วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 17 พฤศจิกายน 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

ราคาทองคำ XAUUSD ในตลาดโลกกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งในช่วงเช้าของตลาดเอเชีย โดยขยับขึ้นมาเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 4,100 ดอลลาร์ หลังจากที่ร่วงลงอย่างรุนแรงเมื่อวันศุกร์ อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของตลาดกำลังถูกตรึงไว้ด้วยปัจจัยใหญ่สองอย่างที่ขัดแย้งกันอย่างชัดเจน นั่นคือ ผลกระทบหลังการยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ และท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่แข็งกร้าวมากขึ้น

ทองคำฟื้นตัว ท่ามกลางสุญญากาศข้อมูลเศรษฐกิจ

การที่รัฐบาลสหรัฐฯ กลับมาเปิดทำการอีกครั้ง หลังจากประธานาธิบดี Donald Trump ได้ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นการสิ้นสุดการปิดหน่วยงานรัฐบาลที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 43 วัน

แม้ข่าวนี้จะช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น ซึ่งส่งผลลบต่อสินทรัพย์หลบภัยอย่างทองคำ แต่ผลกระทบที่แท้จริงกำลังจะตามมา

นักลงทุนกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างสูง เกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่ล่าช้าออกไปนานนับเดือน

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า เมื่อข้อมูลเหล่านี้ โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่ถูกทยอยประกาศออกมา จะสะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอและการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็จะสร้างแรงกดดันอย่างหนักต่อค่าเงินดอลลาร์ และเป็นปัจจัยบวกโดยตรงต่อราคาทองคำในฐานะสินค้าโภคภัณฑ์ที่ซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์

นอกจากนี้ ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย มักจะทำผลงานได้ดีในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนและภาวะดอกเบี้ยต่ำ

เสียงเหยี่ยวจาก Fed กดดันตลาด ความหวังลดดอกเบี้ยเดือนธันวาฯ ริบหรี่

แม้จะมีปัจจัยบวกจากความไม่แน่นอนของข้อมูลเศรษฐกิจ แต่การที่ราคาทองคำยังไม่สามารถพุ่งขึ้นไปได้ไกลนัก มีแรงกดดันหลักมาจากท่าทีของเจ้าหน้าที่ Fed หลายคนที่ส่งสัญญาณเชิงเหยี่ยว(Hawkish) อย่างต่อเนื่อง จนทำให้นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่า Fed จะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้

ข้อมูลจาก CME FedWatch Tool สะท้อนภาพนี้ได้ชัดเจน โดยโอกาสที่ตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนธันวาคม ลดลงเหลือเพียง 54% จากที่เคยสูงถึง 62.9% ในช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้ว

Lorie Logan ประธาน Fed สาขาดัลลัส เป็นหนึ่งในผู้ที่ส่งสัญญาณชัดเจนว่าต่อต้านการลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมนี้

หลังจากที่เธอเคยต่อต้านการลดดอกเบี้ยในเดือนตุลาคมมาแล้ว โดยให้เหตุผลว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงสูงเกินไป มีแนวโน้มสูงขึ้น และใช้เวลานานเกินไปกว่าจะกลับสู่เป้าหมาย 2% ของ Fed

Logan กล่าวว่าตราบใดที่เธอยังไม่เห็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่า Fed กำลังมุ่งหน้ากลับไปสู่เป้าหมาย 2% เธอยังคงคิดว่านโยบายที่เข้มงวดปานกลางยังคงเหมาะสม

เช่นเดียวกับ Jeffery Schmid ประธาน Fed สาขาแคนซัสซิตี ที่กล่าวว่านโยบายการเงินควรจะเอนเอียงไปในทางต่อต้านการเติบโตของอุปสงค์ และนโยบายปัจจุบันที่เข้มงวดปานกลาง ถือว่าเหมาะสมแล้ว ซึ่งท่าทีที่แข็งกร้าวเหล่านี้กำลังจำกัดการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำอย่างมีนัยสำคัญ

จับตาแนวรับสำคัญ $4,000 ตลาดมองอย่างไรในระยะสั้นและยาว

ในเชิงเทคนิค นักวิเคราะห์มองว่าตลาดทองคำกำลังพยายามสร้างฐานแนวรับใหม่ที่แข็งแกร่งเหนือระดับจิตวิทยา 4,000 ดอลลาร์

แต่การที่ราคาทะลุผ่านแนวต้าน 4,200 ดอลลาร์ไปไม่สำเร็จ อาจหมายความว่าตลาดจำเป็นต้องใช้เวลาในการสะสมกำลังอีกระยะหนึ่ง ก่อนที่จะมีแรงส่งมากพอที่จะกลับไปทดสอบจุดสูงสุดตลอดกาลที่ทำไว้เมื่อเดือนที่แล้ว

มุมมองของตลาดในขณะนี้แบ่งออกเป็นสองฝ่าย Neil Welsh หัวหน้าฝ่ายโลหะมีค่าจาก Britannia Global Markets ชี้ว่า โมเมนตัมของทองคำกำลังถูกทดสอบอย่างหนัก

การที่ราคาร่วงลงกว่า 3% ในวันเดียว สะท้อนให้เห็นว่าความเชื่อมั่นในระยะสั้นขึ้นอยู่กับสัญญาณนโยบายของธนาคารกลางมากเพียงใด

อย่างไรก็ตาม เขาย้ำว่าปัจจัยพื้นฐานเชิงโครงสร้างในระยะยาวยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์, แรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลก และการกระจายความเสี่ยง

ในขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนมองถึงความเสี่ยงในระยะสั้น โดยเตือนว่าหากแนวรับ 4,000 ดอลลาร์ถูกทำลาย และตามด้วยแนวรับสำคัญถัดไปที่ 3,886 ดอลลาร์ (จุดต่ำสุดปลายเดือนตุลาคม) ก็อาจกระตุ้นให้เกิดแรงเทขาย (Breakout Selling) จนราคาร่วงลงไปถึง 3,748 ดอลลาร์ได้

อย่างไรก็ตาม ยังมีนักวิเคราะห์ฝั่งที่เชื่อมั่นในขาขึ้น Christopher Vecchio จาก Tastylive.com กล่าวว่า เขาจะยังคงซื้อเมื่อย่อตัว (Buy on Dips) โดยมองว่าการขาดข้อมูลเศรษฐกิจในระยะสั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อนโยบายการเงินระยะยาวของ Fed

เช่นเดียวกับ Phillip Streible จาก Blue Line Futures ที่ยังคงแนะนำซื้อเมื่อย่อตัวเช่นกัน โดยให้ความเห็นว่าตราบใดที่ราคาทองคำยังยืนเหนือ 3,900 ดอลลาร์ได้ แนวโน้มขาขึ้นก็ยังคงแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้นักลงทุนยังคงต้องจับตาข้อมูลสำคัญที่จะเริ่มทยอยออกมา ได้แก่ รายงานการประชุม FOMC (Minutes) ที่จะให้รายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับมุมมองของคณะกรรมการ Fed

รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Flash PMI) และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (Jobless Claims) ซึ่งจะเป็นข้อมูลชุดแรกๆ ที่พอจะให้ภาพร่างของสุขภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้

อัปเดตสถานการณ์ล่าสุด ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงตามคาด โดยราคาไม่เพียงแต่หลุดแนวรับแรกที่บริเวณ Fibonacci 50.0% ($4,135) แต่แรงขายยังรุนแรงต่อเนื่องจนกดดันให้ราคาหลุดแนวรับสำคัญที่เป็นเส้น Trend Line ขาขึ้นหลัก และทะลุระดับ Fibonacci 38.20% ($4,087) ลงมา

อย่างไรก็ตาม การร่วงลงไม่ได้ดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อราคาลงมาบริเวณ Trend Line ก็ปรากฏแรงซื้อขนาดใหญ่เข้ามาพยุงราคาไว้อย่างชัดเจน สะท้อนผ่านการเกิดไส้เทียนด้านล่าง ทำให้ราคาสามารถดีดตัวกลับขึ้นมายืนใกล้ระดับ 4,100 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง

สัญญาณทางเทคนิคที่น่าสนใจที่สุดในขณะนี้ มาจาก Momentum อย่าง Stochastic RSI ที่เราได้จับตาดูมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้ดิ่งลงสู่เขต Oversold หรือภาวะขายมากเกินไป (ระดับต่ำกว่า 20) 

และที่สำคัญคือ ในบริเวณที่วงกลมไว้ในภาพ จะเห็นว่าเส้นสัญญาณ %K (สีฟ้า) ได้ตัดเส้น %D (สีส้ม) ขึ้นมา ซึ่งนี่คือสัญญาณ Bullish Crossover ในเขต Oversold ถือเป็นสัญญาณการกลับตัวทางเทคนิคในระยะสั้นที่ค่อนข้างมีนัยสำคัญ

สำหรับการคาดการณ์ แนวโน้มราคาทองคำ ในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า จากสัญญาณ Oversold Crossover ที่เกิดขึ้น ประเมินว่าราคามีโอกาสสูงที่จะพยายามดีดตัวกลับขึ้นไป โดยมีด่านทดสอบแรกคือการกลับไปยืนเหนือเส้น Trend Line ที่เพิ่งหลุดลงมา ซึ่งขณะนี้ได้เปลี่ยนบทบาทจากแนวรับกลายเป็นแนวต้านไปแล้ว

หากแรงซื้อแข็งแกร่งพอและสามารถทะลุผ่านไปได้ เป้าหมายถัดไปคือการกลับไปทดสอบโซนแนวต้านที่ $4,135

แต่ในทางกลับกัน หากการดีดตัวครั้งนี้เป็นเพียงการรีบาวด์ระยะสั้นและไม่สามารถผ่านแนวต้านเส้น Trend Line ไปได้ ราคาก็อาจถูกกดดันให้ย่อตัวกลับลงมาทดสอบแนวรับที่จุดต่ำสุดล่าสุดบริเวณ $4,057 อีกครั้ง

หากแนวรับนี้ยังรับไม่อยู่ เป้าหมายถัดไปจะอยู่ที่แนวรับจิตวิทยาสำคัญบริเวณ $4,000 ซึ่งมีเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว (EMA 200) ประคองอยู่

ดังนั้น กลยุทธ์ในตอนนี้ สัญญาณที่เกิดขึ้นอาจเป็นจังหวะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในการเทรดเก็งกำไรระยะสั้นเพื่อลุ้นการดีดตัว แต่สำหรับนักลงทุนที่เน้นความปลอดภัย การรอให้ราคากลับมายืนเหนือเส้น Trend Line และแนว $4,087 ได้อย่างมั่นคงก่อน จะเป็นสัญญาณยืนยันการกลับตัวที่ชัดเจนกว่า

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $4,087

• $4,057

• $4,000

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $4,135

• $4,195

• $4,250