วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 31 ก.ค. 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 31 กรกฏาคม 2568 เมื่อคืนที่ผ่านมา ใครที่ตามติดราคาทองคำอยู่คงจะใจหายใจคว่ำกันน่าดู เพราะตลาดทองคำโลกโดนแรงเทขายอย่างหนัก กดดันให้ราคาร่วงลงไปทำจุดต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ลงไปแตะระดับ 3,268 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนที่จะเด้งกลับมาอยู่บริเวณ 3,287 ดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเช้าวันนี้

สาเหตุหลักที่ทำให้ราคาทองคำโดนกดดันหนักขนาดนี้ มาจากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่งเกินคาดแบบสุดๆ ตัวเลขที่ว่าคือ GDP หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไตรมาสที่ 2 ของปี 2025 ซึ่งขยายตัวถึง 3% ต่อปี ฟื้นตัวอย่างรุนแรงจากไตรมาสแรกที่หดตัวไป 0.5% และที่สำคัญคือมันสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้ที่ 2.4% มากโข

ว่ากันง่ายๆ ก็คือ เศรษฐกิจอเมริกากำลังกลับมาร้อนแรง ซึ่งปัจจัยนี้ส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ในเรื่องนโยบายดอกเบี้ย พอเศรษฐกิจดี เฟดก็ไม่มีความจำเป็นต้องรีบลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งการคงดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงนั้นถือเป็นข่าวร้ายสำหรับทองคำโดยตรง เพราะทำให้นักลงทุนหันไปสนใจสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยมากกว่าทองคำที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบนี้นั่นเอง ประกอบกับดัชนีดอลลาร์สหรัฐก็แข็งค่าขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 2 เดือน ยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้ราคาทองคำซึ่งซื้อขายกันในสกุลเงินดอลลาร์มีราคาแพงขึ้นไปอีกในสายตาของนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น

ล้วงลึกมติเฟด Powell พูดอย่าง แต่ในวงประชุมมีเสียงแตก

มาถึงไฮไลท์สำคัญที่ทุกคนจับตานั่นก็คือผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ซึ่งก็เป็นไปตามคาดครับ คือมีมติ “คงอัตราดอกเบี้ย” ไว้ที่ระดับ 4.25% ถึง 4.50% แต่จุดที่น่าสนใจคือท่าทีของเฟดที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย

ในแถลงการณ์มีการปรับลดมุมมองต่อเศรษฐกิจลง โดยระบุว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 “ชะลอตัวลง” จากเดิมที่เคยใช้คำว่าเติบโตใน “ระดับที่แข็งแกร่ง” เมื่อเดือนมิถุนายน การยอมรับว่าเศรษฐกิจเริ่มแผ่วลงนี่เองที่ทำให้ราคาทองคำยังพอมีแรงทรงตัวอยู่ได้บ้างในช่วงแรก

แต่จุดพีคอยู่ตรงนี้ คือมติการคงดอกเบี้ยในครั้งนี้ “ไม่เป็นเอกฉันท์” มีกรรมการถึง 2 คนคือ Michelle Bowman และ Christopher Waller ที่โหวตสวนมติ โดยเสนอให้ “ลดดอกเบี้ย” ลงด้วยซ้ำ!

นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนว่าภายในคณะกรรมการเฟดเองก็เริ่มมีเสียงแตก ความเห็นไม่ตรงกันแล้ว แม้นักวิเคราะห์อย่าง Michael Brown จาก Pepperstone จะมองว่านี่ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะทั้งสองคนก็แสดงท่าทีสนับสนุนการลดดอกเบี้ยมาตลอด แต่การมีเสียงโหวตสวนอย่างเป็นทางการก็ถือเป็นประเด็นที่ตลาดมองข้ามไม่ได้เลย

อย่างไรก็ตาม ความผันผวนระลอกใหญ่ก็เกิดขึ้นจริงในช่วงที่ประธานเฟด Jerome Powell ออกมาแถลงข่าว เขาไม่ได้ให้สัญญาณชี้นำที่ชัดเจนใดๆ เกี่ยวกับการลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนเลย บอกเพียงแต่ว่าต้องรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆ ที่จะทยอยประกาศออกมาก่อน การพูดแบบแทงกั๊ก ไม่ฟันธงนี่แหละที่ทำให้นักลงทุนผิดหวังและเกิดแรงเทขายระลอกใหญ่ซัดเข้ามาที่ตลาดทองคำ จนราคาร่วงหลุดแนวรับสำคัญที่ 3,300 ดอลลาร์ ลงไปแตะระดับ 3,268 ดอลลาร์เลยทีเดียว

กูรูเสียงแตก! มองไปข้างหน้า อนาคตราคาทองคำ

พอสถานการณ์ออกมาเป็นแบบนี้ บรรดานักวิเคราะห์หรือกูรูในตลาดก็เสียงแตกกันเป็นสองฝั่งทันที ฝั่งหนึ่ง นำโดย Jeffrey Roach จาก LPL Financial และ Chris Zaccarelli จาก Northlight Asset Management มองว่าแม้ Powell จะไม่พูดตรงๆ แต่ก็มีการทิ้งคำใบ้บางอย่างไว้ในงานแถลงข่าวที่บ่งชี้ว่าโอกาสลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนยังมีอยู่สูง พวกเขามองว่าเฟดกำลังปูทางเพื่อที่จะลดดอกเบี้ยหลังช่วงซัมเมอร์นี้ หากข้อมูลเศรษฐกิจในอนาคตออกมาอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์

