วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 14 ธ.ค. 2566
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
Gold Spot ในปัจจุบันอยู่ที่บริเวณ $2,032 ขณะที่ Gold Futures อยู่ที่บริเวณ $2,046.7
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมากกว่าได้มากกว่า 2% ในวันที่ผ่านมา จากดัชนีดอลลาร์สหรัฐและอัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังลดลง หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณยุติวงจรการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน และส่งสัญญาณเตรียมปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในปี 2024 และในอนาคต
เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลงและการที่เศรษฐกิจยังคงดำเนินต่อไป ผู้กำหนดนโยบายในคณะกรรมการมีการลงมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืนไว้ในช่วงเป้าหมายระหว่าง 5.25%-5.5%
นอกเหนือจากการตัดสินใจที่จะพักไว้ สมาชิกคณะกรรมการยังได้กำหนดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยสามครั้งในปี 2024 โดยอาจจะปรับลดไตรมาสละครั้ง ซึ่งนั่นมากกว่าที่เจ้าหน้าที่ได้ระบุไว้ก่อนหน้านี้
ตลาดคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางถึงการตัดสินใจที่จะพักอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ ซึ่งอาจยุติวงจรที่มีการขึ้นอัตรามาถึง 11 ครั้ง ส่งผลให้ Fed Funds Rate ขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 22 ปี อย่างไรก็ตาม มีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความทะเยอทะยานของ FOMC เกี่ยวกับการผ่อนคลายนโยบาย หลังจากการประกาศผลดังกล่าว ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJI) พุ่งขึ้นมากกว่า 400 จุด ทะลุ 37,000 จุดเป็นครั้งแรก
“Dot plot” ของคณะกรรมการเกี่ยวกับความคาดหวังของสมาชิกแต่ละคนบ่งชี้ว่าจะมีการปรับลดอีกสี่ครั้งในปี 2025 หรือคิดเป็น 1 เปอร์เซ็นต์เต็ม การลดลงอีกสามครั้งในปี 2026 จะทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลงเหลือระหว่าง 2%-2.25% ซึ่งใกล้เคียงกับแนวโน้มระยะยาว แม้ว่าจะมีความไม่แน่นนอนอย่างมากในการประมาณการในช่วงสองปีสุดท้าย
นอกจากตลาดจะติดตามการประชุมแล้ว ยังติดตามการแถลงข่าวของประธาน Jerome Powell ด้วย ซึ่งให้แนวทางในเส้นทางการลดอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะลดลง 1.5 เปอร์เซ็นต์ในปีหน้า ซึ่งเป็นสองเท่าของอัตราที่ FOMC ระบุไว้
แถลงการณ์ระบุว่าคณะกรรมการจะพิจารณาปัจจัย “ใดๆ” หลายประการเพื่อปรับนโยบายให้กระชับมากขึ้น ซึ่งเป็นคำที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
“ในขณะที่สภาพแวดล้อมยังไม่ดีนัก แต่ Fed ได้เสนอแนะว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูง อาจละลายได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า” Rick Rieder ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของตราสารหนี้ระดับโลกของบริษัทจัดการสินทรัพย์ BlackRock ยักษ์ใหญ่กล่าว
นอกเหนือจากการปรับอัตราดอกเบี้ยแล้ว Fed ยังอนุมัติเงินรายได้จากพันธบัตรที่ครบกำหนดชำระสูงถึง 95 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือนเพื่อนำออกจากงบดุล กระบวนการดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไป และไม่มีข้อบ่งชี้ว่า Fed เต็มใจที่จะลดการเข้มงวดด้านนโยบายในส่วนนั้น
“อัตราเงินเฟ้อผ่อนคลายลงในช่วงปีที่ผ่านมา” คำพูดดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางภาพของอัตราเงินเฟ้อซึ่งพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีในช่วงกลางปี 2022
