วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 7 ส.ค. 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

วิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ ประจำวันที่ 7 สิงหาคม 2568 สถานะการณ์ราคาทองคำ XAUUSD ตอนนี้ คือการต่อสู้กันอย่างดุเดือดระหว่างแรงเทขายทำกำไรกับกลุ่มนักลงทุนที่ยังเชื่อมั่นในทองคำและพร้อมช้อนซื้อทุกครั้งที่ราคาย่อตัวลง สถานการณ์ที่ตลาดหุ้นเริ่มกลับมาคึกคักอาจดึงดูดเม็ดเงินไปบ้างและจำกัดการทะยานของราคาทองในระยะสั้น แต่หากมองให้ลึกลงไป เราจะพบสัญญาณสำคัญ

เพราะแม้ภาพรวมราคาทองคำโลกจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ แต่มีสัญญาณที่น่าสนใจอย่างยิ่งส่งตรงมาจากประเทศจีน สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ปริมาณทองคำแท่งที่เก็บอยู่ในคลังสินค้าของตลาดซื้อขายล่วงหน้าเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Futures Exchange) ได้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ข้อมูลจาก John Reade นักยุทธศาสตร์การตลาดอาวุโสของสภาทองคำโลก (World Gold Council) ชี้ว่านี่คือภาพสะท้อนของอุปสงค์การซื้อขายทองคำที่ร้อนแรงอย่างยิ่งในจีนในขณะนี้ ปรากฏการณ์นี้เกิดจากการ “Arbitrage” ซึ่งบรรดาเทรดเดอร์และสถาบันการเงินขนาดใหญ่เล็งเห็นช่องว่างระหว่างราคาทองคำในตลาดซื้อขายล่วงหน้ากับราคา Spot Market พวกเขาจึงเข้าซื้อทองคำจริงที่ราคาถูกกว่า แล้วนำไปส่งมอบในตลาดล่วงหน้าเพื่อปิดสถานะทำกำไร

นี่ไม่ใช่เพียงการเก็งกำไรในกระดาษ แต่เป็นการเคลื่อนไหวของทองคำจริงที่แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการถือครองทองคำอย่างมหาศาล ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและเป็นเหมือนพื้นรองรับชั้นดีให้กับราคาทองคำโลก

ทำไมผู้เชี่ยวชาญมองว่าราคาทองเตรียมพุ่งครั้งใหญ่

สถาบันวิเคราะห์ชั้นนำอย่าง WisdomTree ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ โดยเปรียบเทียบสถานการณ์ของราคาทองคำในปัจจุบันว่าอยู่ในช่วง “การกดสปริงลงก่อนจะดีดตัว” (loading the spring) แม้ว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 3,180 ถึง 3,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์มาระยะหนึ่งหลังจากสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ 3,500 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา แต่นี่คือการสะสมพลังเพื่อการทะยานขึ้นในอนาคต โดย WisdomTree ได้วางเป้าหมายพื้นฐานว่าราคาทองคำมีโอกาสไปถึง 3,850 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2026 การวิเคราะห์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ แต่ตั้งอยู่บนปัจจัยมหภาค 5 ประการที่เปรียบเสมือนพายุที่กำลังก่อตัวและพร้อมจะหนุนส่งราคาทองคำให้สูงขึ้นไปอีก

5 ปัจจัยหนุนราคาทองคำ

WisdomTree ได้ชี้ให้เห็นถึง 5 ความเสี่ยงมหภาคที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนราคาทองคำอย่างมีนัยสำคัญนับจากนี้ไปจนถึงปี 2026

ประการแรก คือความไม่แน่นอนทางการค้า ที่แม้จะมีการเจรจาเบื้องต้นกับบางประเทศแล้ว แต่สงครามการค้ายังคงคุกรุ่นและกำแพงภาษียังคงเป็นความเสี่ยงที่ทำให้นักลงทุนต้องหันหาทองคำในฐานะหลุมหลบภัย

ประการที่สอง คือภูเขาหนี้สินของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ในทศวรรษหน้า ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา การเพิ่มขึ้นของหนี้ภาครัฐมักจะมีความสัมพันธ์โดยตรงกับราคาทองคำที่สูงขึ้นเสมอ

ประการที่สาม คือคุณภาพของสถาบัน โดยเฉพาะแรงกดดันทางการเมืองต่อธนาคารกลางสหรัฐฯ และประธานอย่าง Jerome Powell ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลต่อความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายการเงิน หากประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนช่วงปลายยุค 1970 ที่สถาบันอ่อนแอและเงินเฟ้อพุ่งสูง ทองคำก็จะกลับมาเจิดจรัสอีกครั้ง

ประการที่สี่ คือความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงร้อนระอุ ทั้งความตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ และอิสราเอล และสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังไม่มีทางออกที่ชัดเจน ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นไฟที่คอยโหมกระพือความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย

ประการสุดท้าย และอาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมที่สำคัญที่สุด คือนโยบายค่าเงินดอลลาร์ที่ไม่ชัดเจน ของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งการกระทำหลายอย่างส่อไปในทิศทางที่ต้องการให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง (Soft-dollar) เพื่อลดภาระหนี้ของประเทศ ซึ่งการอ่อนค่าของดอลลาร์คือปัจจัยบวกโดยตรงต่อราคาทองคำ

ภาพอนาคตราคาทองคำ จากภาวะกระทิงสู่คลื่นยักษ์ “Mar-A-Lago Accord”

เมื่อพิจารณาจากปัจจัยทั้งหมด WisdomTree ได้จำลองภาพอนาคตของราคาทองคำออกมาหลายแบบ ในกรณีพื้นฐานที่สุด คาดว่าราคาทองคำอาจทรงตัวในอีก 6 เดือนข้างหน้า ก่อนจะเร่งตัวทำสถิติสูงสุดใหม่และพุ่งไปถึงระดับ 3,850 ดอลลาร์ได้ในปี 2026

แต่ในกรณีภาวะกระทิง (Bull Scenario) หากผลกระทบจากสงครามภาษีรุนแรงกว่าที่คาด จนเฟดต้องลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่เพื่อพยุงเศรษฐกิจ ราคาทองคำอาจทะยานไปถึง 4,475 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ภาพที่น่าจับตามองที่สุดคือสิ่งที่ WisdomTree เรียกว่า “Mar-A-Lago Accord” ซึ่งเป็นสถานการณ์สมมติที่สหรัฐฯ อาจดำเนินนโยบายเพื่อ “ลดค่าเงินดอลลาร์” อย่างจงใจถึง 23% ภายในหนึ่งปีเพื่อปฏิวัติระบบเศรษฐกิจโลก

แม้จะไม่ใช่กรณีพื้นฐาน แต่หากเกิดขึ้นจริง จะสร้างความปั่นป่วนอย่างมหาศาลในตลาดพันธบัตรและทำลายความน่าเชื่อถือของสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งจะผลักดันให้นักลงทุนทั่วโลกแห่เข้าหาทองคำอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ภายใต้สถานการณ์สุดขั้วนี้ WisdomTree มองว่าเป้าหมายราคาทองคำที่ 5,355 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์นั้น ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่ “ประเมินไว้ค่อนข้างต่ำ” ด้วยซ้ำไป

เมื่อวานที่เราจับตาดูแนวรับสำคัญที่ $3,372 ดูเหมือนเแรงขายที่พยายามกดดันราคาจะยังไม่มากพอ กลับกัน แนวรับบริเวณ $3,360-$3,372 ได้ทำหน้าที่เหมือนสปริงชั้นดีที่ส่งให้ราคาทองคำดีดตัวกลับขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง

เมื่อเจาะลึกลงไปในสัญญาณทางเทคนิค จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ สัญญาณเตือนที่เรากังวลจากอินดิเคเตอร์ Stochastic RSI และ RSI ในวันก่อน ตอนนี้ได้พร้อมใจกันกลับทิศทางอย่างสิ้นเชิง เส้นของ Stochastic RSI ได้ตัดกันและดีดตัวขึ้นจากโซนล่างอย่างรวดเร็ว ขณะที่ RSI ก็หักหัวขึ้นจากบริเวณเส้นกลาง (Mid-line) ซึ่งเป็นการยืนยันว่าโมเมนตัมได้เปลี่ยนข้างกลับมาอยู่ฝั่งแรงซื้ออีกครั้ง

นอกจากนี้ การที่ราคาสามารถกลับขึ้นมายืนเหนือกลุ่มเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น (EMA 12 และ 26) ได้สำเร็จ ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของแรงซื้อระลอกใหม่นี้

สำหรับแนวโน้มในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า เป้าหมายแรกของฝั่งกระทิงคือการกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านเดิมที่โซน $3,390-$3,400 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมในรอบก่อนหน้า ด่านสำคัญที่ต้องจับตา คือหากพลังกระทิงมีมากพอที่จะผลักดันให้ราคาปิดเหนือแนวต้านนี้ไปได้อย่างมั่นคง จะถือเป็นการเปิดประตูสู่การเดินทางครั้งใหม่ โดยมีเป้าหมายถัดไปที่แนวต้าน $3,415 และ $3,430 ตามลำดับ

ในทางกลับกัน ตราบใดที่ราคายังสามารถประคองตัวอยู่เหนือแนวรับที่เพิ่งกลายเป็นฐานที่มั่นใหม่อย่าง $3,360 ได้ ภาพรวมของการขึ้นรอบนี้ก็จะยังคงอยู่ต่อไป แต่หากมีเหตุให้ราคาหลุดแนวรับดังกล่าวลงมาอีกครั้ง นั่นจะเป็นสัญญาณว่าการขึ้นครั้งนี้อาจเป็นเพียงการดีดตัวชั่วคราวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ด้วยโมเมนตัมที่เห็นในปัจจุบัน น้ำหนักยังคงเอนเอียงไปในทิศทางที่ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อมากกว่า

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,372

• $3,350

• $3,338

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,400

• $3,415

• $3,439