วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 11 มิ.ย. 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 11 มิถุนายน 2568 เปิดตลาดมาวันนี้บอกเลยว่าราคาทองคำ XAUUSD ยังคงเกาะติดโซน 3,323 ดอลลาร์ แบบเหนียวแน่นหนึบ หลังจากเมื่อวานแอบมีเสียว ลงไปแตะแถวๆ 3,300 ดอลลาร์เบาๆ แล้วดีดกลับขึ้นมาได้

สาเหตุหลักๆ เลยก็คือตลาดกำลังอยู่ในโหมด “เปิดรับความเสี่ยง” หรือ Risk-on กันอยู่ เพราะมีข่าวแว่วๆ มาว่าการเจรจาระหว่างพี่ใหญ่อเมริกาและจีนดูเหมือนจะไปได้สวย นักลงทุนเลยแฮปปี้ เทขายทองคำไปเข้าตลาดหุ้นกันมันส์มือ ดันให้หุ้นมะกันเขียวปั๊ด

แต่ถึงจะดูชิลล์ๆ ตลาดการเงินโดยรวมก็ยังเรียกว่า “ทรงตัว” ออกอาการเหวี่ยงๆ เพราะทุกคนกำลังตั้งตารอตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ของสหรัฐฯ ที่กำลังจะประกาศออกมา ซึ่งคาดการณ์กันว่าตัวเลขน่าจะพุ่งขึ้นแน่นอน เพราะผลพวงจากกำแพงภาษีสมัยประธานาธิบดี Trump เริ่มส่งผลกระทบถึงค่าครองชีพของชาวอเมริกันเต็มๆ

แล้วและถ้าเงินเฟ้อมาจริง ก็อาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ต้องเล่นบทนิ่งๆ สวยๆ ไปก่อน ไม่ขึ้นไม่ลงดอกเบี้ย คงไว้ที่ 4.25%-4.50% ตามเดิม สถานการณ์แบบนี้แหละที่ทำให้ราคาทองคำยังยึกๆ ยักๆ ไม่เลือกทางซักที เหมือนกำลังรออะไรบางอย่างมาจุดชนวนระเบิด

SocGen เปิดตำรา “พายุที่สมบูรณ์แบบ” รอวันดันราคาทองคำให้พีคสุด!

ถึงราคาทองคำจะดูนิ่งๆ แต่บอกเลยว่าเหล่าขาใหญ่ไม่ได้คิดแบบนั้น ล่าสุด Société Générale หรือ SocGen ธนาคารยักษ์ใหญ่ ออกมาฟันธงเลยว่า นี่มันคือ “พายุที่สมบูรณ์แบบ” (Perfect Storm) กำลังก่อตัวในตลาดทองคำชัดๆ ปัจจัยทุกอย่างกำลังชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า “ขาขึ้น” กำลังจะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่

ทำไมถึงมั่นใจเบอร์นั้น? SocGen เขาชี้ให้เห็น 3 ปัจจัยสุดแกร่งที่พร้อมจะดันราคาทองคำให้พุ่งทะยาน หนึ่งคือ “ความต้องการจากธนาคารกลางทั่วโลก” ที่ตอนนี้หลายประเทศเริ่มเบื่อดอลลาร์ แล้วหันมาตุนทองคำเข้าคลังกันรัวๆ

สองคือ “ความสนใจในกองทุน ETF ทองคำ” ที่แม้เดือนพฤษภาคมจะแผ่วไปบ้าง แต่ในระยะยาวยังไงก็กลับมาปัง เพราะความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและการเมืองโลกที่ร้อนระอุจากสงครามการค้าของ Trump มันยังไม่จบง่ายๆ ระดับความไม่แน่นอนทั่วโลกตอนนี้สูงปรี๊ด ห่างจากช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 2008 แค่ 20% เท่านั้นเอง

และสุดท้ายที่สำคัญสุดๆ คือ “แรงเก็งกำไรจากกองทุนใหญ่” หรือเหล่าเฮดจ์ฟันด์ ที่หลังจากเทขายทำกำไรตอนราคาทองคำพุ่งไปแตะจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 3,500 ดอลลาร์เมื่อเดือนเมษายน ตอนนี้พวกเขากลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้งแล้ว

สัญญาณมันชัดซะขนาดนี้ SocGen เลยมองว่าราคาทองเฉลี่ยทั้งปีน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3,300 ดอลลาร์ และมีโอกาสไต่ระดับไปถึง 4,000 ดอลลาร์ได้เลยทีเดียว

