วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 6 พฤศจิกายน 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

ราคาทองคำ XAU/USD เปิดตลาดเช้าวันพฤหัสบดีในแดนลบ โดยเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ระดับ 3,970 ดอลลาร์แรงกดดันนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการชั่งน้ำหนักของตลาดระหว่างข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่งเกินคาด กับความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศที่ยังคงยืดเยื้อ 

สถานการณ์ที่ขัดแย้งกันนี้กำลังทำให้ราคาทองคำเผชิญกับแรงต่อสู้สำคัญ และยังไม่สามารถทะลุแนวต้านจิตวิทยาที่ 4,000 ดอลลาร์ไปได้

โดยขณะนี้ ตลาดกำลังจับตาดูถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) หลายคนที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น Michael Barr, John Williams, Christopher Waller และคนอื่นๆ ซึ่งอาจให้ทิศทางที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มดอกเบี้ยในอนาคต

ตัวเลขจ้างงานและภาคบริการที่แข็งแกร่ง กดดันราคาทองคำ

ปัจจัยหลักที่กดดันราคาทองคำในระยะสั้นคือความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะจากตลาดแรงงานและภาคบริการ

รายงานการจ้างงานภาคเอกชนจาก Automatic Data Processing (ADP) ที่ประกาศเมื่อวันพุธ แสดงให้เห็นว่ามีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 42,000 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 32,000 ตำแหน่ง

แม้ว่า Dr. Nela Richardson หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ADP จะตั้งข้อสังเกตว่าการจ้างงานยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ และการเติบโตของค่าจ้างก็ค่อนข้างคงที่ แต่ตัวเลขที่ออกมาดีกว่าคาดก็เพียงพอที่จะส่งสัญญาณว่าตลาดแรงงานอาจจะกำลังมีเสถียรภาพ

นอกจากนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (ISM Services PMI) ในเดือนตุลาคม ก็ออกมาดีกว่าคาดเช่นกัน โดยปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 52.4 จากระดับ 50 ในเดือนกันยายน (ซึ่งเป็นจุดที่แบ่งระหว่างการขยายตัวและหดตัว) โดยสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ 50.8

Steve Miller ประธานคณะกรรมการสำรวจธุรกิจภาคบริการของ ISM ชี้ว่า ดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจ (Business Activity) และคำสั่งซื้อใหม่ (New Orders) กลับมาขยายตัวได้อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ข้อมูล ISM ก็ยังมีจุดที่น่ากังวลซ่อนอยู่ โดยดัชนีการจ้างงาน (Employment Index) ยังคงหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ห้า และที่สำคัญคือ ดัชนีราคา (Prices Index) พุ่งขึ้นไปแตะระดับ 70 ซึ่งเป็นระดับสูงที่สะท้อนว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในภาคบริการยังคงมีอยู่สูงมาก

ตลาดรอดูสัญญาณใหม่ หลัง Powell เบรกเรื่องลดดอกเบี้ย

ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเหล่านี้ โดยเฉพาะตัวเลขเงินเฟ้อในภาคบริการที่ยังสูง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการตัดสินใจของ Fed แม้ว่า Fed จะเพิ่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่สองในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ Jerome Powell ประธาน Fed ก็ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ตลาดแรงงานกำลังเย็นลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปเท่านั้น และการลดดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนธันวาคม “ยังไม่แน่นอน”

ท่าทีที่ค่อนข้างระมัดระวังของ Powell ทำให้ตลาดต้องประเมินสถานการณ์ใหม่ การที่เศรษฐกิจยังคงสร้างงานได้ และเงินเฟ้อยังค้างอยู่ในระดับสูง ทำให้ Fed ลังเลที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม Jeffrey Roach หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก LPL Financial ได้ให้มุมมองที่แตกต่างออกไป โดยชี้ว่าข้อมูล ADP อาจมีความผันผวน และเมื่อมองภาพรวม ทั้งข้อมูล ADP และข้อมูลของรัฐบาล (BLS) ต่างก็ส่งสัญญาณเตือนว่าตลาดงานกำลังมีปัญหา

เขาเชื่อว่าในที่สุด Fed จะต้องหันมาให้ความสำคัญกับตลาดแรงงานที่อ่อนแอลงและดำเนินวงจรการลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป

วิกฤต Shutdown และหนี้สินสหรัฐฯ ปะทะแรงขายทำกำไร

แม้ว่าราคาทองคำจะเผชิญแรงกดดันในระยะสั้น แต่ปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวที่ขับเคลื่อนราคาทองคำให้พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่เมื่อเดือนที่แล้วยังคงอยู่ครบถ้วน

ประเด็นสำคัญที่สุดคือความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ โดยขณะนี้ สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับการปิดหน่วยงานภาครัฐ (Government Shutdown) ที่ยาวนานครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ และยังไม่มีสัญญาณว่าจะหาข้อตกลงได้ในเร็ววันนี้ วิกฤตการณ์นี้ โดยปกติแล้วจะกระตุ้นความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ

