วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

ราคาทองคำ XAU/USD เปิดตลาดเช้าวันศุกร์ด้วยการยืนเหนือระดับ 3,990 ดอลลาร์ ได้อย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยคู่ขนาน ทั้งการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่กลับเข้ามาในตลาดอีกครั้ง ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองภายในของสหรัฐฯ ที่ยังคงไร้ทางออก

สถานการณ์ราคาทองคำในขณะนี้กำลังสะท้อนภาพการต่อสู้กันอย่างดุเดือด ระหว่างความคาดหวังของตลาด กับความจริงจังของ Fed ในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ

Shutdown และภาษี ปัจจัยหนุนชั้นดีของสินทรัพย์ปลอดภัย

ปัจจัยแรกที่หนุนราคาทองคำไว้ได้ คือแรงซื้อในฐานะหลุมหลบภัย ท่ามกลางความวุ่นวายทางการเมืองและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

ประเด็นหลักคือการปิดหน่วยงานภาครัฐ (US Government Shutdown) ที่ลากยาวเข้าสู่สัปดาห์ที่หกแล้ว และยังไม่มีวี่แววว่าจะตกลงกันได้ โดยล่าสุด วุฒิสภาปฏิเสธที่จะลงมติในร่างกฎหมายเปิดทำการรัฐบาลที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว ซึ่งนับเป็นการล้มเหลวครั้งที่ 14 สะท้อนถึงภาวะทางตันทางการเมืองอย่างแท้จริง

Peter Grant จากของ Zaner Metals ให้ความเห็นว่า เรากำลังเห็นการกลับมาของแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ไม่เพียงแต่เรื่อง Shutdown เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความถูกต้องตามกฎหมายของนโยบายภาษีศุลกากรของอดีตประธานาธิบดี Donald Trump ที่กำลังถูกพิจารณาในศาลฎีกา

ความไม่แน่นอนสองประสานนี้ ส่งผลให้นักลงทุนต้องหันกลับมาถือครองทองคำ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

สัญญาณอันตรายจากตลาดแรงงาน ปัจจัยเปราะบางที่ Fed ต้องพิจารณา

อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำอย่างมีนัยสำคัญ คือข้อมูลตลาดแรงงานที่อ่อนแอ

รายงานจาก Challenger ล่าสุด เผยให้เห็นว่าบริษัทต่าง ๆ ในสหรัฐฯ ได้ปรับลดตำแหน่งงานในเดือนตุลาคมไปกว่า 150,000 ตำแหน่ง ซึ่งนับเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเดือนตุลาคมในรอบกว่า 20 ปี

ตัวเลขนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วตลาด และกระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์ว่า Fed อาจจำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ เพื่อพยุงเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่ Fed บางคนจะยังไม่ปักใจเชื่อในสัญญาณนี้

Beth Hammack ประธาน Fed สาขาคลีฟแลนด์ (ซึ่งไม่มีสิทธิ์โหวตในปีนี้) กล่าวว่า แม้เธอจะมองว่าเงินเฟ้อยังคงสูงเกินไป แต่เธอไม่คิดว่าธนาคารกลางจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยในตอนนี้

แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็ย้ำว่าต้องการให้ Fed คงนโยบายการเงินในฝั่งที่คุมเข้มต่อไป เธอยอมรับว่าตลาดแรงงานมีสัญญาณอ่อนตัวลง แต่ก็ตั้งข้อสังเกตว่า ตัวเลขการจ้างงานอาจไม่ได้สะท้อนภาพที่แท้จริง แต่อาจเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของการไหลเข้าของแรงงานย้ายถิ่นฐาน (Immigration flows)

ซึ่งนี่คือจุดที่ Fed กำลังพยายามหาความสมดุลที่ยากลำบาก ระหว่างการคุมเงินเฟ้อกับการรักษาเสถียรภาพการจ้างงาน

เสียงแตกใน Fed ความเห็นที่จะกำหนดทิศทางตลาด

ประเด็นที่นักลงทุนต้องจับตาอย่างใกล้ชิดที่สุดในช่วงนี้ คือการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ Fed หลายคน ซึ่งกำลังสะท้อนความเห็นที่ไม่ตรงกันภายในคณะกรรมการอย่างชัดเจน

