How to วิธีเทรดหุ้นแบบละเอียดสำหรับมือใหม่หัดเทรด 2024

การเริ่มต้นเทรดหุ้นอาจดูซับซ้อนสำหรับนักเทรดหุ้นมือใหม่ แต่ด้วยความเข้าใจพื้นฐานและการวางแผนอย่างรอบคอบ จะช่วยให้คุณก้าวเข้าสู่โลกของการลงทุนได้อย่างมั่นใจ บทความนี้จะช่วยแนะนำวิธีเทรดหุ้นแบบละเอียด พร้อมทั้งวิธีการจัดการความเสี่ยง เพื่อให้คุณเริ่มต้นการเล่นหุ้นได้อย่างมั่นใจและมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นในเส้นทางการลงทุน

การทำกำไรจากการเทรดหุ้นมีที่มาจากการซื้อหุ้นในราคาต่ำและขายออกในราคาที่สูงกว่า ซึ่งการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นนั้นมี 2 แนวคิดหลัก ดังนี้

การปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นเกิดจากกำไรที่บริษัททำได้ (Earning)

แนวคิดมองว่าราคาหุ้นจะสะท้อนผลประกอบการของบริษัทโดยตรง เมื่อบริษัทมีผลกำไรสูงขึ้นจะผลักดันให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นในที่สุด การปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นแนวนี้อาจใช้เวลานาน  ทำให้แนวคิดนี้ค่อนข้างเหมาะกับการเทรดหุ้นในระยะยาว และนักลงทุนที่มองการปรับตัวขึ้นของหุ้นในรูปแบบนี้จะใช้เครื่องมือวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เพื่อมองหาโอกาสในการลงทุน

การปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นเกิดจากอุปสงค์และอุปทาน (Demand & Supply)

แนวคิดนี้มองว่าราคาหุ้นถูกกำหนดโดยอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) ของนักลงทุนในตลาด และใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคประกอบการวิเคราะห์ ทำให้สามารถจับจังหวะการเทรดหุ้นในระยะสั้น ๆ โดยนักลงทุนจะมองหาสัญญาณการซื้อขายจากกราฟราคาหุ้นเพื่อคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของราคาในอนาคต

แนวคิดทั้งสองเป็นพื้นฐานที่ช่วยให้นักลงทุนวางแผนกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนระยะยาวโดยอิงจากผลประกอบการของบริษัท หรือการเทรดระยะสั้นโดยอิงจากแนวโน้มของอุปสงค์และอุปทานในตลาดหุ้นได้

การเริ่มต้นเทรดหุ้นต้องอาศัยการเตรียมตัวและวางแผนที่ดี มือใหม่ควรทำความเข้าใจวิธีเริ่มต้นวางแผนเทรดหุ้นเพื่อให้การลงทุนเป็นไปอย่างมั่นคงและมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น

1.กำหนดเป้าหมาย

การกำหนดเป้าหมายเป็นขั้นตอนแรกในการลงทุน นักลงทุนต้องถามตัวเองว่าต้องการลงทุนเพื่ออะไร? และเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้นต้องใช้เวลานานแค่ไหน เช่น 

1) การลงทุนระยะยาว วิธีนี้จำเป็นต้องอาศัยการเลือกหุ้นที่ดีมีโอกาสเติบโตสูงเพื่อซื้อและถือหุ้นไปเป็นระยะเวลาหลายปี ซึ่งผลตอบแทนของหุ้นปกติเฉลี่ยอยู่ที่ราว 10-20% ต่อปี จึงจำเป็นต้องอาศัยเงินลงทุนจำนวนมากเพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามที่ต้องการ ซึ่งเราสามารถคาดหวังการเติบโตของเงินทุนและผลตอบแทนจากการเป็นเจ้าของหุ้นบริษัทในอนาคตได้

2) ลงทุนในระยะกลาง วิธีนี้นักลงทุนอาจเข้าซื้อหุ้นและถือไว้ในระดับหลายวันจนถึงหลายสัปดาห์เพื่อเก็งกำไรจากราคาหุ้นที่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์เฉพาะ ซึ่งวิธีนี้จะมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากการลงทุนในระยะยาว แต่ก็สามารถใช้เงินทุนที่น้อยกว่าเพื่อให้ได้ผลตอบแทนในเวลาที่สั้นกว่าได้