แต่อีกฝั่งหนึ่งก็มองต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะ Michael Brown ที่เราพูดถึงไปก่อนหน้า เขายังคงเชื่อว่าเฟดจะยังคงท่าทีที่แข็งกร้าวต่อไปอีกสักพัก เนื่องจากตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง และอาจจะมีการลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้ ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนธันวาคมโน่นเลย

ความเห็นที่แตกต่างกันสุดขั้วของเหล่ากูรู สะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนที่สูงมากในตลาดตอนนี้ได้เป็นอย่างดี เครื่องมืออย่าง CME FedWatch Tool ก็แสดงให้เห็นว่า ก่อนการแถลงข่าวของ Powell ตลาดให้โอกาสกว่า 60% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน แต่หลังจากการแถลงจบลง โอกาสนั้นลดฮวบลงมาเหลือเพียง 55.8% ที่จะ “คง” ดอกเบี้ยแทน กลายเป็นว่าตลาดเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจะได้เห็นการลดดอกเบี้ยเร็วๆ นี้หรือไม่ สถานการณ์ของราคาทองคำในตอนนี้จึงเหมือนยืนอยู่บนทางสองแพร่งอย่างแท้จริง

สรุปแล้วนักลงทุนไทยควรจับตาอะไรต่อ?

ปัจจัยที่เข้ามากดดันราคาทองคำอย่างรุนแรงในตอนนี้คือข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งไปลดทอนความคาดหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยของเฟด อย่างไรก็ตาม ภายในเกมนี้ก็ยังมีความซับซ้อนซ่อนอยู่ นั่นคือ “ความเห็นที่ไม่ลงรอยกันของกรรมการเฟด” และ “ท่าทีที่ไม่ชัดเจนของประธานเฟด” ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะยังคงสร้างความผันผวนให้กับราคาทองคำต่อไปอีกสักระยะ

สำหรับนักลงทุนไทย สิ่งที่ต้องจับตาคือข้อมูลเศรษฐกิจตัวเลขอื่นๆ ของสหรัฐฯ ที่จะประกาศออกมาหลังจากนี้ โดยเฉพาะตัวเลขที่เกี่ยวกับการจ้างงานและเงินเฟ้อ จะกลายเป็นตัวแปรสำคัญอย่างยิ่งที่จะชี้นำการตัดสินใจของเฟดในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนกันยายน ดังนั้นช่วงนี้อาจจะต้องเทรดด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะตลาดมีความอ่อนไหวต่อข่าวสารต่างๆ สูงมาก 

ต้องบอกว่าเมื่อคืนราคาทองคำหลุดทะลุทุกแนวรับ จากที่เราได้จับตาสมรภูมิตัดสินที่โซนแนวต้านสำคัญ $3,338 ผลปรากฏออกมาอย่างที่ได้คาดการณ์ไว้ในสถานการณ์แรก คือแรงซื้อไม่สามารถทะลวงผ่านแนวต้านดังกล่าวไปได้ เจอแรงขายที่เหนือกว่ากดดันลงมาอย่างหนัก จนเกิดเป็นรูปแบบแท่งเทียน Bearish Reversal Pattern ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าการรีบาวด์ได้สิ้นสุดลงแล้ว และทิศทางหลักที่เป็นขาลงได้กลับเข้ามาควบคุมตลาดอีกครั้ง

การที่ราคาร่วงหลุดแนวรับจิตวิทยาที่ $3,300 ลงมาเคลื่อนไหวอยู่ที่ $3,290 ในปัจจุบัน ถือเป็นการยืนยันภาพดังกล่าวให้ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก หากเรามองไปที่อินดิเคเตอร์อย่าง RSI จะเห็นว่าได้หักหัวลงหลังจากที่ไม่สามารถผ่านเส้น 50 ขึ้นไปได้ ซึ่งบ่งชี้ถึงการสูญเสียโมเมนตัมของฝั่งซื้อ และเป็นการยืนยันว่าแรงขายได้กลับมาคุมเกมส์อีกครั้ง

สำหรับแนวโน้มของราคาทองคำในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาพทางเทคนิคที่ปรากฏขึ้นได้ให้น้ำหนักไปในทิศทางของการปรับตัวลงต่อค่อนข้างชัดเจน เป้าหมายถัดไปที่แรงขายจะพยายามผลักราคาลงไปทดสอบก็คือฐานแนวรับเดิมที่บริเวณ $3,270 ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดที่ทำไว้ในการทิ้งตัวลงมารอบล่าสุด หากแนวรับนี้ไม่สามารถหยุดแรงขายไว้ได้ ก็เป็นการเปิดทางให้ราคามีโอกาสปรับตัวลงไปหาโซนแนวรับถัดไปที่บริเวณ $3,250 ได้

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรจับตาดูพฤติกรรมของราคาที่โซนแนวรับ $3,270 อย่างใกล้ชิด หากมีสัญญาณการกลับตัวของแท่งเทียนหรือแรงซื้อเริ่มกลับเข้ามาในบริเวณนั้น ก็อาจจะเกิดการรีบาวด์ระยะสั้นขึ้นได้อีกครั้ง แต่ตราบใดที่ราคายังไม่สามารถกลับไปยืนเหนือ $3,315-$3,320 ได้ ภาพรวมในระยะสั้นก็จะยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันของฝั่งขายต่อไป

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,270

• $3,250

• $3,227

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,293

• $3,310

• $3,325