วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

ตลาดทองคำกลับมาคึกคักและส่งสัญญาณบวกที่แข็งแกร่งอีกครั้ง ด้วยการดีดตัวกลับขึ้นมายืนเหนือระดับจิตวิทยาที่ 4,100 ดอลลาร์ได้อย่างมั่นคง สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เริ่มกลับมาให้น้ำหนักกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

โดยเครื่องมือ CME FedWatch Tool ชี้ว่าตลาดให้โอกาสสูงถึง 84% ที่เฟดจะตัดสินใจลดดอกเบี้ย แม้ว่านักเศรษฐศาสตร์บางส่วนจะยังมองว่ายังเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนก็ตาม

ปัจจัยหนุนสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำวิ่งขึ้นรอบนี้ไม่ได้มาจากข่าวดีเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการตอบสนองต่อข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาในลักษณะผสมผสานแต่เอนเอียงไปทางอ่อนแอ ซึ่งกดดันให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง และทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 4.02%

ภาพลวงของเงินเฟ้อและความเปราะบางของผู้บริโภค

ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดในรอบวันคือการประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนกันยายนที่ล่าช้าเนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล (Government Shutdown)

แม้ตัวเลขจะออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์เล็กน้อยที่ 0.3% แต่ตลาดกลับเลือกที่จะมองข้าม โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าเป็น “ข้อมูลเก่า” ที่ไม่ได้สะท้อนสภาวะปัจจุบันอย่างแท้จริง

สิ่งที่ตลาดให้ความสำคัญมากกว่าคือสัญญาณชีพจรเศรษฐกิจที่แท้จริงจากฝั่งผู้บริโภค ซึ่งกำลังส่งสัญญาณเตือนที่ชัดเจน

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤศจิกายนร่วงลงเหลือ 88.7 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้มาก ประกอบกับยอดค้าปลีกเดือนกันยายนที่ขยายตัวเพียง 0.2% ซึ่งต่ำกว่าเป้า สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวอเมริกันกำลังรัดเข็มขัดอย่างหนัก

Naeem Aslam ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Zaye Capital Markets ให้ความเห็นว่า ทองคำกำลังได้รับประโยชน์จากสถานการณ์ที่ดอลลาร์อ่อนแอและวาทกรรมที่ว่า “ดอกเบี้ยสูงค้างนาน” (Higher for longer) ที่กำลังหมดมนต์ขลัง

การที่ตัวเลขเงินเฟ้อ PPI ออกมาในลักษณะนี้ถือเป็นแรงส่งให้ทองคำ เพราะทำให้นักลงทุนคลายกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย และหันกลับมามองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง ท่ามกลางความเสี่ยงที่เศรษฐกิจอาจชะลอตัวเร็วกว่าที่คาด

ภาคอสังหาฯ ฟื้นตัว เรื่องจริงหรือแค่หลอก?

ในขณะที่ภาคการบริโภคดูซบเซา กลับมีตัวเลขเซอร์ไพรส์จากภาคอสังหาริมทรัพย์ เมื่อยอดทำสัญญาขายบ้านรอปิดการขาย (Pending Home Sales) เดือนตุลาคมพุ่งขึ้น 1.9% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะโตเพียง 0.5%

ตัวเลขนี้อาจดูเหมือนเป็นสัญญาณบวกว่าเศรษฐกิจยังไม่ถดถอย แต่เมื่อพิจารณาในรายละเอียดจะพบว่า ภาพรวมรายปียังคงติดลบ และความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้านยังคงเปราะบาง การฟื้นตัวนี้อาจเป็นเพียงแรงซื้อชั่วคราวจากความคาดหวังว่าดอกเบี้ยได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว

นอกจากนี้ รายงานการจ้างงานภาคเอกชนที่ระบุว่ามีการลดคนงานเฉลี่ย 13,500 ตำแหน่งต่อสัปดาห์ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ยังเป็นตัวตอกย้ำว่าภาคธุรกิจเริ่มได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้นอย่างจริงจัง

ซึ่งตามทฤษฎีแล้ว เมื่อตลาดแรงงานเริ่มมีรอยร้าว และภาคบริการในบางเขตเริ่มหดตัว ความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจะเพิ่มสูงขึ้นทันที เพราะนักลงทุนจะเริ่มมองหาหลุมหลบภัยเพื่อรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในช่วงรอยต่อของปี 2025-2026

มุมมองระยะยาว เมื่อธนาคารกลางยังคงเป็นผู้เล่นหลัก

แม้ในระยะสั้นราคาทองคำอาจมีความผันผวนจากการเก็งกำไรตัวเลขเศรษฐกิจรายวัน แต่ในภาพใหญ่ โครงสร้างของตลาดทองคำกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ

Rodolphe Bohn นักกลยุทธ์จาก HSBC ชี้ให้เห็นว่า แม้ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 54% ในปีนี้ แต่แนวโน้มขาขึ้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