“อัตราเงินเฟ้อได้ผ่อนคลายลงจากระดับสูงสุด และสิ่งนี้เกิดขึ้นโดยไม่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของการว่างงาน นั่นเป็นข่าวดีมาก” ประธาน Jerome Powell กล่าวระหว่างการแถลงข่าว
นั่นสะท้อนถึงภาษาใหม่ในแถลงการณ์หลังการประชุม คณะกรรมการได้เพิ่มถ้อยคำว่าอัตราเงินเฟ้อได้ “ลดลงในปีที่ผ่านมา” ในขณะที่ยังคงรักษาคำอธิบายอัตราไว้ว่า “สูงขึ้น”
เจ้าหน้าที่ Fed มองว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะลดลงเหลือ 3.2% ในปี 2023 และ 2.4% ในปี 2024
จากนั้นเป็น 2.2% ในปี 2025 และในที่สุด ก็กลับมาสู่เป้าหมาย 2% ในปี 2026
ข้อมูลเศรษฐกิจที่เผยแพร่ในสัปดาห์นี้แสดงให้เห็นว่าราคาผู้บริโภคและราคาขายส่งมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในเดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม ด้วยมาตรการบางอย่าง Fed ก็เข้าใกล้เป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% แล้ว
จากการคำนวณของ Bank of America ระบุว่ามาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ต้องการของ Fed จะอยู่ที่ประมาณ 3.1% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนพฤศจิกายน และจริงๆ แล้วอาจแตะอัตรา 2% ต่อปีใน 6 เดือน ซึ่งบรรลุเป้าหมายของธนาคารกลาง
แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่าเศรษฐกิจ “ชะลอตัว” หลังจากระบุในเดือนพฤศจิกายนว่ากิจกรรมต่างๆ “ขยายตัวในอัตราที่แข็งแกร่ง”
ในการแถลงข่าว Powell กล่าวว่า “ตัวชี้วัดล่าสุดชี้ให้เห็นว่าการเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ชะลอตัวลงอย่างมากจากก้าวที่เกินขนาดที่เห็นในไตรมาสที่สาม ถึงกระนั้น GDP ก็ยังขยายตัวได้ประมาณ 2.5% ตลอดทั้งปี”
สมาชิกคณะกรรมการได้ข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศให้เติบโตที่ 2.6% ต่อปีในปี 2023 เพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่งจากการอัปเดตครั้งล่าสุดในเดือนกันยายน เจ้าหน้าที่คาดว่า GDP ในปี 2024 จะอยู่ที่ 1.4% ซึ่งแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากแนวโน้มครั้งก่อน
การคาดการณ์อัตราการว่างงานส่วนใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลง โดยอยู่ที่ 3.8% ในปี 2023 และเพิ่มขึ้นเป็น 4.1% ในปีต่อ ๆ ไป
เจ้าหน้าที่ได้เน้นย้ำถึงความเต็มใจที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหากอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่กล่าวว่าพวกเขาสามารถอดทนได้ในขณะนี้ เนื่องจากพวกเขาเฝ้าดูผลกระทบจากการเคลื่อนไหวที่เข้มงวดด้านนโยบายก่อนหน้านี้ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
เงินเฟ้อที่สูงอย่างดื้อรั้นส่งผลกระทบทางการเมืองต่อประธานาธิบดี Joe Biden ซึ่งเดือดร้อนไปถึงคะแนนนิยม เนื่องจากทัศนคติเชิงลบต่อวิธีที่เขาจัดการกับเศรษฐกิจ มีการคาดเดากันว่า Fed อาจไม่เต็มใจที่จะดำเนินการตามนโยบายใดๆ ในระหว่างปีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งคาดว่าจะมีผลถึงปี 2024
อย่างไรก็ตาม ด้วยอัตราที่แท้จริงหรือความแตกต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อที่กำลังอยู่ในระดับสูง Fed มีแนวโน้มที่จะดำเนินการมากขึ้นหากข้อมูลเงินเฟ้อยังคงให้ความร่วมมือ
ตลาดทองคำดันกลับเหนือระดับ 2,000 ดอลลาร์ จากธนาคารกลางสหรัฐคาดว่าจะผ่อนคลายนโยบายการเงินในปี 2024 และนอกจากแนวโน้มที่ผ่อนคลายมากขึ้นแล้ว ธนาคารกลางสหรัฐยังส่งสัญญาณว่าคาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วงฤดูร้อน
จากข้อมูลของ CME FedWatch Tool ตลาดเห็นอัตราดอกเบี้ยเข้าใกล้ 4% ภายในสิ้นปีหน้า
