วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 10 ตุลาคม 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

ราคาทองคำทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์เหนือระดับ $4,000 ไปเมื่อวันพุธ แต่กลับเผชิญแรงเทขายทำกำไรอย่างหนักในวันพฤหัสบดี กดดันให้ราคาร่วงลงมาอย่างรุนแรง โดยในช่วงเช้าตลาดเอเชียวันนี้ ราคาทองคำ XAUUSD เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ $3,981

ปัจจัยลบกดดัน เมื่อข่าวดี.. ไม่ใช่ข่าวดีของทองคำ

การปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงของราคาทองคำในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา มีสาเหตุหลักมาจากปัจจัยสำคัญ 2 ประการ ประการแรกคือแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุนระยะสั้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติหลังจากที่ราคาทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่อง โดยนักวิเคราะห์หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าอาจเห็นแรงเทขายต่อเนื่องอีกในวันนี้ก่อนปิดตลาดสุดสัปดาห์

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ส่งผลกระทบเชิงจิตวิทยามากกว่านั้น คือสถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่คลี่คลายลงอย่างมีนัยสำคัญ

รายงานข่าวล่าสุดที่ว่าอิสราเอลและกลุ่มฮามาสได้บรรลุข้อตกลงในการปล่อยตัวประกันทั้งหมด ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสู่การยุติสงครามที่ยืดเยื้อมานานถึงสองปี ได้ลดทอนความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลงอย่างฉับพลัน

เมื่อความขัดแย้งที่เคยเป็นแรงหนุนสำคัญเริ่มจางหายไป นักลงทุนจึงเคลื่อนย้ายเงินทุนออกจากทองคำเพื่อไปแสวงหาผลตอบแทนในสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ แทน

มุมมองจาก ByteTree ตลาดร้อนแรง แต่ยังไม่ใช่จุดสูงสุด

แม้ว่าราคาทองคำจะเผชิญแรงกดดันในระยะสั้น แต่ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนยังคงมองว่าแนวโน้มขาขึ้นในภาพรวมยังไม่สิ้นสุด

Charlie Morris ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ ByteTree ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจ ว่าแม้ตลาดจะร้อนแรง แต่ยังไม่ถึงขั้น “ร้อนจัด” จนน่ากังวล

เขาชี้ว่าการปรับขึ้นสู่ระดับ $4,000 ในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากการเก็งกำไรที่มากเกินไปเหมือนในอดีต สัญญาณที่เขายกมาสนับสนุนคือปริมาณการเข้าซื้อในกองทุน Gold ETFs ที่ยังอยู่ในระดับปานกลาง ไม่ได้สูงเป็นประวัติการณ์ และสถานะซื้อ (Long Positions) ในตลาดฟิวเจอร์สก็ยังไม่ถึงจุดที่บ่งชี้ภาวะฟองสบู่

Morris ได้นำเสนอตัวชี้วัดทางเทคนิคที่น่าสนใจ นั่นคือการเปรียบเทียบการวิ่งขึ้นของราคาทองคำกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน (200-day moving average)

ในปัจจุบัน ตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ 25% ซึ่งยังต่ำกว่าระดับสูงสุดในปี 2011 และ 2020 เขาเปรียบเทียบกับวิกฤตฟองสบู่ในปี 1979 ที่ตัวเลขนี้พุ่งสูงถึง 150% ก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่ภาวะหมีที่ยาวนานถึง 27 ปี

ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่าการปรับฐานครั้งนี้อาจเป็นเพียงการหยุดพักชั่วคราวในตลาดกระทิงที่แข็งแกร่ง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในปี 2006 หรือ 2008 มากกว่าจะเป็นสัญญาณของจุดจบ

เขายังตั้งข้อสังเกต ว่าหากการขึ้นของทองคำรอบนี้มีปัจจัยหนุนหลักมาจากความกังวลเรื่องการด้อยค่าของสกุลเงิน และปัญหาหนี้สาธารณะที่รัฐบาลไม่สามารถจัดการได้ ซึ่งนักลงทุนมองว่าทองคำเป็น “ทางออก” ท่ามกลางความวุ่นวายทางการคลังนี้ ราคาทองคำในปัจจุบันก็ยังถือว่าห่างไกลจากจุดสูงสุดที่ควรจะเป็นอีกมาก

อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้ให้สัญญาณเตือนไว้เช่นกัน โดยชี้ว่ามูลค่าของ Gold ETFs เมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดหุ้นทั่วโลกได้กลับมาอยู่ที่ระดับ 2.9% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับจุดสูงสุดในปี 2011 ถือเป็นสัญญาณเตือนที่นักลงทุนควรจับตามอง

WGC ชี้กระแสเงินทุน ETF ยังแข็งแกร่ง

ในขณะที่นักลงทุนระยะสั้นกำลังเทขายทำกำไร ข้อมูลจาก World Gold Council (WGC) กลับแสดงให้เห็นภาพที่แตกต่างออกไป

