วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

สถานการณ์ราคาทองคำ XAUUSD ในช่วงเช้าวันจันทร์ เปิดตลาดเอเชียด้วยการยืนเหนือระดับ 4,050 ดอลลาร์ ปัจจัยหนุนสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดในรอบนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงมุมมองของนักลงทุนที่มีต่อทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ

หลังจากที่ John Williams ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ได้ออกมาส่งสัญญาณเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ธนาคารกลางอาจพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายเงินเฟ้อ

ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวเปรียบเสมือนน้ำทิพย์ชโลมใจตลาด ส่งผลให้เครื่องมือ CME FedWatch Tool บ่งชี้ว่าตลาดกำลังให้ราคากับโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้สูงถึงเกือบ 74% ซึ่งกระโดดขึ้นมาจากระดับ 40% ในสัปดาห์ก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ตาม แม้บรรยากาศดูเหมือนจะเป็นใจให้กับฝั่งขาขึ้น แต่ตลาดยังคงมีความกังวลแฝงอยู่จากความเห็นที่แตกแยกของเจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นๆ โดยเฉพาะ Lorie Logan ประธานเฟดสาขาดัลลัส และ Susan Collins ประธานเฟดสาขาบอสตัน ที่ยังคงยืนกรานในจุดยืนสายเหยี่ยว (Hawkish) โดยทั้งคู่มองว่าควรคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมอีกระยะหนึ่ง

ความขัดแย้งทางความคิดในระดับนโยบายนี้ ทำให้การเคลื่อนไหวของราคาทองคำยังคงอยู่ในลักษณะระมัดระวัง โดยนักลงทุนต่างรอคอยความชัดเจนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินทิศทางที่แท้จริงก่อนสิ้นปี

ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งแต่เปราะบาง ปัจจัยกดดันที่นักลงทุนต้องระวัง

แม้ว่าแรงหนุนจากการเก็งกำไรเรื่องดอกเบี้ยจะยังคงมีอยู่ แต่ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดกลับส่งสัญญาณที่ซับซ้อน ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในระยะสั้น

โดย S&P Global ได้รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นประจำเดือนพฤศจิกายน ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 54.8 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในรอบ 4 เดือน โดยได้รับแรงหนุนหลักจากภาคบริการที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งมาอยู่ที่ 55.0

ซึ่ง Chris Williamson หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธุรกิจของ S&P Global Market Intelligence มองว่าตัวเลขนี้สะท้อนถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงมีความยืดหยุ่นสูงและอาจส่งสัญญาณถึงการเติบโตของ GDP ในไตรมาสที่ 4

ในอีกด้านหนึ่ง ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนเผยให้เห็นความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 51 แต่ยังคงต่ำกว่าเดือนตุลาคม

โดย Joanne Hsu ผู้อำนวยการฝ่ายสำรวจผู้บริโภคระบุว่า แม้การคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาวจะลดลงมาอยู่ที่ 3.4% แต่ผู้บริโภคยังคงรู้สึกกดดันจากราคาสินค้าที่ทรงตัวในระดับสูงและรายได้ที่เริ่มชะลอตัว

ความกังวลเรื่องค่าครองชีพนี้สอดคล้องกับรายงานภาคการผลิตที่เริ่มเห็นสัญญาณการสะสมของสินค้าคงคลังที่ขายไม่ออก ซึ่งอาจนำไปสู่การชะลอตัวของการผลิตในอนาคต

หากข้อมูลเศรษฐกิจในวันอังคารนี้ ทั้งดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และยอดค้าปลีก ออกมาดีกว่าคาด อาจทำให้นักลงทุนกลับมากังวลเรื่องเงินเฟ้อ และส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบโดยตรงต่อทองคำ

สินทรัพย์ดิจิทัลเซ ทองคำจึงกลับมาเฉิดฉายในฐานะหลุมหลบภัย

นอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจแล้ว อีกหนึ่งประเด็นที่น่าจับตามองและส่งผลดีต่อ ราคาทองคำ ในช่วงนี้คือการปรับฐานอย่างรุนแรงของตลาดคริปโตเคอร์เรนซี

โดยเฉพาะ Bitcoin ที่ร่วงลงกว่า 10% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลุดระดับแนวรับสำคัญและลงมาซื้อขายใกล้ระดับ 84,000 ดอลลาร์ หลังจากที่เคยพุ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดตลอดกาลเหนือ 126,000 ดอลลาร์

การปรับตัวลงกว่า 30% จากจุดสูงสุดของสินทรัพย์ดิจิทัล ทำให้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินลงทุนกลับเข้ามาสู่สินทรัพย์ปลอดภัยดั้งเดิมอย่างทองคำ

Chris Louney ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ทองคำของ RBC Capital Markets ให้ความเห็นว่าสถานการณ์นี้พิสูจน์ให้เห็นถึงคุณค่าที่แท้จริงของทองคำในการเป็นแหล่งเก็บรักษามูลค่า โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับความผันผวนของสินทรัพย์ดิจิทัล

การที่ทองคำสามารถยืนเหนือระดับแนวรับจิตวิทยาที่ 4,000 ดอลลาร์ได้อย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของตลาดการเงินโลก ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกทางเทคนิคที่สำคัญ 