Stephen Miran ผู้ว่าการ Fed กลับมีมุมมองที่แตกต่างจาก Beth Hammack โดยเขาคาดว่า Fed จะลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม เว้นแต่จะมีเรื่องน่าประหลาดใจ เขายังให้ข้อสังเกตที่น่าสนใจว่า การกระจายตัวของคะแนนโหวตบนโต๊ะประชุม แตกต่างจากการกระจายตัวของมุมมอง

ซึ่งหมายความว่า แม้จะมีเสียงเหยี่ยวที่ดัง แต่เสียงส่วนใหญ่ที่มีสิทธิ์โหวตอาจจะเทไปทางสายพิราบ (Dovish)

ขณะที่ John Williams ประธาน Fed สาขานิวยอร์ก ไม่ได้แสดงความเห็นเรื่องทิศทางดอกเบี้ยโดยตรง แต่เน้นย้ำถึงความเป็นอิสระของธนาคารกลางว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด เพื่อให้ Fed สามารถตัดสินใจที่ยากลำบากและไม่เป็นที่นิยมในระยะสั้น เพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคาได้

ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณกลาย ๆ ว่า Fed พร้อมที่จะทำในสิ่งที่จำเป็น แม้ว่าตลาดจะไม่ชอบก็ตาม

ฟองสบู่ หรือ การเริ่มต้นใหม่ มุมมองนักเศรษฐศาสตร์ต่ออนาคตทองคำ

ราคาทองคำ ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม จนทำสถิติสูงสุดใหม่เหนือ 4,360 ดอลลาร์ ก่อนจะย่อตัวลงมา ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า นี่คือ “ฟองสบู่” หรือไม่?

Jim O'Neill อดีตรัฐมนตรีคลังของอังกฤษ และอดีตประธานของ Goldman Sachs Asset Management ผู้ที่บัญญัติศัพท์คำว่า BRICS ได้ให้ทัศนะที่น่าสนใจผ่าน Project Syndicate ว่า เขาสามารถมองได้ทั้งในแง่บวกและแง่ลบต่อทองคำ

ในแง่ลบ O'Neill มองว่าการทะยานขึ้นของราคาในช่วงที่ผ่านมา มีลักษณะคล้ายฟองสบู่ ที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ FOMO หรือการกลัวตกรถ โดยเฉพาะจากนักลงทุนรายย่อย

เขาตั้งข้อสังเกตว่า แม้ทองคำมักถูกมองเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ แต่ในปัจจุบัน เงินเฟ้อแม้จะยังสูง แต่ก็ไม่ได้เร่งตัวขึ้นอย่างรุนแรง จึงอาจไม่เพียงพอที่จะเป็นเหตุผลให้ราคาทะยานไปไกลขนาดนั้น

อย่างไรก็ตาม ในแง่บวก ซึ่งเป็นมุมมองที่น่าสนใจอย่างยิ่ง O'Neill ชี้ว่า ทองคำได้กลายเป็นสินทรัพย์ทางเลือกในฐานะสกุลเงินที่น่าดึงดูดใจมากขึ้น ในขณะที่หลายประเทศพยายามกระจายความเสี่ยงออกจากเงินดอลลาร์สหรัฐ

เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าทำไมผู้ถือครองเงินทุนสำรองระหว่างประเทศรายใหญ่ โดยเฉพาะจีนและรัสเซีย จึงตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่จะจัดสรรมายังทองคำมากขึ้น และยังสนับสนุนให้สมาชิกกลุ่ม BRICS อื่น ๆ ทำเช่นเดียวกัน

ท้ายที่สุด O'Neill สรุปว่า ปัจจัยชี้ขาดอนาคตของราคาทองคำยังคงผูกอยู่กับเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย

หากตลาดเชื่อว่าธนาคารกลางต่าง ๆ จะผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น แม้ว่าเงินเฟ้อพื้นฐานจะไม่ดีขึ้นก็ตาม การที่ราคาทองคำจะแข็งแกร่งขึ้นก็สอดคล้องกับรูปแบบในอดีต

