วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

สถานการณ์ของราคาทองคำในตลาดโลกวันนี้ กลับมาเผชิญแรงกดดันอีกครั้ง โดยราคาทองคำ (XAUUSD) ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 3,946 ดอลลาร์ ท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนที่ผันผวน ปัจจัยสำคัญที่เข้ามากดดันราคาทองคำในรอบนี้ คือการแข็งค่าอย่างรุนแรงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้ว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะเผชิญกับแรงเทขายอย่างหนัก ซึ่งโดยปกติควรจะส่งผลดีต่อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ในครั้งนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น อย่างน้อยก็ในระยะสั้น นี่คือภาวะที่นักลงทุนต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

ดอลลาร์แข็งค่า สวนทางตลาดหุ้นร่วง กดดันราคาทองคำระยะสั้น

ปัจจัยหลักที่ฉุดราคาทองคำเมื่อวันที่ผ่านมาคือดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (U.S. Dollar Index) ที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 6 เดือน

ในขณะเดียวกัน ตลาดกำลังเผชิญกับสภาวะ Risk Aversion หรือการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงอย่างรุนแรง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดิ่งลงอย่างหนัก ท่ามกลางความกังวลของ Wall Street เกี่ยวกับการประเมินมูลค่า (Valuations) ที่สูงเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระแสฟองสบู่ในหุ้นกลุ่ม AI

แต่คำถามคือ ทำไมเมื่อตลาดหุ้นร่วงหนัก สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำถึงไม่ทะยานขึ้น? คำตอบในระยะสั้นคือ นักลงทุนกำลังมุ่งหน้าเข้าหา “ดอลลาร์สหรัฐ” ในฐานะหลุมหลบภัยหลักมากกว่าทองคำ

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าอย่าเพิ่งแปลกใจ หากแรงเทขายในตลาดหุ้นทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงบ่ายวันนี้ เราอาจได้เห็นราคาทองคำดีดตัวกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

สัญญาณฟองสบู่ AI เมื่อ Wall Street พร้อมรับแรงกระแทก

ความกังวลใน Wall Street ไม่ใช่เรื่องที่พูดกันลอยๆ รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า ผู้บริหารระดับสูงในภาคการเงินต่างออกมาเตือนให้นักลงทุนเตรียมพร้อมรับมือกับการปรับฐานของตลาดหุ้นมากกว่า 10% ในช่วง 12 ถึง 24 เดือนข้างหน้า

ในการประชุมสุดยอดทางการเงินที่ฮ่องกง Mike Gitlin ประธานและซีอีโอของ Capital Group กล่าวว่า แม้ผลประกอบการของบริษัทต่างๆ จะแข็งแกร่ง แต่สิ่งที่ท้าทายคือ “มูลค่า”

เขากล่าวว่าคนส่วนใหญ่คงมองว่าตลาดตอนนี้อยู่ในจุด “ราคาสมเหตุสมผลไปจนถึงเต็มมูลค่า"” (Fair and Full) แต่คงไม่มีใครกล้าพูดว่าอยู่ในจุด “ราคาถูกไปจนถึงสมเหตุสมผล” (Cheap and Fair)

มุมมองนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Ted Pick ซีอีโอของ Morgan Stanley และ David Solomon จาก Goldman Sachs Group Inc. ซึ่งต่างก็มองเห็นความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเทขายครั้งใหญ่ และมองว่าการปรับฐานเป็นเรื่องปกติของวัฏจักรตลาด

สัญญาณที่น่ากังวลปรากฏชัดเจนในกรณีของหุ้น Palantir Technologies Inc. แม้บริษัทจะรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ดีเกินคาด โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 63% แต่ราคาหุ้นกลับร่วงลง 3% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนกังวลอย่างหนักต่อมูลค่าที่สูงลิ่วของมัน

นี่คือสภาวะที่ตลาดมีความเปราะบางสูง และเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนความผันผวนในสินทรัพย์ทุกประเภท รวมถึงราคาทองคำด้วย

พักฐานหรือเปลี่ยนเทรนด์? Aakash Doshi ชี้เป้า $5,000 ยังไม่ไกล

แม้ว่าโมเมนตัมระยะสั้นของราคาทองคำกำลังเปลี่ยนไป และอาจเข้าสู่ช่วงพักฐานตลอดสองเดือนสุดท้ายของปี 2025 แต่นักวิเคราะห์ระดับโลกยังคงมองภาพระยะยาวเป็นบวก

