วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 2 ก.ค. 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 2 กรกฏาคม 2568 ราคาทองคำ XAUUSD กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลังจากดีดตัวขึ้นมามากกว่า 1% ทะยานขึ้นไปยืนเหนือระดับ $3,340 ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดในรอบ 4 วัน โดยการปรับตัวขึ้นครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ร่วงลงไปทำสถิติต่ำสุดในรอบ 3 ปี

ที่น่าสนใจคือ ตลาดทองคำกลับไม่ได้ให้ความสนใจกับข่าวใหญ่ในสภาคองเกรสของสหรัฐฯ เท่าไหร่นัก แม้ว่าวุฒิสภาจะเพิ่งโหวตผ่านร่างกฎหมายภาษีของ Trump ด้วยคะแนนฉิวเฉียด 51-50 เสียง ซึ่งถือเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่

แต่ดูเหมือนว่านักลงทุนในตลาดทองคำจะมองข้ามประเด็นนี้ไปก่อน แล้วหันไปให้ความสำคัญกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมามากกว่า ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สะท้อนมุมมองของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อย่าง Jerome Powell ที่ยังคงใช้ท่าทีรอดูสถานการณ์ไปก่อน ยังไม่รีบร้อนตัดสินใจเรื่องนโยบายดอกเบี้ย

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาจากคำเตือนของ Scott Bessent รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ที่ส่งสัญญาณว่าอาจมีการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มเติม เนื่องจากใกล้จะถึงเส้นตายในวันที่ 9 กรกฎาคมแล้ว

เจาะลึกตัวเลขจ้างงาน JOLTS สัญญาณเตือนจากตลาดแรงงานที่เฟดจับตา

แม้ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นมายืนเหนือ $3,300 ได้อย่างแข็งแกร่ง แต่ข้อมูลล่าสุดจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ก็อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้นักลงทุนต้องคิดหนัก รายงานการสำรวจตำแหน่งงานว่างและการหมุนเวียนของแรงงาน หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า JOLTS ประจำเดือนพฤษภาคม ออกมาแข็งแกร่งเกินคาด โดยตัวเลขตำแหน่งงานเปิดใหม่พุ่งขึ้นไปถึง 7.77 ล้านตำแหน่ง จากเดือนก่อนหน้าที่ 7.39 ล้านตำแหน่ง และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงเหลือ 7.32 ล้านตำแหน่งเสียอีก นี่คือระดับตำแหน่งงานว่างที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม

ตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่เฟดใช้ในการตัดสินใจเรื่องนโยบายการเงิน ตราบใดที่ตลาดยังดูดีและอัตราเงินเฟ้อยังมีความเสี่ยงสูง เฟดก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องรีบลดอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินส่วนใหญ่ยังคงคาดหวังว่าเฟดจะเริ่มผ่อนคลายนโยบายหรือลดดอกเบี้ยลงในช่วงหลังกลางปีนี้

Bill Adams หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Comerica Bank คาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้จะเพิ่มขึ้นแบบ “พอประมาณ” ที่ 105,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานจะทรงตัวอยู่ที่ 4.2%

เขายังเสริมอีกว่า หากไม่มีอะไรเลวร้ายในรายงานการจ้างงาน เฟดก็น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมในการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 30 กรกฎาคม และด้วยปัจจัยเงินเฟ้อจากภาษีนำเข้า การเติบโตของแรงงานที่ชะลอตัว และมาตรการกระตุ้นทางการคลัง เฟดคงต้องเห็นตลาดงานแย่ลงอย่างมีนัยสำคัญจริงๆ ถึงจะยอมพิจารณาลดดอกเบี้ยในช่วงปลายปี 2025