เหตุผลหลักไม่ได้มาจากการเก็งกำไรของรายย่อยเพียงอย่างเดียว แต่มาจากความต้องการเชิงโครงสร้างของธนาคารกลางทั่วโลก ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงออกจากดอลลาร์สหรัฐฯ

สถิติชี้ว่าสัดส่วนทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นจาก 13% ในปี 2022 มาอยู่ที่ 22% ในไตรมาส 2 ของปี 2025

มุมมองจาก HSBC ย้ำว่า ตราบใดที่ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และปัญหาการคลังของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ ธนาคารกลางจะยังคงเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่ช่วยพยุงราคาไม่ให้ร่วงลงแรง

การที่ราคาทองคำปรับฐานลงมาจากจุดสูงสุดที่ 4,380 ดอลลาร์ เหลือ 3,885 ดอลลาร์ ก่อนจะดีดกลับขึ้นมาเหนือ 4,100 ดอลลาร์ในปัจจุบัน เป็นเพียงการพักฐานเพื่อสะสมกำลัง

การถือครองทองคำในเวลานี้จึงไม่ใช่เพียงเพื่อการเก็งกำไรระยะสั้น แต่เป็นการถือครองเพื่อเป็นหลักประกันความมั่งคั่ง ในยุคที่ค่าเงินสกุลหลักมีความผันผวนสูง และนโยบายการเงินโลกกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้ง

สถานการณ์ราคาทองคำล่าสุดได้พลิกกลับจากมุมมองเชิงลบในวันก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง โดยกราฟราย 4 ชั่วโมงแสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่กลับเข้ามาอย่างมหาศาล ผลักดันราคาให้ดีดตัวขึ้นจากโซนแนวรับเส้น Trendline สีดำและเส้นค่าเฉลี่ย EMA สีส้มบริเวณ 4,020 ดอลลาร์ ได้อย่างแข็งแกร่ง จนสามารถทะลุผ่านด่านแนวต้านต่างๆ ขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง

 ล่าสุดราคาได้พุ่งขึ้นมายืนเหนือระดับนัยสำคัญที่ 4,100 ดอลลาร์ และกำลังเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 4,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งถือเป็นการทำลายโครงสร้างขาลงระยะสั้น (Breakout) อย่างสมบูรณ์

การที่แท่งเทียนสามารถปิดตัวยืนเหนือกลุ่มเส้นค่าเฉลี่ย EMA ระยะสั้นได้และเรียงตัวยก High ยก Low ขึ้นมา เป็นสัญญาณยืนยันถึงโมเมนตัมฝั่งขาขึ้นที่กลับมาได้เปรียบตลาดอีกครั้ง

โดยในขณะนี้ราคากำลังทดสอบด่านแนวต้านทางจิตวิทยาและแนวต้านตามระดับ Fibonacci Retracement 50.0% ที่บริเวณ 4,137 - 4,148 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นจุดวัดใจสำคัญว่าแรงซื้อจะมีกำลังมากพอที่จะพาไปต่อทันทีหรือต้องพักตัวก่อน

ด้านอินดิเคเตอร์อย่างสัญญาณ Stochastic ได้พุ่งขึ้นเข้าสู่โซน Overbought (ซื้อมากเกินไป) ซึ่งสะท้อนถึงความร้อนแรงของราคาในช่วงสั้นๆ

อย่างไรก็ตาม การอยู่ในโซน Overbought ของสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มขาขึ้นแข็งแกร่ง ไม่ได้หมายความว่าราคาจะร่วงลงทันที แต่อาจเกิดการพักตัวเล็กน้อยเพื่อสะสมกำลัง

สำหรับแนวโน้มในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้านี้ ประเมินว่าราคาทองคำมีโอกาสสูงที่จะแกว่งตัวในกรอบขาขึ้น โดยมีเป้าหมายหลักถัดไปอยู่ที่แนวต้าน Fibonacci 61.8% บริเวณ 4,195 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นยอด High เดิมที่เคยทำไว้

หากราคาสามารถยืนเหนือ 4,150 ดอลลาร์ได้อย่างมั่นคง จะเป็นแรงส่งให้ขึ้นไปทดสอบโซนดังกล่าวได้ไม่ยาก แต่หากมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา นักลงทุนควรจับตาดูแนวรับสำคัญที่บริเวณ 4,135 ดอลลาร์

หากราคาย่อตัวลงมาทดสอบบริเวณนี้แล้วไม่หลุด จะถือเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าสะสมสถานะซื้อเพื่อลุ้นการปรับตัวขึ้นต่อ

แต่หากหลุดโซนนี้ลงมา แนวรับถัดไปที่น่าสนใจจะอยู่ที่เส้น Fibonacci 38.2% บริเวณ 4,087 ดอลลาร์

สรุปภาพรวมระยะสั้น ฝั่งกระทิงกลับมาคุมเกม และการย่อตัวคือโอกาสในการเข้าซื้อตามแนวโน้มหลัก

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $4,112

• $4,087

• $4,057

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $4,135

• $4,175

• $4,195