Aakash Doshi หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ทองคำจาก State Street Investment Management คาดว่าราคาทองคำจะพักฐานต่ำกว่าแนวต้านสำคัญบริเวณ 4,000 ดอลลาร์ เนื่องจากเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมมักเป็นเดือนที่กองทุน ETF ทองคำมีแรงเทขายตามสถิติ ซึ่งเห็นได้จาก SPDR Gold Shares (GLD) ที่มีการถือครองลดลงเกือบ 8 ตัน หลังราคาพุ่งไปแตะจุดสูงสุด

Doshi กล่าวว่า ถ้าเราพูดถึง 12 เดือนข้างหน้า การแรลลี่ครั้งนี้ยังไม่จบ แต่เขาคิดว่าจะได้เห็นการพักฐานราว 8 สัปดาห์ ซึ่งนี่คือการพักฐานที่ดีต่อสุขภาพในตลาดกระทิงระยะยาว

ที่สำคัญ Doshi ยังคงเชื่อมั่นในขาขึ้น โดยกล่าวว่า ถ้าให้เลือกระหว่างทองคำ 3,000 ดอลลาร์หรือ 5,000 ดอลลาร์ เขาจะเอนเอียงไปทาง 5,000 ดอลลาร์มากกว่า และเขาคาดว่าจะได้เห็นจุดสูงสุดใหม่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2026

ปัจจัยสนับสนุนหลักคืออุปสงค์ที่แข็งแกร่ง แม้ราคาจะสูงเป็นประวัติการณ์ Doshi ชี้ว่าข้อมูลจาก World Gold Council แสดงให้เห็นอุปสงค์ทางกายภาพที่สูงเป็นประวัติการณ์ 

ในรอบนี้ ทองคำถูก Overbought (ซื้อมากเกินไป) แต่ยังไม่ถึงขั้น Overowned (ถือครองมากเกินไป) ดังนั้นเราจึงยังเห็นศักยภาพอีกมาก

ปัจจัยที่เปลี่ยนเกมโดยสิ้นเชิงคือความต้องการจากธนาคารกลางทั่วโลก ซึ่งยังคงเดินหน้าซื้อทองคำเข้าคลังสำรองอย่างต่อเนื่อง คาดว่าปีนี้จะมียอดซื้อสุทธิระหว่าง 750 ถึง 900 ตัน

เทรนด์การลดการพึ่งพาดอลลาร์ (Dedollarization) นี้ ได้พลิกโฉมตลาดทองคำไปแล้ว ทองคำได้กลายเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่สำคัญในการซื้อขายแทนที่สกุลเงินเฟียต

นักวิเคราะห์มองทองคำ แนวรับสำคัญและปัจจัยหนุนระยะยาวที่ยังคงเดิม

Ole Hansen จาก Saxo Bank เสริมว่า การแรลลี่ของทองคำได้เข้าสู่ช่วง “ผ่อนคลาย” (Cooling phase) หลังจากขาดทุนติดต่อกันสองสัปดาห์ อารมณ์ตลาดได้เปลี่ยนจากความตื่นเต้นกลับไปสู่การวิเคราะห์พิจารณา

Hansen ชี้ว่าการปรับฐานของราคาล่าสุดเป็นพัฒนาการที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นการระบายแรงกดดันมากกว่าการกลับตัวเป็นขาลง ในเชิงเทคนิค เขาให้แนวรับสำคัญไว้ที่บริเวณ 3,835–3,878 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนว Fibo 50% และเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน

แม้ว่าราคาสูงสุดของปี 2025 อาจจะผ่านไปแล้ว แต่ Hansen เชื่อว่าการปรับฐานครั้งนี้เป็นเพียงการพักตัวเพื่อไปต่อ

Hansen กล่าวว่าการพักฐานครั้งใหญ่ครั้งล่าสุดหลังจากทำสถิติสูงสุดในเดือนพฤษภาคม กินเวลาประมาณสี่เดือน ก่อนที่จะทะลุแนวต้านในเดือนสิงหาคมและพุ่งขึ้น 27% ในเก้าสัปดาห์ หากใช้ระยะเวลาใกล้เคียงกันในครั้งนี้ อาจหมายถึงการซื้อขายแบบไซด์เวย์อีกระยะหนึ่ง ก่อนที่แรงซื้อจะกลับมาอีกครั้งในช่วงต้นปี 2026