ภาคการผลิตสหรัฐฯ ฟื้นตัวจริงหรือ? สัญญาณผสมผสานที่นักลงทุนทองต้องรู้

อีกหนึ่งตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าสนใจคือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing PMI) จากสถาบัน ISM ซึ่งในเดือนมิถุนายนปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 49 จากเดือนพฤษภาคมที่ 48.5 ถือว่าดีกว่าที่คาดการณ์เล็กน้อย ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นว่าภาคการผลิตของสหรัฐฯ แม้จะยังอยู่ในภาวะหดตัว (ต่ำกว่า 50) แต่ก็หดตัวในอัตราที่ช้าลง โดย Susan Spence ประธานคณะกรรมการสำรวจธุรกิจของ ISM ชี้ว่าการปรับปรุงในด้านสินค้าคงคลังและการผลิตเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยหนุนดัชนีให้ดีขึ้น

เมื่อมองลึกลงไปในรายละเอียดจะพบสัญญาณที่ผสมผสานกันอยู่ ดัชนีราคา (Price Index) ซึ่งสะท้อนถึงแรงกดดันเงินเฟ้อ ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 69.7 ในขณะที่ดัชนีการผลิต (Production Index) ก็พุ่งขึ้นไปแตะ 50.3 ซึ่งเข้าสู่แดนขยายตัวแล้ว แต่ในทางกลับกัน ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ (New Orders Index) กลับลดลงเหลือ 46.4

และที่สำคัญคือดัชนีการจ้างงาน (Employment Index) ก็ลดลงสู่ระดับ 45 สะท้อนว่าบริษัทต่างๆ ยังคงระมัดระวังในการจ้างงาน แม้ว่าจะมีการผลิตเพิ่มขึ้นก็ตาม Bill Adams จาก Comerica Bank มองว่าราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องอาจทำให้ราคาสินค้าภาคการผลิตกลายเป็นตัวขับเคลื่อนเงินเฟ้อหลักในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 เลยทีเดียว

มองยาวๆ ทองคำยังใช่ “หลุมหลบภัย” ที่ดีที่สุดอยู่ไหม?

ในภาวะที่ตลาดผันผวน นักวิเคราะห์จาก Saxo Bank ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับบทบาทของโลหะมีค่าอย่างทองคำ เงิน และแพลทินัม โดยระบุว่าสินทรัพย์เหล่านี้ยังคงมีบทบาทสำคัญในพอร์ตการลงทุน เหตุผลหลักคือ “พฤติกรรมที่แตกต่างออกไปเมื่อตลาดเกิดวิกฤต”

ทองคำยังคงเป็นมาตรฐานของสินทรัพย์ปลอดภัยที่สินทรัพย์อื่นใช้วัดเทียบ เป็นเครื่องมือรักษามูลค่าความมั่งคั่งมานานหลายศตวรรษ โดยเฉพาะในช่วงที่มีความเสี่ยงเชิงระบบ ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงสะสมทองคำอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นทุนสำรอง ปกป้องค่าเงิน และป้องกันความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์

สำหรับนักลงทุนรายย่อย ทองคำมักจะทำผลงานได้ดีในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่ำหรือติดลบ หรือเมื่อค่าเงินอ่อนค่าลง แต่ต้องไม่ลืมว่าทองคำไม่ใช่สินทรัพย์เพื่อการเติบโต เพราะมันไม่สร้างกระแสเงินสด

Saxo Bank แนะนำว่านักลงทุนอาจพิจารณาจัดสรรพอร์ตลงทุนในโลหะมีค่าประมาณ 2-5% สำหรับพอร์ตแบบระมัดระวัง (เน้นทองคำ) และอาจเพิ่มเป็น 10% สำหรับพอร์ตที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ โดยสรุปแล้ว คุณค่าของโลหะมีค่าเหล่านี้ไม่ได้อยู่ที่การตอบสนองต่อทุกความเคลื่อนไหวของตลาด แต่อยู่ที่การแสดงศักยภาพในยามที่สินทรัพย์อื่นล้มเหลว ซึ่งเป็นบทบาทเฉพาะตัวที่ยังคงทำให้การลงทุนทองคำมีความน่าสนใจอยู่เสมอนั่นเอง

