วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 21 ตุลาคม 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

ราคาทองคำ XAU/USD เปิดตลาดเอเชียวันอังคารที่ 21 ตุลาคม 2568 อย่างร้อนแรง โดยพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ $4,381 ก่อนจะกลับมาทรงตัวในแดนบวกบริเวณ $4,344

 สถานการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางการจับตามองของนักลงทุนทั่วโลกต่อปัจจัยเสี่ยงที่กำลังรุมเร้า ทั้งการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ (Government Shutdown) ที่ยังไร้ทางออก แนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง และความเสี่ยงด้านเครดิตของสหรัฐฯ ที่กลับมาเป็นที่พูดถึง

ปัจจัยมหภาคหนุนทองคำ ทั้ง Shutdown สหรัฐฯ และท่าที Fed

แรงขับเคลื่อนหลักที่ส่งราคาทองคำให้พุ่งทะยานในขณะนี้ มาจากปัจจัยมหภาคสำคัญสองอย่างในสหรัฐฯ อย่างแรกคือ ภาวะ Government Shutdown ที่ยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 21 แล้ว และยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลง

หลังจากวุฒิสภาลงมติไม่ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณเป็นครั้งที่ 11 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำให้การปิดหน่วยงานครั้งนี้ยาวนานที่สุดเป็นอันดับสามในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ ความไม่แน่นอนทางการเมืองและการคลังที่รุนแรงนี้ ได้กระตุ้นแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างที่สองคือ ความคาดหวังของตลาดต่อการลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ข้อมูลล่าสุดจาก CME FedWatch Tool ชี้ว่า ตลาดให้น้ำหนักเกือบ 99% ที่ Fed จะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมสัปดาห์หน้า และอาจจะลดต่อเนื่องอีกครั้งในเดือนธันวาคม

นักวิเคราะห์จาก Heraeus ชี้ให้เห็นว่าท่าทีของประธาน Fed อย่าง Jerome Powell ที่เริ่มแสดงความกังวลต่อตลาดแรงงานที่อ่อนแอ (แม้ข้อมูลทางการจาก BLS จะล่าช้าเพราะ Shutdown แต่ข้อมูลภาคเอกชนอย่าง ADP ชี้ว่ามีการตกงาน 32,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน) เป็นการส่งสัญญาณว่า Fed พร้อมที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงิน

แรง FOMO ประทุ ส่องแรงซื้อใหม่จาก CME สู่โลกคริปโต

สิ่งที่น่าสนใจในรอบการปรับขึ้นครั้งนี้ คือการเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญของนักลงทุนรายย่อย ประกอบกับแรงซื้อจากแหล่งที่ไม่เคยมีมาก่อน

ข้อมูลจาก CME Group ระบุว่าปริมาณการซื้อขายรวมในกลุ่มโลหะมีค่าทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2,829,666 สัญญาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำลายสถิติเดิมที่เพิ่งทำไว้เมื่อสองสัปดาห์ก่อนหน้าอย่างราบคาบ

ที่สำคัญคือ ปริมาณการซื้อขายในสัญญาขนาดเล็กที่ออกแบบมาสำหรับนักลงทุนรายย่อย (Retail Investors) พุ่งทำสถิติสูงสุดเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นสัญญา Micro Gold futures (ขนาด 1/10 ของสัญญาปกติ), E-mini Gold futures (ขนาดครึ่งหนึ่งของสัญญาปกติ) และสัญญา Gold futures ขนาด 1 ออนซ์ใหม่

สะท้อนถึงภาวะที่ Jin Hennig ผู้บริหารของ CME Group เรียกว่า “อุปสงค์ต่อสินทรัพย์ปลอดภัยที่พุ่งสูงขึ้น” ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และอาจตีความได้ว่าเป็นสัญญาณของภาวะ FOMO (Fear of Missing an Opportunity) ในหมู่นักลงทุนรายย่อย

นอกจากนี้ ตลาดกำลังได้แรงหนุนใหม่จากโลกดิจิทัล โดย CIBC ตั้งข้อสังเกตว่า Tether ผู้ออกเหรียญ Stablecoin ที่ใหญ่ที่สุดในโลก (USDT) ได้กลายเป็นผู้ซื้อทองคำแท่งรายใหญ่เงียบๆ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงออกจากเงินสดและพันธบัตรระยะสั้น

โดยในไตรมาส 2 ของปี 2025 คลังทองคำของ Tether เพิ่มขึ้นถึง 30% จากต้นปี ถือเป็นอีกหนึ่งแรงซื้อใหม่ที่เข้ามาสนับสนุนตลาดอย่างต่อเนื่อง

CIBC ชี้ $4,500 คือเป้าหมายใหม่ พร้อมวิเคราะห์ฐานราคาใหม่ของทองคำ

ในขณะที่ราคาทะยานขึ้น ธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง CIBC ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำอย่างก้าวกระโดด โดยมองว่าตลาดกระทิงรอบนี้จะยังคงดำเนินต่อไปอีกอย่างน้อย 2 ปี

CIBC คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ $4,500 ในปี 2026 และ 2027 ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นถึง 25% และ 36% จากประมาณการเดิมตามลำดับ และมองว่าระดับ $3,300 ต่อออนซ์ อาจกลายเป็น “ฐานราคาใหม่” สำหรับทองคำในระยะยาว

