับปริมาณการรองรับธุรกรรมที่ระบบรับได้ (Scalability)


4.สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ 

ด้วยระบบที่ออกแบบมาให้สามารถตรวจสอบข้อมูลของบล็อกย้อนไปยังต้นสายได้ ทำให้การตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายในเครือข่าย Blockchain

 

5.ประหยัดเวลาและให้ประสิทธิภาพสูง 

Blockchain เป็นระบบที่ช่วยให้ประหยัดเวลาเพื่อให้ประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูลได้สูงสุด โดยสามารถตัดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากมนุษย์ในการคำนวณของระบบออกไปได้ทั้งหมด เนื่องจากทั้งการเก็บข้อมูลและประมวลผลสามารถทำได้บนแพลตฟอร์มเดียวโดยไม่ต้องอาศัยแรงงานคน ซึ่งให้ประสิทธิภาพในการทำงานสูงและรวดเร็ว


จุดอ่อนของเทคโนโลยี Blockchain


1.ไม่สามารถรองรับการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากได้ 

อย่างไรก็ตามระบบบล็อกเชนของเจ้าต่าง ๆ ในปัจจุบันยังมีปัญหาเรื่องการรองรับขนาดการใช้งานที่สูงขึ้น (Scalability) อย่างไรก็ตามด้วยเทคโนโลยียังคงมีการพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องในอนาคฅ ปัญหาในข้อนี้อาจจะสามารถแก้ไขได้ในเร็ววัน


2.ในทางทฤษฎีระบบนี้สามารถถูกแฮ็กได้ 

ยังมีคนกล่าว่าในทางทฤษฎีบล็อกเชนสามารถถูกแฮ็กได้ เช่น การแฮ็ก Bitcoin ที่ในทางทฤษฎีหากสามารถควบคุมผู้ใช้เกินกว่า 51% ได้ก็จะสามารถควบคุมระบบได้ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในขณะนี้ยังต้องบอกว่าวิธีการนี้แม้เป็นไปได้ในทางทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติแล้วเป็นไปได้ยากมากจนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย


3.ใช้พลังงานสูง 

เนื่องจากการออกแบบระบบให้อ้างอิงกับการโค้ดดิ้งและมีการประมวลผลสูง ทำให้ Blockchain เป็นระบบที่กินไฟ และจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าจำนวนมากในการขับเคลื่อนระบบอย่างสำคัญ


4.ยังไม่มีสถานะที่ถูกกำกับดูแลอย่างจริงจัง 

จนถึงปัจจุบันที่ Blockchain ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย ทั้งนี้ Blockchain ก็ยังไม่มีสถานะการถูกตรวจสอบหรือวางกฎระเบียบจากองค์กรใด ซึ่งแน่นอนว่า Blockchain ถูกสร้างขึ้นเพื่อเปลี่ยนแปลงระบบขององค์กรเก่า ๆ อย่างเช่น ธนาคาร หน่วยงานราชการ รวมถึงสถาบันที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้บริการธุรกรรม และองค์กรเหล่านี้ย่อมไม่ต้องการให้เทคโนโลยีนี้ได้ถูกรับรองและนำมาใช้อย่างแพร่หลาย

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ Blockchain

จากจุดเด่นและข้อได้เปรียบของเทคโนโลยี Blockchain อย่างที่กล่าวไปแล้ว ทำให้ปัจจุบันเทคโนโลยีตัวนี้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น


ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ Blockchain


●  ธุรกิจการเงิน 

เป็นธุรกิจแรก ๆ ที่นำ Blockchain มาประยุกต์ใช้ ซึ่งหากไม่นับรวมบรรดาสกุลเงินดิจิตทัลต่าง ๆ แล้ว ก็ยังมีโครงการอินทนนท์ของธนาคารกลางแห่งประเทศไทยที่จะนำ Blockchain มาประยุกต์ใช้กับบาทดิจิทัล และคาดว่าจะเข้ามาแทนระบบบาทเน็ตที่ใช้ทำธุรกรรมระหว่างธนาคารกันอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีโครงการ JFIN ของ JMART ที่นำมาใช้จัดทำข้อมูลลูกค้าและ Credit Score สำหรับระบบกู้ยืมเงินออนไลน์