3) ลงทุนในระยะสั้น วิธีนี้อาศัยเงินลงทุนจำนวนไม่มาก แต่จำเป็นต้องอาศัยทักษะการจับจังหวะเข้าเก็งกำไรในความผันผวนเป็นการเฉพาะ ซึ่งจะมีความเสี่ยงสูงขึ้นกว่าสองวิธีด้านบน แต่ก็สามารถสร้างผลตอบแทนในระยะสั้นที่เป็นกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ

เมื่อเรากำหนดเป้าหมายและมองเห็นกลยุทธ์การลงทุนของตัวเองสำหรับการเริ่มเทรดหุ้นครั้งแรกได้แล้ว ต่อไปเราจะมาตามหาเครื่องมือที่เหมาะสมกับกลยุทธ์แต่ละประเภทกัน

2.วิเคราะห์และคัดเลือกหุ้นที่ตอบโจทย์

นักเทรดหุ้นมือใหม่สามารถใช้ได้ 2 วิธีเพื่อช่วยให้นักลงทุนสามารถคัดเลือกหุ้นที่มีศักยภาพและตอบโจทย์ ดังนี้

1) การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)

เป็นการประเมินมูลค่าของบริษัทผ่านการศึกษาข้อมูลทางการเงินและเศรษฐกิจ โดยจะมุ่งเน้นที่ความมั่นคงของบริษัท ความสามารถในการทำกำไร และแนวโน้มการเติบโตในอนาคต เพื่อตัดสินใจว่าหุ้นนั้น ๆ น่าสนใจลงทุนหรือไม่

ตัวชี้วัดสำคัญที่ควรพิจารณา:

• รายได้และกำไรสุทธิ: มักเป็นตัวเลขที่บอกถึงการเติบโตที่ดีของบริษัท 

  
  

• อัตรากำไรขั้นต้น (Profit Margin): เป็นตัวชี้วัดความสามารถในการทำกำไรของบริษัทว่าสามารถควบคุมต้นทุนและสร้างกำไรได้ดีเพียงใด

  
  

• อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio): เป็นตัวที่ใช้เปรียบเทียบราคาหุ้นกับกำไรสุทธิต่อหุ้น ยิ่ง PE ต่ำแสดงว่าหุ้นยังซื้อขายในราคาถูกกว่าโดยเปรียบเทียบ

  
  

• กระแสเงินสด (Cash Flow): เป็นตัวชี้วัดความสามารถในการสร้างเงินสดและการจ่ายหนี้ นักลงทุนควรพิจารณาความเหมาะสมของตัวเลขนี้ตามลักษณะธุรกิจของบริษัท

2) การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)

เป็นการศึกษาพฤติกรรมราคาและปริมาณการซื้อขายของหุ้นผ่านการดูกราฟและเครื่องมือทางเทคนิคต่าง ช่วยให้นักเทรดหุ้นมือใหม่สามารถคาดการณ์และหาจุดซื้อขายที่เหมาะสม

เครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิค:

• กราฟราคา (Price Chart): เป็นเครื่องมือพื้นฐานที่นักลงทุนใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคา และรูปแบบโดยภาพรวม

  
  

• อินดิเคเตอร์ (Indicator): อินดิเคเตอร์ เช่น RSI เป็นเครื่องมือที่ช่วยกำหนดจุดซื้อขาย และช่วยให้นักเทรดหุ้นมือใหม่สามารถหาจุดซื้อขายที่เหมาะสมได

  
  

• ปริมาณการซื้อขาย (Volume): เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา และอาจเป็นสัญญาณที่สนับสนุนการกลับตัวหรือการเคลื่อนตัวต่อเนื่องของแนวโน้ม

  
  

หากหุ้นที่เลือกได้เป็นทั้งหุ้นพื้นฐานดีและสนับสนุนด้วยปัจจัยทางเทคนิคจะช่วยให้นักลงทุนคาดหวังการเติบโตและจับจังหวะการลงเทรดหุ้นได้ดียิ่งขึ้น 

3.ศึกษาผลิตภัณฑ์สำหรับการเทรด

หุ้นตัวหนึ่งสามารถเทรดได้ด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย ซึ่งผลิตภัณฑ์ทางการเงินแต่ละประเภทก็มีลักษณะเฉพาะที่ตอบโจทย์การลงทุนและความเสี่ยงที่แตกต่างกันไป เช่น

