​วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 4 พฤศจิกายน 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

ราคาทองคำ XAUUSD เปิดตลาดเช้าวันอังคารด้วยแรงกดดัน โดยปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าระดับ 4,000 ดอลลาร์เล็กน้อย ท่ามกลางความสับสนของนักลงทุนที่ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกับท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่ไม่ชัดเจน

สถานการณ์ที่น่าสนใจคือ การย่อตัวของราคาทองคำในครั้งนี้เกิดขึ้นแม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดจะออกมาสนับสนุนทิศทางขาขึ้นก็ตาม

โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สถาบันจัดการอุปทาน (ISM) รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคม ลดลงสู่ระดับ 48.7 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 49.5 และลดลงจากเดือนกันยายนที่ 49.1 ตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัวในภาคการผลิต

ซึ่งโดยปกติแล้ว ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอเช่นนี้ควรจะส่งผลดีต่อราคาทองคำ เนื่องจากมันจะเพิ่มแรงกดดันให้ Fed ต้องพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต และยังอาจกดดันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐให้อ่อนค่าลง

อย่างไรก็ตาม ตลาดกลับเลือกที่จะให้น้ำหนักกับการส่งสัญญาณที่ไม่แน่นอนจาก Fed มากกว่า โดยนักเทรดเริ่มลดการคาดการณ์เกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีนี้ หลังจากคำแถลงของประธาน Fed อย่าง Jerome Powell ที่แม้จะมีการลดดอกเบี้ยไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (ครั้งที่สองของปี) แต่ก็ย้ำว่าการลดครั้งต่อไป “ยังไม่ใช่ข้อสรุปที่ตายตัว”

FED เสียงแตก สัญญาณดอกเบี้ยไม่ชัดเจน กดดันราคาทอง

ปัจจัยหลักที่กดดันราคาทองคำในขณะนี้ คือความแตกแยกทางความคิดอย่างรุนแรงภายในคณะกรรมการ Fed เอง

การประชุมครั้งล่าสุดในเดือนตุลาคมที่ตัดสินใจลดดอกเบี้ยลงมาอยู่ในกรอบ 3.75%-4.0% นั้น มีมติ 10-2 เสียง แต่ความน่าสนใจอยู่ที่ 2 เสียงที่คัดค้านนั้น มาจากทั้งสองขั้วความคิด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

Stephen Miran หนึ่งในผู้ว่าการ Fed ได้โหวตค้านโดยต้องการให้ลดดอกเบี้ยถึง 0.50% (แทนที่จะเป็น 0.25%) โดยให้เหตุผลว่าตลาดการเงินที่ดูสดใสอย่างตลาดหุ้น ไม่ได้หมายความว่านโยบายการเงินตึงตัวเพียงพอแล้ว

Miran มองว่าภาคส่วนที่อ่อนไหวต่อดอกเบี้ยเช่นอสังหาริมทรัพย์ยังคงซบเซา และการคงดอกเบี้ยไว้สูงเกินไปจะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะถดถอย

ในทางกลับกัน Jeffrey Schmid ประธาน Fed สาขาแคนซัสซิตี้ กลับโหวตค้านโดยไม่ต้องการให้ลดดอกเบี้ยเลย โดยชี้ว่าสภาวะการเงินยังไม่ตึงตัว และควรให้ความสำคัญกับการควบคุมเงินเฟ้อมากกว่า

ความเห็นที่แตกต่างกันสุดขั้วนี้ถูกตอกย้ำโดย Lisa Cook ผู้ว่าการ Fed ที่กล่าวว่าขณะนี้ Fed กำลังอยู่ในภาวะ “สงครามชักเย่อ” ระหว่างความเสี่ยงด้านตลาดแรงงานที่อาจแย่ลง กับความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะกลับมาสูงขึ้น ทำให้การประชุมในเดือนธันวาคม “ยังคงเปิดกว้าง” สำหรับทุกความเป็นไปได้

ขณะที่ Austan Goolsbee ประธาน Fed สาขาชิคาโก แม้จะสนับสนุนการลดดอกเบี้ยครั้งล่าสุด แต่ก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับทิศทางเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าเป้าหมายและมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นผิดทิศทาง

ความสับสนภายใน Fed นี้ ทำให้นักลงทุนไม่สามารถคาดเดาทิศทางนโยบายที่ชัดเจนได้ แม้ตลาดจะยังคงให้น้ำหนัก 70% ว่าจะมีการลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนธันวาคม แต่ความไม่แน่นอนที่สูงขึ้นนี้ก็เพียงพอที่จะพยุงค่าเงินดอลลาร์และกดดันราคาทองคำในระยะสั้น

UBS สวนกระแส ซื้อทองตอนย่อ ชี้ปัจจัยพื้นฐานแกร่ง เป้า $4,200 - $4,700

ท่ามกลางความผันผวนในระยะสั้น นักวิเคราะห์จากธนาคารยักษ์ใหญ่ UBS กลับมองว่าการย่อตัวของราคาทองคำในปัจจุบันเป็นเพียง “การพักฐานชั่วคราว” และเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ โดย UBS ยืนยันว่าไม่มีเหตุผลพื้นฐานใดๆ ที่จะทำให้ทองคำกลับเป็นขาลง

UBS ระบุว่า แม้โมเมนตัมราคาจะชะลอตัว แต่อุปสงค์ที่แท้จริงยังคงแข็งแกร่งอย่างมาก โดยอ้างอิงรายงาน Gold Demand Trends ไตรมาส 3 จากสภาทองคำโลก (WGC) ที่ยืนยันว่ามีการซื้อที่แข็งแกร่งและเร่งตัวขึ้น ทั้งจากธนาคารกลางทั่วโลกและนักลงทุนรายย่อย