●  ธุรกิจห่วงโซ่อุปทาน 

บริษัท IBM ได้สร้างโปรเจกต์ Food Trust Blockchain ขึ้นมาเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบได้ โดยหวังว่าโครงการนี้จะมีส่วนช่วยในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับธุรกิจห่วงโซ่อุปทานอื่น ๆ ที่สามารถใส่ข้อมูลที่มาของพัสดุเพื่อให้ผู้รับสามารถตรวจสอบที่มาย้อนกลับไปได้อย่างแม่นยำและไม่สามารถปลอมแปลงได้


●  ระบบการโหวต 

Blockchain สามารถนำมาใช้สร้างระบบโหวตที่มีประสิทธิภาพได้ ด้วยการที่ระบบนี้มีความสามารถป้องกันการโกงการโหวตได้ โดยที่การเข้าไปแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงผลนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ทั้งยังมีความโปร่งใสที่สามารถตรวจสอบกระบวนการโหวตได้ และสามารถลดต้นทุนการตรวจสอบที่จำเป็นต้องใช้กระบวนการที่มีคนจำนวนมากที่ต้องข้ามาร่วมตรวจสอบและคำนวณผลได้

ถึงตรงนี้ เพื่อนทุกคนน่าจะเข้าใจแล้วว่า Blockchain (บล็อกเชน) คืออะไร ทำงานอย่างไร มีความได้เปรียบและจุดอ่อนอย่างไร ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ Blockchain มีอะไรบ้างแล้ว ยินดีตอนรับเข้าสู่โลกสกุลเงินดิจิตอลเลย 

คำถามที่พบบ่อย

บล็อกเชนถูกใช้เฉพาะกับสกุลเงินดิจิทัลเท่านั้นหรือ?

ไม่ เดิมทีบล็อกเชนนั้นเริ่มต้นด้วย Bitcoin แต่ปัจจุบันบล็อกเชนถูกนำมาใช้ในระบบการเงิน โลจิสติกส์ การดูแลสุขภาพ การศึกษา และระบบข้อมูลภาครัฐ

บล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัลต่างกันอย่างไร?

บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่บันทึกข้อมูลอย่างปลอดภัย ในขณะที่สกุลเงินดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่สร้างขึ้นบนเทคโนโลยีนั้น

บล็อกเชนถูกแฮ็กได้หรือไม่?

ในทางทฤษฎี สามารถทำได้ แต่ยากมาก การออกแบบแบบกระจายศูนย์และการเข้ารหัสทำให้การแฮ็กทำได้ยากและมีค่าใช้จ่ายสูง