• DR/ DRx คือ ตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ ช่วยให้นักเทรดหุ้นไทยเล่นหุ้นต่างประเทศได้ในตลาดหุ้นไทยเหมือนการเทรดหุ้นไทยตัวหนึ่ง โดยเหมาะกับทั้งการเทรดระยะกลางจนถึงระยะยาว และทำให้ได้สิทธิเหมือนผู้ถือหุ้น เช่น ปันผล ฯลฯ

  
  

• DWคือ ตราสารอนุพันธ์ที่อ้างอิงกับราคาหลักทรัพย์ มีการใช้อัตราทดทำให้ใช้เงินน้อย แต่มีผลิตภัณฑ์ที่อ้างอิงจำกัด เช่น หุ้นในตลาดหุ้นไทย และ ดัชนีหุ้นสำคัญ เหมาะกับการเทรดหุ้นในระยะสั้นถึงระยะกลาง

  
  

• CFDs คือ ตราสารอนุพันธ์ที่มูลค่าขึ้นอยู่กับสินทรัพย์อ้างอิงในตลาดหุ้นทั่วโลก  ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นน้อย สร้างโอกาสทำกำไรได้จากการใช้อัตราทด ทำให้ผลิตภัณฑ์นี้เหมาะกับการเทรดหุ้นในระยะสั้นเป็นพิเศษ

การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการและความเสี่ยงที่ยอมรับได้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงในการลงทุนได้

4.ศึกษาการจัดการความเสี่ยงของการเทรดหุ้น

นักเทรดมือใหม่สามารถใช้แนวคิดในการจัดการความเสี่ยงได้หลายวิธี เช่น

1) การกระจายการลงทุนในหุ้นหลาย ๆ ตัว (diversification)

การกระจายการลงทุนช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง โดยหากหุ้นตัวใดตัวหนึ่งในพอร์ตของคุณมีผลประกอบการไม่ดี มูลค่าของพอร์ตทั้งหมดจะไม่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเพราะมีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่อาจมีผลประกอบการดีกว่า เหมาะสำหรับใช้บริหารความเสี่ยงสำหรับการเทรดหุ้นระยะยาว

2) การตั้งจุดตัดขาดทุน (stop-loss)

เป็นคำสั่งที่นักลงทุนกำหนดเพื่อขายหุ้นโดยอัตโนมัติเมื่อราคาหุ้นลดลงถึงระดับที่กำหนดไว้ การตั้งจุดตัดขาดทุนช่วยให้นักลงทุนสามารถจำกัดการขาดทุนในกรณีที่ราคาหุ้นเคลื่อนไหวในทิศทางที่ไม่ต้องการ เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสำหรับการเทรดระยะสั้นและระยะกลางเป็นพิเศษ

การจัดการความเสี่ยงเป็นส่วนสำคัญของการเทรดหุ้นที่นักลงทุนควรให้ความสำคัญที่ช่วยป้องกันการสูญเสียและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการลงทุนในตลาดหุ้นได้

การเลือกหุ้นที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนเป็นทักษะที่สำคัญและจำเป็นสำหรับนักลงทุนมือใหม่  การลงทุนในหุ้นไม่ควรเป็นเรื่องของการเดาสุ่ม แต่ควรมีการวิเคราะห์และวางแผนอย่างเป็นระบบ  ตัวอย่างเช่น

การเลือกหุ้นด้วยการวิเคราะแบบ Top-Down Approach

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นการคัดเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีเพื่อเป็นหลักประกันว่าอย่างน้อยการเติบโตของราคาหุ้นยังมีมูลค่าจากผลกำไรที่บริษัททำได้สนับสนุนอยู่  

• เลือกหุ้นจากภาพรวมของเศรษฐกิจ ซึ่งดูทั้งในระดับประเทศและระดับโลกที่มีแนวโน้มเติบโตดี โดยมองว่าตลาดหุ้นอเมริกามีแนวโน้มเติบโตอย่าแข็งแกร่ง โดยโตได้ 0.4% ในไตรมาส 1 และ 0.7% ในไตมาส 2 เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้าของปี 2024 เทียบยุโรปที่โตได้ 0.3% และ 0.3% ในช่วงเดียวกัน

• เลือกอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ นับถึงเดือนกรกฎาที่ผ่านมา อุตสาหกรรมที่มีราคาปรับตัวขึ้นสูงสุด 12 เดือนย้อนหลัง ได้แก่ สื่อสาร การเงิน และเทคโนโลยี ที่โตได้ 26.20% 26.11% และ 23.74% ตามลำดับ ซึ่งมองว่าในบรรดาอุตสาหกรรมเหล่านี้กลุ่มเทคโนโลยียังมีโอกาสของการเติบโตในอนาคตจากเทรนการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี

  
  

• เลือกบริษัทที่น่าสนใจภายในอุตสาหกรรมนั้น เมื่อได้กลุ่มอุตสาหกรรมแล้วเราสามารถใช้การวิเคราะห์พื้นฐานสำหรับหุ้นรายตัวเพื่อคัดเลือกหุ้นสำหรับเทรดได้เป็นขั้นสุดท้าย เช่น การเลือกหุ้นที่มีความสามารถทำกำไร (การเติบโตของ EPS สูง) และยังมีราคาไม่แพง (PE ต่ำ) ได้หุ้น GOOGLE ที่มี EPS ปีนี้เติบโต 31.67% และ forward PE ต่ำเพียง 19.18 เท่า

การคัดเลือกหุ้นแบบนี้ช่วยให้นักเทรดหุ้นมือใหม่ได้เจอหุ้นที่น่าสนใจในแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งจะสามารถนำมาเทรดได้ทั้งแบบเก็งกำไรในระยะสั้นและการถือลงทุนในระยะยาว

หลังจากทำความเข้าใจแนวคิดเบื้องต้นและเตรียมแผนการเทรดหุ้นมาเป็นอย่างดีแล้ว การเริ่มต้นเทรดหุ้นเป็นขั้นตอนที่สำคัญต่อไป มือใหม่หัดเทรดหุ้นควรปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อให้การลงทุนเป็นไปอย่างราบรื่น

1.เปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ที่รองรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเทรด

ขั้นตอนแรกในการเริ่มเทรดหุ้นคือต้องเลือกโบรกเกอร์ที่สนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเทรด เช่น การเทรด DRx บนหุ้น AMD สามารถเปิดได้กับโบรกเกอร์ในไทยทุกแห่ง โดยนักเทรดมือใหม่ควรเน้นเปิดบัญชีเทรดกับโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ คิดค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม และมีแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย

ตัวอย่างเช่น การเปิดบัญชีกับ innovestx เพื่อเทรด DRx ในหุ้น GOOGLE เริ่มต้นได้จากการลงทะเบียนผ่านแพลตฟอร์มของโบรกเกอร์  innovestx คือแอป SCB EASY จากนั้นเลือกบัญชีธนาคารที่ใช้หักบัญชีอัตโนมัติแล้วเลือกการยืนยันตัวตนด้วยบัญชีธนาคารที่มีอยู่ จะขึ้นลิ้งก์ไปยังแอปธนาคารนั้นเพื่อยืนยันข้อมูล

ที่มา: InnovestX

จากนั้นกลับมายืนยันตัวตนที่แอป SCB Easy เพื่อตั้ง PIN สำหรับเข้าใช้งาน แล้วจะขึ้นหน้ากรอกข้อมูลเปิดบัญชีให้เรียบร้อย ถัดไปเป็นขั้นตอนประเมินความเสี่ยงที่รับได้จากการลงทุน ตรวจสอบข้อมูลและยืนยันอีเมล ตั้งรหัสผ่าน จนได้รับการยืนยันเปิดบัญชีในที่สุด

ที่มา: InnovestX

การเปิดบัญชีลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศด้วยเครื่องมืออื่น ๆ เช่น CFDs มีขั้นตอนที่คล้ายคลึงกัน คือสามารถสมัครเปิดบัญชีผ่านเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มของทางโบรกเกอร์โดยเฉพาะ หลังจากยืนยันตัวตนเรียบร้อยก็สามารถเริ่มใช้งานบัญชีที่เปิดไว้โดยใช้เวลาไม่นาน

   