รายงานล่าสุดของ WGC ระบุว่า กองทุน ETFs ทองคำทั่วโลกมีเงินทุนไหลเข้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงไตรมาสที่สาม โดยเฉพาะในเดือนกันยายนเพียงเดือนเดียวมีเม็ดเงินไหลเข้ามากถึง 145.6 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 17.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 60% ของเงินทุนที่ไหลเข้าทั้งหมดในไตรมาสนี้

กระแสเงินทุนส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนในอเมริกาเหนือ ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์และความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก

ในขณะที่นักลงทุนยุโรปก็เข้าซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนของนโยบายการเงินจาก ECB และ BoE ส่วนในเอเชียนั้นได้รับแรงหนุนจากราคาทองคำในสกุลเงินท้องถิ่นที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

แม้ WGC จะยอมรับว่าตลาดทองคำในขณะนี้อยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (Significantly Overbought) และมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับฐานในระยะสั้น แต่พวกเขายังคงเชื่อมั่นว่าปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งจะยังคงสนับสนุนราคาไปจนถึงสิ้นปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดหุ้น ซึ่งโดยสถิติแล้วเดือนตุลาคมมักจะเป็นเดือนที่ปั่นป่วนสำหรับตลาดหุ้น ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนุนให้เงินทุนไหลกลับเข้ามายังทองคำได้อีกครั้ง

โดยสรุป การปรับตัวลดลงของราคาทองคำในช่วงนี้เป็นผลมาจากการทำกำไรระยะสั้นและการคลี่คลายของสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยที่คาดการณ์ได้

อย่างไรก็ตาม กระแสเงินทุนที่ยังคงไหลเข้าสู่กองทุน ETFs อย่างมหาศาล ประกอบกับความกังวลเชิงโครงสร้างต่อปัญหาหนี้สินภาครัฐและการด้อยค่าของสกุลเงิน ยังคงเป็นปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว

เมื่อวานที่เราได้เตือนถึงสัญญาณอ่อนแรงและภาวะ Overbought ที่อาจนำไปสู่การพักฐาน วันนี้ราคาทองคำได้หลุดแนวรับจิตวิทยาที่สำคัญบริเวณ $3,996 - $4,000 ลงมา สะท้อนให้เห็นว่าแรงซื้อที่เคยแข็งแกร่งก่อนหน้านี้ไม่สามารถปกป้องโซนราคานี้ไว้ได้อีกต่อไป

ปัจจุบันราคากำลังเคลื่อนไหวอยู่ที่ $3,978 และยังเป็นการเคลื่อนที่ลงมาต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น (EMA) เป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์

ด้านดัชนี RSI ก็ได้หักหัวดิ่งลงมาจากเขต Overbought อย่างรุนแรงตามที่คาดการณ์ไว้ แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าในขณะนี้คือดัชนี Stochastic RSI ที่ได้ทิ้งตัวลงมาสู่เขต Oversold หรือภาวะขายมากเกินไป (ต่ำกว่าระดับ 20) อย่างรวดเร็ว

การที่ดัชนีลงมาถึงจุดนี้บ่งชี้ว่าแรงขายในระยะสั้นนั้นหนักหน่วงและรุนแรงมาก แต่อีกนัยหนึ่งก็อาจเป็นสัญญาณว่าการปรับตัวลงอาจใกล้ถึงจุดที่จะเกิดการดีดตัวทางเทคนิค (Technical Rebound) หรือการชะลอตัวเพื่อสร้างฐานราคาใหม่ได้ในไม่ช้า

สำหรับทิศทางในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า แนวโน้มหลักได้เปลี่ยนเป็นภาพของการย่อตัวหรือการปรับฐานอย่างชัดเจน โดยแนวรับสำคัญถัดไปที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดคือโซน $3,938 ซึ่งเป็นเป้าหมายถัดไปของแรงขายที่สอดคล้องกับการวิเคราะห์เมื่อวาน และหากแรงขายยังคงถาโถมเข้ามาไม่หยุด แนวรับถัดไปจะอยู่ที่บริเวณ $3,920

ในทางกลับกัน แนวต้านสำคัญที่ราคาจะต้องกลับไปยืนเหนือให้ได้เพื่อส่งสัญญาณฟื้นตัว คือโซน $3,996 - $4,000 ที่เพิ่งหลุดลงมา ซึ่งบัดนี้ได้เปลี่ยนบทบาทจากแนวรับกลายเป็นแนวต้านที่แข็งแกร่งไปแล้ว

ดังนั้น ตราบใดที่ราคาทองคำยังไม่สามารถกลับไปยืนเหนือโซนนี้ได้ ภาพรวมในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้าจะยังคงมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงไปหาแนวรับถัดไปอยู่เสมอ แม้อาจมีการดีดตัวสลับขึ้นมาบ้างตามภาวะ Oversold ของ Stochastic RSI ก็ตาม

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,938

• $3,883

• $3,841

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,996

• $4,060

• $4,100