CIBC วิเคราะห์ว่า การพุ่งขึ้นแบบ “Parabolic” ของราคาทองคำในรอบนี้ ไม่ได้เป็นผลมาจากการคาดการณ์เรื่องการลดดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่เป็นผลมาจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อระยะยาวและการรักษามูลค่าความมั่งคั่ง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ Fed ดูเหมือนจะหันไปให้ความสำคัญกับตลาดแรงงานมากกว่าการคุมเงินเฟ้อระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ในตลาดกายภาพกลับให้ภาพที่แตกต่างออกไป Heraeus ชี้ว่าราคาทองคำที่สูงเป็นประวัติการณ์กำลังส่งผลกระทบต่อยอดขายเครื่องประดับในอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ โดยคาดว่าเทศกาลดิวาลี (Diwali) ในปีนี้อาจไม่สดใส

แต่ในทางกลับกัน ความต้องการจากนักลงทุนในอินเดียกลับแข็งแกร่งมาก จนทำให้ราคาทองคำในประเทศพุ่งสูงถึง $25 ต่อออนซ์ เนื่องจากอุปทานทองคำมีจำกัดหลังการนำเข้าลดลงถึง 44% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

สัญญาณ Overbought และแนวรับสำคัญที่ต้องจับตา

แม้ว่าปัจจัยพื้นฐานและแนวโน้มระยะยาวจะดูแข็งแกร่ง แต่ในระยะสั้นมีสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่าตลาดร้อนแรงเกินไป (Extremely Overbought) นักวิเคราะห์จาก Heraeus มองว่าการที่ราคาพุ่งขึ้นกว่า $200 ในสัปดาห์เดียว เป็นภาวะที่ถูกขับเคลื่อนด้วยความกลัวตกรถ (FOMO) มากกว่าปัจจัยพื้นฐาน

สอดคล้องกับ CIBC ที่แม้จะมีมุมมองเชิงบวกในระยะยาว แต่ก็เตือนว่าในทางเทคนิค ตลาดกำลังแสดงสัญญาณอ่อนล้า (Signs of exhaustion) โดยดัชนีอย่าง RSI และ Stochastic อยู่ในภาวะ Overbought อย่างหนัก CIBC ประเมินว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการพักฐานหรือปรับฐานในระยะสั้น ซึ่งอาจทำให้ราคาปรับตัวลดลงประมาณ -12% ถึง -15%

สำหรับนักเทรดและนักลงทุนที่มองหาจุดเข้าซื้อ หรือบริหารความเสี่ยง CIBC ได้ให้แนวรับสำคัญทางเทคนิคไว้ที่เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน (50-day Moving Average) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ $3,550 และเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน (100-day Moving Average) ที่ $3,440

โดยสรุป แม้ว่าแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาวยังคงแข็งแกร่ง แต่ความผันผวนในระยะสั้นและการปรับฐานแรงๆ เป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องเตรียมพร้อมรับมือ

สถานการณ์ล่าสุดจากกราฟ 4 ชั่วโมง ถือว่าสอดคล้องกับการคาดการณ์ของเราในวันก่อนหน้า สัญญาณ Oversold จากดัชนี Stochastic RSI ที่เราได้เน้นย้ำไว้ ผลักดันให้เกิด Technical Rebound ที่แข็งแกร่ง

ราคาทองคำได้ดีดตัวกลับขึ้นมาจากโซนแนวรับ $4,227 - $4,264 ได้ตามคาด สัญญาณ Stoch RSI ได้ยืนยันโมเมนตัมนี้อย่างชัดเจน โดยเส้นสัญญาณได้ตัดกันและพุ่งออกจากเขต Oversold อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการยืนยันว่าแรงซื้อในระยะสั้นได้กลับเข้ามาสู่ตลาดแล้ว

ในส่วนของแนวโน้มราคาทองคำในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า การดีดตัวครั้งนี้มีเป้าหมายที่ชัดเจนคือการพยายามกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณจุดสูงสุดเดิมที่ $4,381 ซึ่งถือเป็นด่านทดสอบที่สำคัญที่สุดของรอบนี้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง คือสัญญาณ Bearish Divergence ที่เคยกดดันราคาลงมาในรอบก่อนนั้นยังคงอยู่ และยังไม่ถูกทำลาย

ตราบใดที่ดัชนี RSI ยังไม่สามารถทะลุเส้นแนวโน้มดังกล่าวขึ้นไปได้ การที่ราคากลับขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ $4,381 ในขณะที่ RSI อาจจะยังคงทำจุดสูงสุดที่ต่ำลง (Lower High) จะยิ่งเป็นการยืนยันสัญญาณลบดังกล่าว และอาจนำไปสู่การปรับฐานที่รุนแรงอีกครั้ง

ดังนั้น กลยุทธ์ใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า จึงเป็นการเฝ้าระวังบริเวณแนวต้าน $4,381 อย่างใกล้ชิด หากราคาทองคำสามารถทะลุผ่านและยืนเหนือระดับนี้ได้อย่างแข็งแกร่ง (Breakout) ก็จะเป็นการทำลายสัญญาณ Bearish Divergence และเปิดทางให้ราคาขึ้นต่อไปยังเป้าหมายถัดไปที่ $4,410

แต่หากราคาไปถึง $4,381 แล้วไม่สามารถผ่านไปได้ หรือแสดงอาการอ่อนแรง นี่คือจุดที่ต้องระมัดระวังแรงเทขายทำกำไรระลอกใหม่ โดยมีแนวรับระยะสั้นที่ขยับขึ้นมาอยู่ที่ $4,300 และแนวรับสำคัญเดิมที่ $4,227 ตามลำดับ

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $4,300

• $4,277

• $4,181

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $4,381

• $4,400

• $4,420