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก TD Securities เตือนว่าแม้จะมีแรงซื้อจากภาครัฐและธนาคารกลางคอยพยุงราคา แต่หากไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้น แรงซื้อจากนักลงทุนรายย่อยอาจยังไม่เพียงพอที่จะผลักดันให้ราคาพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในทันที

กลยุทธ์การลงทุนและการจับตาตัวเลขสำคัญก่อนวันหยุดยาว

สำหรับสัปดาห์นี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่นักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากตลาดสหรัฐฯ จะมีวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) ซึ่งมักจะทำให้สภาพคล่องในตลาดเบาบางลงในช่วงปลายสัปดาห์

Kathy Lien ผู้อำนวยการของ Proptraderedge.com มองว่าการลงทุนในทองคำช่วงสั้นนี้ค่อนข้างแออัด (Crowded Trade) และข่าวดีใดๆ ทางเศรษฐกิจที่ออกมาอาจกลายเป็นความเสี่ยงที่กดดันราคาได้

โดยเฉพาะตัวเลขยอดค้าปลีกและดัชนี PPI ที่จะประกาศในวันอังคาร หากตัวเลขออกมาบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อยังคงร้อนแรง อาจทำให้ความหวังในการลดดอกเบี้ยของเฟดเลือนรางลง และดึงราคาทองคำให้ร่วงลงทดสอบแนวรับ

ในมุมมองทางเทคนิค Lukman Otunuga นักวิเคราะห์อาวุโสจาก FXTM ประเมินว่า หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาน่าผิดหวัง อาจเป็นแรงส่งให้ทองคำดีดตัวกลับขึ้นไปเหนือ 4,100 ดอลลาร์ได้

แต่ในทางกลับกัน หากตัวเลขออกมาแข็งแกร่ง ราคาอาจหลุดแนวรับสำคัญที่ 4,000 ดอลลาร์ และเปิดทางไปสู่ระดับ 3,970 และ 3,930 ดอลลาร์ตามลำดับ

ดังนั้น นักลงทุนควรติดตามการประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และยอดค้าปลีก (Retail Sales) ในวันอังคารอย่างใกล้ชิด รวมถึงระมัดระวังความผันผวนก่อนที่ตลาดสหรัฐฯ จะปิดทำการในวันพฤหัสบดี ซึ่งอาจมีการเทขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงก่อนวันหยุดยาว

จากสถานการณ์ล่าสุดที่ราคาทองคำยังไม่สามารถยืนเหนือแนวรับระยะสั้นและไหลลงมาซื้อขายอยู่ที่บริเวณ 4,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในขณะนี้

การที่แท่งเทียนราย 4 ชั่วโมงยังคงปิดตัวต่ำลงเรื่อยๆ และอยู่ภายใต้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA ที่ทำหน้าที่เป็นแนวต้านไดนามิก กดดันให้ราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ (Lower Low) บ่งบอกถึงแรงเทขายที่ยังคงครอบงำตลาด และเป็นการบีบให้ราคาทองคำต้องลงไปค้นหาฐานแนวรับถัดไปที่มีความแข็งแกร่งกว่า

เมื่อพิจารณาควบคู่กับเส้น Trendline จากเส้นประสีดำ จะเห็นว่าราคากำลังเคลื่อนตัวเข้าหาจุดบรรจบของกรอบสามเหลี่ยม โดยมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่เส้นค่าเฉลี่ย EMA ระยะยาวเส้นสีส้ม ซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่เป็นแนวรับหลักบริเวณ 4,020 - 4,025 ดอลลาร์

หากราคายังคงร่วงลงต่อ พื้นที่ตรงนี้จะเป็นด่านสุดท้ายก่อนที่ราคาจะลงไปทดสอบแนวรับทางจิตวิทยาที่ 4,000 ดอลลาร์ และแนวรับ Fibonacci 23.6%

สำหรับแนวโน้มในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้านี้ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ราคาทองคำจะแกว่งตัวในลักษณะ Sideway Down เพื่อลงไปทดสอบความแข็งแกร่งของเส้น EMA สีส้มด้านล่าง โดยนักลงทุนควรจับตาดูพฤติกรรมราคาที่บริเวณ 4,050 ดอลลาร์นี้

หากไม่สามารถยืนอยู่ได้ ราคาอาจไหลลงสู่โซน 4,020 ดอลลาร์ แต่หากมีแรงซื้อกลับเข้ามาจนเกิดแท่งเทียนกลับตัว แนวต้านแรกที่ราคาจะต้องกลับไปทดสอบคือบริเวณ 4,057 ดอลลาร์ ซึ่งจากเดิมที่เป็นแนวรับจะเปลี่ยนสถานะกลายเป็นแนวต้าน

ซึ่งหากราคาดีดตัวขึ้นไปชนแนวต้านนี้แล้วไม่ผ่าน ก็จะเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการเปิดสถานะขายเพื่อเล่นรอบขาลงตามแนวโน้มหลักต่อไป

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $4,057

• $4,000

• $3,950

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $4,087

• $4,100

• $4,135