จับตา “Stagflation” ระเบิดเวลาลูกใหม่ เมื่อเศรษฐกิจอาจพัง แต่ทองจะยิ่งปัง

อีกหนึ่งเสียงที่น่าฟังมาจาก Chantelle Schieven จาก Capitalight Research ที่มองว่า แม้ตอนนี้ราคาทองคำอาจจะยังไม่สามารถพุ่งทะลุจุดสูงสุดใหม่ได้ง่ายๆ เพราะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังดูแข็งแกร่งเกินต้าน และเงินเฟ้อก็ยังไม่ได้พุ่งจนน่าเกลียด แต่เดี๋ยวก่อน! 

Chantelle บอกว่านี่เป็นแค่ภาพลวงตา เพราะที่ผ่านมาบริษัทต่างๆ ในอเมริกาสามารถประคองตัวได้จากการใช้สต็อกสินค้าที่กักตุนไว้มหาศาลเพื่อหนีผลกระทบจากสงครามการค้า แต่ตอนนี้สต็อกเหล่านั้นกำลังจะหมดลงแล้ว และนั่นหมายความว่าอีกไม่นานเกินรอ ผู้บริโภคจะได้เจอกับ “ของจริง” หรือก็คือผลกระทบจากกำแพงภาษีแบบเต็มๆ ซึ่งจะทำให้เงินเฟ้อพุ่งกระฉูด 

Chantelle ไม่ได้มองว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่คาดว่าจะเกิดภาวะ “Stagflation” หรือสภาวะที่เศรษฐกิจโตช้ามากๆ หรือไม่โตเลย แต่เงินเฟ้อกลับสูงปรี๊ด ซึ่งสภาวะแบบนี้แหละคือของโปรดของทองคำเลยล่ะ เพราะเมื่อธุรกิจไม่กล้าลงทุนเพราะความไม่แน่นอนของนโยบายการค้า เศรษฐกิจในอีก 2 ปีข้างหน้าก็จะดูไม่จืด และในสภาพแวดล้อมแบบนี้ มันยากมากที่จะเห็นราคาทองคำดิ่งลงแรงๆ

เมื่อพันธบัตรไม่ใช่เซฟโซน... ทองคำคือ “หลุมหลบภัยสุดท้าย” ที่แท้ทรู

แล้วอะไรคือไม้ตายที่จะส่งให้ราคาทองคำกลับไปทดสอบจุดสูงสุดเดิม? Chantelle Schieven บอกว่าที่เด็ดกว่านั้นคือทองคำไม่จำเป็นต้องรอให้ Fed ลดดอกเบี้ยด้วยซ้ำ! แค่ Fed ใช้นโยบายประตูหลังอย่างการขยายงบดุล (QE) หรือการเข้าไปซื้อพันธบัตรระยะยาวเพื่อพยุงตลาด แค่นี้ก็เป็นสัญญาณบวกมหาศาลให้ทองคำแล้ว

ซึ่งตอนนี้สถานการณ์มันกำลังบีบให้ Fed ต้องทำแบบนั้น! เพราะตลาดพันธบัตรกำลังปั่นป่วนอย่างหนัก นักลงทุนเริ่มไม่ไว้ใจหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน และเรียกร้องผลตอบแทน (Yield) ที่สูงขึ้นเพื่อชดเชยความเสี่ยง แต่รัฐบาลเองก็ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยที่สูงเกินไปได้นานหรอก สุดท้ายแล้ว Fed ก็อาจจะต้องกลายเป็น “ผู้ซื้อรายสุดท้าย” เพื่อกดดอกเบี้ยลงมาให้ได้ และในวันที่นักลงทุนเริ่มหนีจากพันธบัตรรัฐบาลซึ่งเคยเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยอันดับหนึ่ง... ที่พึ่งสุดท้ายที่ทุกคนจะวิ่งเข้าหาก็คือ “ทองคำ” นี่แหละ

Chantelle ทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจว่า อย่ามองว่าราคาทองคำตอนนี้แพง เพราะปัจจัยพื้นฐานในตลาดมันเปลี่ยนไปแล้ว การที่ราคาทองจะกลับไปยืนที่ 2,700 ดอลลาร์เหมือนตอนต้นปี 2025 มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นราคาทองคำที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ คือราคาที่จะอยู่กับเราไปอีกนาน และพร้อมจะทะยานขึ้นไปได้ทุกเมื่อ งานนี้ใครมีของก็กอดไว้แน่นๆ ใครยังไม่มีก็ต้องจับตาดูจังหวะกันให้ดีเลย!