แม้ว่าการซื้อของธนาคารกลางในปี 2025 จะช้ากว่าปีก่อน แต่ก็กำลังเร่งตัวขึ้นในไตรมาสที่ 4 นอกจากนี้ การไหลเข้าของ ETF ที่ 222 ตัน และความต้องการทองคำแท่งและเหรียญที่สูงกว่า 300 ตัน ติดต่อกันสี่ไตรมาส แสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังคงเชื่อมั่นในทองคำ

Sagar Khandelwal นักกลยุทธ์จาก UBS ให้ทัศนะที่น่าสนใจว่า ปัจจัยระยะยาวอย่างอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่กำลังลดลง, ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง, หนี้ภาครัฐที่เพิ่มสูงขึ้น และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ จะเป็นแรงผลักดันให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นไปถึง 4,700 ดอลลาร์ ภายในไตรมาสแรกของปี 2026

โดย UBS ยังคงเป้าหมายพื้นฐานไว้ที่ 4,200 ดอลลาร์ และแนะนำให้นักลงทุนมีทองคำไว้ในพอร์ตโฟลิโอในสัดส่วนระดับกลางเพื่อกระจายความเสี่ยง

จับตาข้อมูลจ้างงาน ADP ชี้ชะตาท่าที FED

โดยสรุป สถานการณ์ราคาทองคำในขณะนี้กำลังถูกบีบอัดระหว่างปัจจัยระยะสั้นและระยะยาว ในระยะสั้น ทองคำกำลังเผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของนโยบาย Fed ซึ่งคณะกรรมการกำลังมีความเห็นแตกแยกอย่างหนัก ทำให้นักลงทุนไม่กล้าเดิมพันทิศทางดอกเบี้ยอย่างเต็มที่ แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจอย่าง PMI ภาคการผลิตจะออกมาอ่อนแอก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว ปัจจัยพื้นฐานยังคงแข็งแกร่งอย่างมาก อุปสงค์จากธนาคารกลางและการลงทุนยังคงหนาแน่น ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคที่เอื้ออำนวยต่อสินทรัพย์ปลอดภัย ทำให้นักวิเคราะห์อย่าง UBS ยังคงแนะนำให้ซื้อเมื่อย่อตัว

สำหรับปัจจัยที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดในสัปดาห์นี้ คือการรายงานข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน (ADP Employment Change) ในวันพุธ ตัวเลขนี้จะกลายเป็นข้อมูลสำคัญชิ้นต่อไปที่จะช่วยให้นักลงทุนประเมินได้ว่า ความคิดของ Fed จะเอียงไปทางสายพิราบ (Doves) ที่กังวลเรื่องเศรษฐกิจ หรือสายเหยี่ยว (Hawks) ที่กังวลเรื่องเงินเฟ้อ

หากตัวเลขการจ้างงานออกมาอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ ก็อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยพยุงราคาทองคำให้กลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง ก่อนการประชุมครั้งสำคัญในเดือนธันวาคม

สถานการณ์ยังคงดำเนินไปตามที่ประเมินไว้ โดยราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านจิตวิทยาที่ 4,000 ดอลลาร์ได้อย่างมั่นคง และถูกแรงกดดันจากสัญญาณ Bearish Crossover ของ Stochastic RSI ที่เกิดขึ้นในเขต Overbought กดดันให้ราคาปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง

จากภาพกราฟราย 4 ชั่วโมงล่าสุด จะเห็นสัญญาณเชิงลบที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยราคาปัจจุบันที่เคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 3,981 ดอลลาร์ แม้เส้น EMA 12 และ 26 จะเริ่มบีบตัวเข้าหากัน แต่หากราคายังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าสองเส้นดังกล่าว ราคาก็ยังคงเป็นขาลงต่อเนื่อง

เมื่อพิจารณาอินดิเคเตอร์ประกอบ จะเห็นว่าดัชนี RSI ได้หักหัวลงและเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 อย่างชัดเจน สะท้อนว่าแรงขายได้เข้ามาควบคุมตลาดและมีโมเมนตัมที่เหนือกว่าแรงซื้อ ขณะที่ Stochastic RSI ยังคงดิ่งหัวลงอย่างรวดเร็วและยังไม่เข้าสู่เขต Oversold นั่นหมายควาว่ายังมีพื้นที่ให้แรงขายสามารถกดดันราคาให้ปรับตัวลดลงไปได้อีก

สำหรับแนวโน้มในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า คาดว่าราคาทองคำจะยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันฝั่งขายสูง จุดที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดที่สุดคือแนวรับสำคัญเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 (เส้นสีส้ม) ซึ่งสอดคล้องกับแนวรับบริเวณ 3,950 ดอลลาร์

ด้วยโมเมนตัมเชิงลบที่ปรากฏในปัจจุบัน มีโอกาสสูงมากที่ราคาจะพยายามลงมาทดสอบแนวรับนี้ และหากราคาไม่สามารถยืนอยู่ได้หรือหลุดแนวรับ 3,950 ดอลลาร์ลงไป เป้าหมายถัดไปที่แรงขายจะมุ่งหน้าไปทดสอบคือแนวรับสำคัญระดับถัดไป ซึ่งเป็นแนวรับ Fibonacci 38.2% ที่บริเวณ 3,903 ดอลลาร์

ดังนั้น ตราบใดที่ราคาทองคำยังไม่สามารถกลับไปยืนเหนือแนวต้าน 4,000 ดอลลาร์ ภาพรวมยังคงให้น้ำหนักไปที่การย่อตัวหรือปรับฐานลงต่อ

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,950

• $3,900

• $3,823

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $4,000

• $4,057

• $4,087