Adam Button ตั้งข้อสังเกตว่า Fed ขยับเข้าใกล้ความคาดหวังของตลาดมากขึ้น
“มีความตื่นเต้นเล็กน้อยที่เกิดขึ้นระหว่าง Fed และตลาด ตลาดมักจะผลักดันความคาดหวังหนักกว่า Fed อยู่เสมอ ในบางครั้ง Fed จะดึงการอารมณ์กลับคืนมาเพื่อควบคุมตลาด แต่ด้วยการเคลื่อนเข้าสู่ตลาดในครั้งนี้ เป็นการยืนยันว่าตลาดกำลังเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ถูกต้อง” เขากล่าว
น้ำเสียงที่ผ่อนคลายในแถลงการณ์และการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจที่ได้รับการแก้ไข ซึ่งเน้นการปรับลดกำลังการผลิตในปีหน้า กำลังสร้างโมเมนตัมที่แข็งแกร่งให้กับทองคำ
ทางด้านนักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ที่ Heraeus Precious Metals เปิดเผยแนวโน้มในปี 2024 ว่าทองคำคาดว่าจะเป็นสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในกลุ่มโลหะมีค่าในปีหน้า เนื่องจากโลกเผชิญกับภาวะถดถอยที่อาจเกิดขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนต้องมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
และพวกเขามองว่าการซื้อขายทองคำอยู่ในช่วงระหว่าง 1,880 ถึง 2,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปีใหม่ เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่าทองคำทรงตัวได้ค่อนข้างดี หลังจากธนาคารกลางสหรัฐได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งขัน ซึ่งเป็นการสนับสนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอย่างแข็งแกร่ง และผลักดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรให้ทำระดับสูงสุดในรอบหลายปี
“ความจริงที่ว่าทองคำแท่งที่ไม่ให้ผลตอบแทนทำได้ดี แม้ว่าจะมีอุปสรรคปะทะที่รุนแรงในอดีต และราคาก็สามารถเตรียมการสำหรับจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลในปี 2024 ได้ เนื่องจากกรณีการผ่อนคลายนโยบายการเงิน”
ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะเป็นตัวขับเคลื่อนที่ใหญ่ที่สุดสำหรับตลาดทองคำ Heraeus กล่าวว่าความต้องการในการลงทุนจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อราคาที่สูงขึ้นอย่างยั่งยืน
ฝึกเทรดด้วยเงินเสมืองจริงฟรี $50, 000 ดอลลาร์!💰
แนวโน้มทางด้านเทคนิคของราคาทองคำ
ราคาทองคำดีดตัวขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณลดความเข้มงวดของนโยบายการเงิน โดยถึงแม้ผลการประชุมครั้งนี้จะเป็นไปตามคาดการณ์ แต่สิ่งที่ Fed ระบุถึงแนวทางในอนาคตกลับดีเกินคาด
อย่างไรก็ตาม แนวทางของ Fed ยังคงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ หากข้อมูลที่ Fed ใช้ในการวิเคราะห์มีการเปลี่ยนแปลง
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเหนือ $2,000 อีกครั้ง ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Fed น่าจะทำให้ราคาทองคำกลับมามีโมเมนตัมมากขึ้น แต่แนวโน้มระยะสั้นยังคงมีโอกาสย่อตัวภายในวัน
ภาพรวมในกราฟระดับ 1 วัน สัญญาณของ Stocastic RSI กลับมาตัดกันขึ้นอีกครั้ง แต่ในขณะที่ฝั่งของ 4 ชั่วโมงกำลังขึ้นสูง ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ราคาจะขยับขึ้นต่อได้อีก โดยมีแนวต้านที่รออยู่คือบริเวณ $2,049 และ $2,071
ขณะที่แนวรับที่มีโอกาสลงมาทดสอบคือบริเวณ $2,010 - $2,000 อีกทั้งบริเวณดังกล่าวยังเป็นโซนของเส้นค่าเฉลี่ย EMA 12 , 26 ในระดับวันอีกด้วย ซึ่งน่าจะทำให้ราคายังคงสามารถยืนเหนือ $2,000 ต่อไปได้
กราฟทองคำ ระดับ 1 วัน และ 4 ชั่วโมง
แนวรับ ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $2,010 - $2,000
แนวต้าน ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $2,049 - $2,071
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