💸 ห้ามพลาด!!! 💸

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์! 🎁🎁🎁

ค่าคอมฯ 0 สเปรดต่ำ! เงินฝากขั้นต่ำ $50 🤑

ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰

เทรดเดี๋ยวนี้

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน

2.ศึกษาเครื่องมือเทรดหุ้นและเครื่องมือจำกัดความเสี่ยงที่ใช้ได้

เมื่อได้รับการยืนยันเปิดบัญชีก็เริ่มสำรวจฟีเจอร์ที่มือใหม่เริ่มเทรดหุ้นสามารถใช้บนแพลตฟอร์มเทรดโดยควรทำความรู้จักกับเครื่องมือและฟังก์ชันต่าง ๆ ที่แพลตฟอร์มการเทรดมีเพื่อให้ใช้ได้อย่างคุ้มค่า เช่น คำสั่งซื้อขายอัตโนมัติ การตั้งจุดตัดขาดทุน หรือการใช้กราฟทางเทคนิคในการวิเคราะห์ นอกจากนี้ คุณควรศึกษาเครื่องมือจำกัดความเสี่ยง เช่น การใช้ Stop-Loss หรือการกระจายการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงในการสูญเสียเงินลงทุน ซึ่ง Innovest X เสนอกราฟและแพลตฟอร์มเทรดจาก TradingView หรืออาจใช้แพลตฟอร์มเทรดจาก Streaming ก็ได้

3.สร้างกลยุทธ์การเทรดหุ้นที่สอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุน

การมีกลยุทธ์การเทรดที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุน นักลงทุนควรสร้างกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายและวิธีการที่กำหนดไว้ กลยุทธ์การเทรดอาจประกอบด้วยการกำหนดจุดเข้าซื้อขาย การตั้งเป้าหมายกำไรและขาดทุน และการวางแผนการจัดการความเสี่ยง การมีกลยุทธ์ที่ดีจะช่วยให้คุณสามารถทำกำไรได้ในระยะยาวและลดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น ตัวอย่างเช่น

หากนักลงทุนมองหาจังหวะในการเทรดหุ้น GOOGLE ระยะสั้นถึงกลางเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ สามารถใช้เครื่องมือทางเทคนิคเพื่อจับจังหวะในการซื้อขายหุ้น และใช้ผลิตภัณฑ์อย่าง DRx เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเทรดหุ้นต่างประเทศได้ในตลาดหุ้นไทยด้วยขั้นตอนดังนี้

กำหนดหน้าเทรด ในการวิเคราะห์พื้นฐานมองว่าหุ้น GOOGLE มีพื้นฐานดีและราคายังไม่แพงเมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งเมื่อดูจากเครื่องมือทางเทคนิคอย่าง RSI ที่เพิ่งแตะ 30 ทำ Oversold และ Moving Average เริ่มมีสัญญาณ Golden Cross เป็นการยืนยันว่าราคามีแนวโน้มในขาขึ้น ให้เลือกใช้กลยุทธ์ซื้อ GOOG80X ที่เป็น DRX ของหุ้น GOOGLE เพื่อคาดหวังกำไรในแนวโน้มราคาขาขึ้น

กำหนดจุดเปิดปิดสถานะ สามารถใช้แนวรับจากการปิดแก็ปด้านล่าง $163 เป็นแนวรับ และตั้งจุดตัดขาดทุนที่ $156 ซึ่งเคยปิดแก็ปราคาด้านล่างไว้ และมีแก็ปราคาด้านบนแถว $173 และ $178 เป็นเป้าหมายการทำกำไร โดยสามารถเปรียบเทียบราคา DRx และหุ้นอ้างอิง GOOGLE ได้จาก ตารางราคาอ้างอิง

ด้วยการใช้เครื่องมือทางเทคนิคช่วยกำหนกลยุทธ์การเทรดในระยะสั้นจะช่วยให้นักเทรดหุ้นมือใหม่ได้เห็นโอกาสและความเสี่ยงของการเล่นหุ้นไม้นี้อย่างชัดเจนและสามารถประเมินความคุ้มค่าได้

4.ลงมือเทรดตามกลยุทธ์ที่สร้างขึ้น ติดตามผลและปรับปรุงกลยุทธ์ให้ใช้ได้ดีอยู่เสมอ

เมื่อมีกลยุทธ์การเทรดที่ชัดเจนแล้ว คุณสามารถเริ่มลงมือเทรดตามกลยุทธ์ที่วางไว้ด้วยการวางคำสั่งเปิดและเงื่อนไขการปิดสถานะลงในแพลตฟอร์มและรอการยืนยันการเปิด/ปิดสถานะเพื่อรับรู้ผลกำไร