หลังจากที่เมื่อวานฝั่งซื้อสามารถตั้งรับและดีดตัวกลับขึ้นมาจากแนวรับสำคัญแถว 3,293 ดอลลาร์ได้สำเร็จ แต่ดูเหมือนว่าพลังจะยังไม่มากพอที่จะส่งให้ราคาทะยานขึ้นไปต่อได้อย่างที่หวังไว้ ตอนนี้ราคายังคงแกว่งตัวอย่างไร้ทิศทาง วิ่งวนอยู่ในกรอบแคบๆ เหมือนกำลังรอเลือกข้างว่าจะไปทางไหนต่อดี ภาพที่เห็นคือการต่อสู้กันระหว่างแรงซื้อที่พยายามจะดันราคาขึ้น กับแรงขายที่คอยกดหัวไว้ไม่ให้ผ่านแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย (EMA) ไปได้ง่ายๆ

เมื่อเจาะลึกลงไปที่เหล่าอินดิเคเตอร์ ก็ยิ่งเห็นภาพของความลังเลชัดเจนขึ้นไปอีก อินดิเคเตอร์ RSI ยังคงลอยตัวอยู่แถวๆ เส้น 50 แบบพอดิบพอดี ไม่ขึ้นไม่ลง เปรียบเสมือนเข็มวัดพลังที่ชี้อยู่ตรงกลาง บ่งบอกว่ายังไม่มีฝั่งไหนที่คุมเกมได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

แต่จุดที่น่าสนใจและต้องจับตาดูเป็นพิเศษเลยก็คือ Stoch RSI ที่ยังคงแช่อยู่ในโซน Overbought (เขตซื้อมากเกินไป) มาสักพักแล้ว นี่คือสัญญาณที่เริ่มฟ้องว่าแรงซื้อที่ดันราคาขึ้นมานั้น “เริ่มออกอาการหมดแรง” หรืออาจจะใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว และมีความเสี่ยงที่จะถูกเทขายทำกำไรออกมาได้ทุกเมื่อ การที่ราคายังไม่ไปไหนไกลทั้งๆ ที่ Stoch RSI ค้างอยู่ข้างบนแบบนี้ เป็นการยืนยันว่าโมเมนตัมฝั่งซื้อนั้นไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่ควรจะเป็น

ดังนั้น ในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้านี้ กลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือการ “รอดูความชัดเจน” ตลาดกำลังสร้างกรอบราคาที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยมีแนวรับสำคัญที่ไม่ควรหลุดคือ 3,293 ดอลลาร์ และมีแนวต้านสำคัญที่ต้องทะลุผ่านไปให้ได้คือ 3,377 ดอลลาร์ ตราบใดที่ราคายังวิ่งวนเวียนอยู่ในกล่องนี้ ความผันผวนก็จะยังคงมีอยู่

สำหรับฝั่งกระทิง การที่จะกลับมาผงาดได้อย่างเต็มภาคภูมินั้น จำเป็นต้องรวบรวมพลังเพื่อดันราคาให้ทะลุแนวต้าน 3,377 ดอลลาร์ขึ้นไปให้ได้สถานเดียว แต่หากทำไม่สำเร็จแล้วราคากลับอ่อนแรงลงมาจนหลุดแนวรับแรกที่ 3,322 ดอลลาร์ ก็จะเป็นสัญญาณอันตรายว่าฝั่งหมีกำลังจะกลับมาทวงพื้นที่คืน

สรุปคือ ตอนนี้เป็นช่วงพักตัวสะสมพลัง ตลาดกำลังรอปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นเพื่อเลือกทิศทาง การรีบร้อนเข้าเทรดในช่วงที่ตลาดยังไม่มีความชัดเจนแบบนี้มีความเสี่ยงสูง ทางที่ดีคือใจนิ่งๆ แล้วรอให้ราคาเบรคทะลุกรอบที่ว่านี้ไปก่อน จะขึ้นหรือจะลง ค่อยหาจังหวะตามไปก็ยังไม่สาย

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,322

• $3,293

• $3,228

  
  

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,372

• $3,410

• $3,439