บทสรุปในขณะนี้คือราคาทองคำกำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญ ตลาดได้เดิมพันไปแล้วว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อ่อนแอพอที่จะทำให้ Fed ต้องลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม

โดยเครื่องมือ CME FedWatch Tool ชี้ว่ามีโอกาสถึง 71% แต่ทว่า Fed เองก็กำลังส่งเสียงเตือนว่า ภารกิจควบคุมเงินเฟ้อยังไม่จบสิ้น และพวกเขาก็ยังไม่มั่นใจในทิศทางของตลาดแรงงานเท่าใดนัก

นักลงทุนจึงจำเป็นต้องติดตามข้อมูลเศรษฐกิจและการสื่อสารจาก Fed อย่างใกล้ชิด เพราะการต่อสู้ทางความคิดครั้งนี้ จะเป็นตัวกำหนดทิศทางราคาทองคำในระยะต่อไปอย่างแท้จริง

สถานการณ์ทางเทคนิคของราคาทองคำในไทม์เฟรม 4 ชั่วโมง ได้เปลี่ยนแปลงไปจากที่ประเมินไว้ในวันก่อนอย่างมีนัยสำคัญ

จากภาพกราฟล่าสุด จะเห็นว่าแนวรับสำคัญบริเวณ 3,950 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดที่เส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว EMA 200 (เส้นสีส้ม) วางตัวอยู่ ได้ทำหน้าที่เป็นแนวรับแรงขายไว้ได้อย่างอยู่หมัด 

แทนที่ราคาจะร่วงลงไปหาเป้าหมายที่ 3,903 ดอลลาร์ ตามที่คาดการณ์ไว้ กลับมีแรงซื้อหนาแน่นผลักดันให้ราคาดีดตัวกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็วและรุนแรง

ณ ปัจจุบัน ราคาทองคำ ได้พุ่งขึ้นมาเคลื่อนไหวเหนือระดับ 4,000 ดอลลาร์ นอกจากนี้ ราคายังกำลังพยายามที่จะทะลุแนวต้านของกรอบ Channel ขาลง ที่กดดันราคามาโดยตลอด ซึ่งหากทำได้สำเร็จ จะถือเป็นสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจนในระยะสั้น

สัญญาณบวกนี้ได้รับการยืนยันจากอินดิเคเตอร์อย่างชัดเจน ดัชนี RSI ได้ดีดตัวข้ามผ่านระดับ 50 ขึ้นมาได้สำเร็จ สะท้อนว่าโมเมนตัมได้เปลี่ยนจากฝั่งขายมาเป็นฝั่งซื้อ

ขณะที่ Stochastic RSI ก็ได้ทะยานขึ้นจากเขต Oversold (ขายมากเกินไป) จนเข้าสู่เขต Overbought (ซื้อมากเกินไป) ที่บริเวณ 80 ซึ่งแม้จะชี้ว่าราคามีความร้อนแรงในระยะสั้นและอาจมีการย่อตัวเล็กน้อย แต่ในอีกนัยหนึ่งก็เป็นการยืนยันถึงความแข็งแกร่งของแรงซื้อในรอบนี้

สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาพได้เปลี่ยนเป็นบวกในระยะสั้น หากราคาสามารถยืนเหนือแนวต้าน 4,000 ดอลลาร์ และทะลุขอบบนของ Channel ขาลง ได้อย่างมั่นคง เป้าหมายถัดไปคือการมุ่งหน้าไปทดสอบแนวต้านที่ 4,057 ดอลลาร์ และ 4,087 ดอลลาร์ ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม หากการทะลุผ่านครั้งนี้เป็นเพียง False Break และราคาไม่สามารถยืนเหนือ 4,000 ดอลลาร์ ได้ แนวรับที่เพิ่งทะลุขึ้นมาบริเวณ 3,980 ดอลลาร์ (กลุ่มเส้น EMA) และแนวรับหลัก 3,950 ดอลลาร์ (เส้น EMA 200) จะกลายเป็นจุดวัดใจแรกที่สำคัญอีกครั้ง

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,950

• $3,900

• $3,885

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $4,000

• $4,050

• $4,080