Ryan McIntyre ผู้จัดการอาวุโสจาก Sprott Inc. ให้ความเห็นว่า การที่ราคาทองคำกำลังพักฐาน หลังจากที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม ถือเป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพของตลาด และเขามองว่าการย่อตัวของราคาเป็นโอกาสในการเข้าสะสมทองคำ

McIntyre ย้ำว่าปัจจัยขับเคลื่อนราคาทองคำนั้นยังคงดำเนินต่อไป ทั้งความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ เขายังกังวลอย่างมากเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ที่ขณะนี้ทะลุ 38 ล้านล้านดอลลาร์ไปแล้ว และในเดือนที่ผ่านมา หนี้รัฐบาลเพิ่มขึ้นถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นอัตราที่เร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์

ในภาวะเช่นนี้ McIntyre มองว่าการถือครองทองคำในสัดส่วน 10% ของพอร์ตการลงทุนยังคงเป็นกลยุทธ์ที่สมเหตุสมผล แม้ราคาจะอยู่ใกล้ 4,000 ดอลลาร์ เขาก็ไม่คิดว่าราคาทองคำแพงเกินไป เมื่อเทียบกับความเสี่ยงในสินทรัพย์อื่นๆ

และที่สำคัญที่สุด ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ดีที่สุดในการป้องกันความเสี่ยงจากการด้อยค่าของสกุลเงินกระดาษทั่วโลก

เขายังตั้งข้อสังเกตว่า ความกังวลเรื่องการด้อยค่าของเงินได้มาถึงจุดที่นักลงทุนสถาบันเริ่มให้ความสนใจอย่างจริงจัง โดยข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่า กองทุน SPDR Gold Shares (GLD) มีสัดส่วนการถือครองโดยนักลงทุนสถาบันเพิ่มขึ้นถึง 42.19% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามีฐานผู้ซื้อกลุ่มใหม่กำลังเข้ามาในตลาด

จากภาพกราฟราคาทองคำในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง ปัจจุบันราคาทองคำเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 3,970 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นการฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยจากระดับต่ำสุดที่เคยหลุดแนวรับสำคัญลงไปก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำยังคงเคลื่อนที่อยู่ในกรอบ Channel ขาลง ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงแนวโน้มขาลงที่ยังคงมีอิทธิพลต่อตลาด แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ การที่ราคากลับมาเคลื่อนไหวอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว EMA 200 (เส้นสีส้ม) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3,950 ดอลลาร์ ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเชิงบวกเล็กน้อยที่บ่งชี้ว่าแรงขายอาจจะเริ่มแผ่วลงและมีแรงซื้อเข้ามาหนุนในระยะสั้น

แต่การที่ราคายังคงอยู่ต่ำกว่ากลุ่มเส้นค่าเฉลี่ย EMA 12 และ 26 ซึ่งตอนนี้ได้เปลี่ยนบทบาทเป็นแนวต้านสำคัญอย่างชัดเจน ก็แสดงให้เห็นว่าการกลับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญยังคงเป็นเรื่องที่ท้าทาย

ด้านดัชนี RSI ก็ได้ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยและพยายามจะกลับมายืนเหนือระดับ 50 ซึ่งหากทำได้ จะเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการฟื้นตัวในระยะสั้น แต่ยังคงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด

ในส่วนของ Stochastic RSI ซึ่งเคยดิ่งลงสู่เขต Oversold และเป็นสัญญาณที่นำไปสู่การดีดตัวทางเทคนิค ปัจจุบัน Stochastic RSI ได้ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและพุ่งทะลุออกจากเขต Oversold แล้ว โดยกำลังมุ่งหน้าสู่เขต Overbought หรือซื้อมากเกินไป

สัญญาณนี้ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ค่อนข้างชัดเจนที่สุดในตอนนี้ บ่งชี้ว่าตลาดมีโอกาสที่จะเกิด Technical Rebound หรือการฟื้นตัวในระยะสั้นได้

สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ราคาได้ดีดตัวขึ้นจากแนวรับสำคัญ และ Stochastic RSI ส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจน ทำให้คาดการณ์ได้ว่าราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 4,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวต้านทางจิตวิทยาที่แข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตาม หากแรงขายยังคงมีอิทธิพลเหนือตลาด และไม่สามารถรักษาระดับเหนือเส้น EMA 200 ได้ ราคาก็อาจจะกลับลงไปทดสอบแนวรับ Fibonacci 38.2% ที่ 3,903 ดอลลาร์อีกครั้ง

การเคลื่อนไหวของราคาในกรอบ Channel ขาลงยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากหากราคายังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบนี้ ก็จะยังคงถูกกดดันให้ลงมาทดสอบแนวรับด้านล่างต่อไป

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,950

• $3,900

• $3,885

  
  

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $4,000

• $4,057

• $4,087