สิ่งสำคัญคือนักเทรดต้องติดตามผลการเทรดอย่างสม่ำเสมอ วิเคราะห์ผลลัพธ์ที่ได้ และปรับปรุงกลยุทธ์ตามความจำเป็น 

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการพัฒนาทักษะและความรู้ในการเทรดหุ้น การศึกษาจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือและการฝึกฝนในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยถือเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งทำได้หลายทาง เช่น

ศึกษาแนวคิดการเทรดจากผู้เชี่ยวชาญ

การเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญทำได้หลายวิธีและสะดวกมากขึ้นในยุคปัจจุบันที่สามารถเชื่อมต่อกันผ่านอินเตอร์เน็ตได้ เช่น

• การเรียนรู้จากหนังสือบทสรุปความสำเร็จ: คุณสามารถเรียนรู้จากหนังสือเกี่ยวกับการลงทุน เช่น "One Up on Wall Street" โดย Peter Lynch ซึ่งมักมักครอบคลุมแนวคิดพื้นฐานในการลงทุน รวมถึงกรณีศึกษาที่น่าสนใจ

  
  

• ติดตามเนื้อหาออนไลน์จากผู้เชี่ยวชาญ: อีกวิธีหนึ่งคือการติดตามบล็อก วิดีโอใน YouTube หรือพอดแคสต์ที่มักจะนำเสนอแนวคิดใหม่ ๆ การวิเคราะห์ตลาดปัจจุบันที่นำไปใช้ได้

อ่านบทวิเคราะห์เพื่อเข้าใจตลาด

บทวิเคราะห์หรืองานวิจัยเกี่ยวกับหุ้นรายตัวหรือตลาดการเงินมีส่วนช่วยให้นักลงทุนมือใหม่สามารถประเมินตลาดและตัดสินใจได้แม่นยำขึ้น โดย สามารถหาได้จากรายงานจากโบรกเกอร์ หนังสือพิมพ์การเงิน หรือเว็บไซต์ข่าวการเงิน ฯลฯ

สร้างและฝึกฝนกลยุทธ์ด้วยบัญชีทดลองใช้

บัญชีทดลองใช้ (Demo Account) เป็นเครื่องมือที่ดีสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการฝึกฝนทักษะการเทรดในสภาพแวดล้อมที่ไม่เสี่ยงต่อการสูญเสียเงินจริง บัญชีทดลองใช้จะมีเงินจำลองให้คุณทดลองซื้อขายหุ้นหรือสินทรัพย์อื่น ๆ ในตลาดจริง โดยใช้ข้อมูลตลาดที่เกิดขึ้นจริง เช่น การใช้บัญชีทดลองใช้จาก Mitrade ที่ให้เงินเสมือนจริงสำหรับทดสอบกลยุทธ์การเทรดหุ้นสำหรับมือใหม่สูงถึง $50,000

การใช้บัญชีทดลองช่วยให้นักลงทุนสามารถทดลองกลยุทธ์การเทรดที่หลากหลายโดยไม่ต้องเสี่ยงกับเงินทุนจริง นอกจากนี้ยังช่วยให้นักลงทุนเข้าใจการทำงานของแพลตฟอร์มการซื้อขาย เรียนรู้วิธีการตั้งคำสั่งซื้อขาย และฝึกฝนการจัดการความเสี่ยง ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญในการเทรด

💸 ห้ามพลาด!!! 💸

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์! 🎁🎁🎁

ค่าคอมฯ 0 สเปรดต่ำ! เงินฝากขั้นต่ำ $50 🤑

ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰

เทรดเดี๋ยวนี้

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน

บทความนี้ได้รวบรวมขั้นตอนและแนวคิดสำคัญที่นักเทรดหุ้นมือใหม่ควรรู้ เริ่มจากการทำความเข้าใจตลาดหุ้นและกำไรที่สามารถได้รับจากการลงทุน ต่อด้วยการตั้งเป้าหมาย กำหนดวิธีการ และเลือกหุ้นที่เหมาะสมผ่านการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและเทคนิค นอกจากนี้ยังได้เสนอแนะการเรียนรู้และฝึกฝนกลยุทธ์ด้วยบัญชีทดลองเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเทรดจริง ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนมือใหม่เริ่มต้นเส้นการเทรดได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น