ต่อเนื่องจากบทวิเคราะห์ของวันก่อน ที่เราได้ชี้ให้เห็นว่าราคาทองคำกำลังยืนอยู่บนจุดวัดใจที่สำคัญอย่างเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 (เส้นสีส้ม) นั้น ในวันนี้ภาพก็ได้เฉลยออกมาอย่างชัดเจนแล้ว ราคาทองคำได้แสดงพลังของฝั่งซื้ออย่างเต็มที่

โดยสามารถทะลุผ่านแนวต้านและเส้น EMA 200 ขึ้นไปได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมทั้งเกิดสัญญาณ “Bullish Crossover” ที่เส้น EMA 12 (สีแดง) ตัดผ่านเส้น EMA 26 (สีฟ้า) ขึ้นไป ซึ่งเป็นการยืนยันสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้นตามที่เราคาดการณ์ไว้ โดยราคาได้พุ่งขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่บริเวณ $3,344 ก่อนที่จะมีการย่อตัวลงมาเล็กน้อยเพื่อพักฐาน

เมื่อมองมาที่สถานการณ์ปัจจุบัน จะเห็นว่าภาพรวมได้เปลี่ยนเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นถึงกลางอย่างเต็มตัวแล้ว โดยเส้น EMA 200 ที่เคยเป็นแนวต้านที่แข็งแกร่ง ได้เปลี่ยนบทบาทมาเป็นแนวรับที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ซึ่งอยู่ที่บริเวณประมาณ $3,320-$3,325

การที่ราคาย่อตัวลงมาแต่ยังสามารถประคองตัวอยู่เหนือเส้นนี้ได้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีมาก สะท้อนว่าแรงซื้อยังคงหนาแน่นและพร้อมที่จะพยุงราคาไว้ ขณะที่อินดิเคเตอร์อย่าง RSI แม้จะย่อตัวลงมาจากจุดสูงสุดเล็กน้อย แต่ก็ยังคงเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งเป็นการยืนยันว่าโมเมนตัมของตลาดยังคงอยู่ในฝั่งกระทิง

อย่างไรก็ตาม สัญญาณจาก Stochastic RSI ที่เริ่มหักหัวลงจากเขต Overbought (ซื้อมากเกินไป) ก็เป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่าตลาดอาจเข้าสู่ช่วงของการชะลอตัวหรือพักฐานระยะสั้น เพื่อสะสมกำลังก่อนที่จะเลือกทิศทางต่อไป

สำหรับแนวโน้มในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า ปัจจัยชี้วัดจะอยู่ที่แนวรับสำคัญบริเวณ $3,320 - $3,325 นี้ หากราคาทองคำสามารถย่ำฐานและยืนเหนือระดับดังกล่าวได้อย่างมั่นคง ก็มีโอกาสสูงมากที่จะกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านเดิมที่ $3,344 อีกครั้ง และหากสามารถทะลุผ่านไปได้ เป้าหมายถัดไปที่นักลงทุนจับตาก็คือแนวต้านสำคัญที่ระดับ $3,372

แต่ในทางกลับกัน หากมีแรงเทขายเข้ามาจนราคาทะลุแนวรับ EMA 200 ลงไปได้ ภาพบวกในระยะสั้นก็จะถูกทำลายลง และมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่บริเวณ $3,293 อีกครั้ง อย่างไรก็ดี ด้วยสัญญาณทางเทคนิคโดยรวมในปัจจุบัน ภาพรวมจึงยังคงให้น้ำหนักไปในทิศทางขาขึ้นมากกว่า โดยมีแนวรับสำคัญที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดคือบริเวณเส้น EMA 200 ซึ่งจะเป็นจุดตัดสินทิศทางของราคาทองคำในระยะสั้นนี้

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,325

• $3,293

• $3,256

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,344

• $3,372

• $3,400