*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา


การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

goTop
quote
บทความที่เกี่ยวข้อง
placeholder
10 โปรแกรมขุด Bitcoin ฟรีที่ดีที่สุดสำหรับปี 2025จากข้อมูลล่าสุดในปี 2024 Bitcoin กลับมาฟื้นตัวอย่างน่าทึ่ง โดยทะลุ 3 ล้านบาท การพุ่งขึ้นนี้ส่งผลให้ผู้ลงทุนระยะยาวและผู้ที่ทำเงินจากความผันผวนของราคาในระยะสั้นได้รับกำไรอย่างมาก นอกจากที่เราจะสามารถเทรดเหรียญได้แล้วเรายังสามารถทำการขุดบิตคอยน์ได้ด้วย ในบทความนี้เราได้นำเสนอ 10 โปรแกรมขุด Bitcoin ฟรีที่ดีที่สุดสำหรับปี 2025
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 21 พ.ย. 2024
จากข้อมูลล่าสุดในปี 2024 Bitcoin กลับมาฟื้นตัวอย่างน่าทึ่ง โดยทะลุ 3 ล้านบาท การพุ่งขึ้นนี้ส่งผลให้ผู้ลงทุนระยะยาวและผู้ที่ทำเงินจากความผันผวนของราคาในระยะสั้นได้รับกำไรอย่างมาก นอกจากที่เราจะสามารถเทรดเหรียญได้แล้วเรายังสามารถทำการขุดบิตคอยน์ได้ด้วย ในบทความนี้เราได้นำเสนอ 10 โปรแกรมขุด Bitcoin ฟรีที่ดีที่สุดสำหรับปี 2025
placeholder
8 อันดับเหรียญคริปโตที่น่าลงทุน 2025 ฉบับมือใหม่!เหรียญที่ได้รับความนิยมในปี 2025 จะยังคงรักษาระดับความเข้มข้นนี้ไว้ได้หรือไม่ ในปีนี้จะมีเหรียญอะไรใหม่ๆ ที่มาแรงและน่าจับตามองกันบ้าง เราจะพาทุกคนไปสำรวจ 8 อันดับเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนระยะสั้นในปี 2025 กันเลย
ผู้เขียน  MitradeInsights
6 เดือน 27 วัน ศุกร์
เหรียญที่ได้รับความนิยมในปี 2025 จะยังคงรักษาระดับความเข้มข้นนี้ไว้ได้หรือไม่ ในปีนี้จะมีเหรียญอะไรใหม่ๆ ที่มาแรงและน่าจับตามองกันบ้าง เราจะพาทุกคนไปสำรวจ 8 อันดับเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนระยะสั้นในปี 2025 กันเลย
placeholder
Bitcoin Wallet อันไหนดี? 9 กระเป๋าบิทคอยน์ที่คนไทยนิยมใช้กัน 2025ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือมือเก่าก็สามารถติดตั้ง Bitcoin Wallet ได้ด้วยตัวเอง ใครที่มีกระเป๋า Bitcoin ในใจ หรือกำลังมองหากระเป๋า Bitcoin ที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุดสำหรับตัวเอง บทความนี้มีคำตอบให้คุณ
ผู้เขียน  ชัญญาพัชร์ ประวาสุขInsights
6 เดือน 30 วัน จันทร์
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือมือเก่าก็สามารถติดตั้ง Bitcoin Wallet ได้ด้วยตัวเอง ใครที่มีกระเป๋า Bitcoin ในใจ หรือกำลังมองหากระเป๋า Bitcoin ที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุดสำหรับตัวเอง บทความนี้มีคำตอบให้คุณ
placeholder
วิเคราะห์แนวโน้มราคาบิทคอยน์ 2025 จะไปในทิศทางใด “แนวโน้มราคาบิทคอยน์ 2025” จะไปทางไหน? ในบทความนี้ เราจะมาย้อนดูผลงานของบิทคอยน์ในช่วงที่ผ่านมา เพื่อวิเคราะห์ถึงแนวโน้มราคาบิทคอยน์ 2025 กัน
ผู้เขียน  MitradeInsights
2 เดือน 20 วัน พฤหัส
“แนวโน้มราคาบิทคอยน์ 2025” จะไปทางไหน? ในบทความนี้ เราจะมาย้อนดูผลงานของบิทคอยน์ในช่วงที่ผ่านมา เพื่อวิเคราะห์ถึงแนวโน้มราคาบิทคอยน์ 2025 กัน
placeholder
5 อันดับเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนระยะยาวในปี 2025เพื่อให้นักลงทุนไม่พลาดรถขบวนนี้เราจึงมาชวนดูว่าสกุลเงินแห่งโลกอนาคตอ่างเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนยาวนั้น เราจะสามารถลงทุนกับมันได้อย่างไร และมีโอกาสอะไรแฝงอยู่ในการลงทุนกับเหรียญคริปโตนั้นบ้าง
ผู้เขียน  MitradeInsights
10 เดือน 27 วัน จันทร์
เพื่อให้นักลงทุนไม่พลาดรถขบวนนี้เราจึงมาชวนดูว่าสกุลเงินแห่งโลกอนาคตอ่างเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนยาวนั้น เราจะสามารถลงทุนกับมันได้อย่างไร และมีโอกาสอะไรแฝงอยู่ในการลงทุนกับเหรียญคริปโตนั้นบ้าง
ราคาเสนอแบบเรียลไทม์
ราคาเสนอแบบเรียลไทม์