โดยสรุป สำหรับนักลงทุนและนักเทรด ทองคำในระยะสั้นกำลังถูกกดดันอย่างหนักจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ และความผันผวนในตลาดหุ้นที่ทำให้นักลงทุนเลือกดอลลาร์เป็นหลุมหลบภัยหลัก

แต่ในภาพระยะยาว ปัจจัยพื้นฐานยังคงแข็งแกร่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งความกังวลเรื่องหนี้สินมหาศาล, การด้อยค่าของสกุลเงิน และที่สำคัญที่สุดคือแรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลก ทำให้การปรับฐานครั้งนี้เป็นเพียงการพักตัว ก่อนที่เรื่องราวขาขึ้นครั้งใหญ่รอบใหม่จะเริ่มต้นขึ้นในปี 2026

ราคาทองคำ ล่าสุดในไทม์เฟรม 4 ชั่วโมง สถานการณ์เป็นไปตามที่ได้ประเมินไว้ในวันก่อน โดยแรงขายสามารถกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงมาทดสอบแนวรับสำคัญบริเวณ 3,950 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดที่เส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว EMA 200 (เส้นสีส้ม) วางตัวอยู่

และณ ปัจจุบัน ราคาที่เคลื่อนไหวบริเวณ 3,942 ดอลลาร์ ได้ หลุดแนวรับสำคัญนี้ลงมาแล้ว นี่ถือเป็นสัญญาณยืนยันเชิงลบที่ชัดเจนอย่างยิ่ง และเป็นการเปิดทางให้ราคาปรับตัวลดลงได้อีก

เมื่อพิจารณาในรายละเอียด จะเห็นว่าราคายังคงเคลื่อนไหวอยู่ใต้กลุ่มเส้น EMA 12 และ 26 ที่ทำหน้าที่เป็นแนวต้านกดดันราคา และยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Channel ขาลงอย่างชัดเจน ด้านดัชนี RSI ยังคงปักหัวลงและเคลื่อนไหวในระดับต่ำกว่า 50 สะท้อนว่าโมเมนตัมฝั่งขายยังคงแข็งแกร่งและควบคุมตลาดไว้

จุดที่น่าสนใจคือ Stochastic RSI (ดังที่เห็นในวงกลม) ซึ่งได้ดิ่งลงสู่เขต Oversold หรือ “ขายมากเกินไป” แล้ว แม้ว่าโดยทฤษฎี สัญญาณนี้อาจนำไปสู่การดีดตัวทางเทคนิค (Technical Rebound) ในระยะสั้นได้ แต่ในสภาวะตลาดที่เป็นขาลงรุนแรง (Strong Downtrend) อินดิเคเตอร์มักจะสามารถค้างอยู่ในโซนต่ำนี้ได้อีกระยะหนึ่ง ดังนั้น จึงยังไม่สามารถวางใจได้ว่าราคาจะกลับตัวขึ้นในทันที

สำหรับแนวโน้ม ราคาทองคำ ในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า เมื่อแนวรับหลัก 3,950 ดอลลาร์ และเส้น EMA 200 ได้พังทลายลง เป้าหมายถัดไปที่แรงขายจะมุ่งหน้าไปทดสอบคือแนวรับสำคัญระดับถัดไป ซึ่งสอดคล้องกับระดับ Fibonacci 38.2% ที่บริเวณ 3,903 ดอลลาร์

ในทางกลับกัน หากมีการพยายามดีดตัวกลับขึ้นไป แนวรับที่เพิ่งหลุดไปบริเวณ 3,950 ดอลลาร์ จะเปลี่ยนบทบาทกลายเป็นแนวต้านสำคัญที่จะกดดันไม่ให้ราคากลับขึ้นไปได้ง่ายๆ ภาพรวมทางเทคนิคจึงยังคงให้น้ำหนักกับการย่อตัวลงต่อไปยังเป้าหมายดังกล่าว

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,900

• $3,885

• $3,823

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,950

• $4,000

• $4,057