"โมเดล MSTR ตายแล้ว" และการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ กลายมาเป็นเส้นชีวิตของบริษัทคลังคริปโต

TradingKey - ตั้งแต่เดือนตุลาคม ราคา Bitcoin มีแนวโน้มลดลงจาก 120,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ลงมาต่ำกว่าระดับจิตวิทยาที่ 110,000 และ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ตลาดกระทิงของคริปโทเคอร์เรนซีขาดโมเมนตัมขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทคลังคริปโทที่เลียนแบบ "โมเดลกลยุทธ์" ตกอยู่ในภาวะวิกฤต เมื่อภาวะปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ ใกล้จะสิ้นสุดลง นักลงทุนคริปโทจึงมุ่งความหวังที่จะพลิกฟื้นจากวิกฤตเป็นสภาพคล่องที่ดีขึ้น

เพียงปีที่แล้ว การกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ได้จุดประกายความกระตือรือร้นในการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล เนื่องจากอดีตผู้ไม่เชื่อมั่นในสกุลเงินดิจิทัลรายนี้ได้เปลี่ยนจุดยืนอย่างสิ้นเชิงเกี่ยวกับอุตสาหกรรมที่เพิ่งเกิดใหม่ในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2024 โดยให้คำมั่นว่าจะทำให้สหรัฐฯ กลายเป็น "เมืองหลวงของสกุลเงินดิจิทัลของโลก"

หลังจากที่ Strategy ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงจากบริษัทซอฟต์แวร์มาเป็นบริษัทคริปโตที่มีความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับ Bitcoin ประกอบกับนโยบายที่เอื้ออำนวยจากรัฐบาลที่สนับสนุนคริปโต คลังคริปโตหรือคลังสินทรัพย์ดิจิทัล (DAT) จึงกลายมาเป็นกระแสหลักในตลาดทุน

ตามรายงานที่เผยแพร่โดย CoinGecko เมื่อต้นเดือนนี้ นับตั้งแต่ Strategy กลายเป็นบริษัท DAT บริสุทธิ์แห่งแรกในเดือนสิงหาคม 2020 จำนวนบริษัทคลังคริปโตก็เพิ่มขึ้นจาก 4 เป็น 142 บริษัท โดยมี 76 บริษัทที่ก่อตั้งใหม่ในปีนี้

น่าเสียดาย,มีเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่รอดจาก "รูปแบบคลังสกุลเงินดิจิทัล" เนื่องจากรูปแบบ "การกักตุน" ที่เรียบง่ายนี้ต้องเผชิญกับความท้าทาย เช่น การพึ่งพาประสิทธิภาพของราคาสกุลเงินดิจิทัลมากเกินไป การแข่งขันที่รุนแรง และการขาดความแตกต่างราคาหุ้นของบริษัท DAT ส่วนใหญ่มีความผันผวนอย่างมากก่อนเปิดตัว แต่ในเวลาต่อมาก็ร่วงลง

Bitcoin สร้างเราขึ้นมา และ Bitcoin ทำลายเรา

สิ่งที่คุณอาจคิดว่าเป็นตลาดกระทิงของสกุลเงินดิจิทัลนั้น จริงๆ แล้วเป็นกรณีตัวอย่าง ราคาของ Bitcoin เพิ่มขึ้นเพียง 13% ในปีนี้ โดยมีผลงานด้อยกว่าสินทรัพย์ยอดนิยมอย่าง S&P 500 (+14.40%) และทองคำ (+56.86%)

ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน ราคา Bitcoin ลดลง 12% ในหนึ่งเดือน หุ้น Strategy ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin ลดลง 23% หุ้น BitMine ที่เกี่ยวข้องกับ Ethereum ลดลง 30% และหุ้น Upexi ที่เกี่ยวข้องกับ Solana ลดลง 49%

เมื่อราคาของคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งเป็นสกุลเงินที่พวกเขาพึ่งพาเพื่อความอยู่รอด ซบเซาลง บริษัทคลังคริปโทจึงหันไปใช้วิธีการต่างๆ เช่น "ขายหุ้นเพื่อซื้อคริปโทเคอร์เรนซี" และ "กู้ยืมเงินเพื่อซื้อคริปโทเคอร์เรนซี" เพื่อกระตุ้นราคาหุ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมหภาคส่งผลกระทบต่อตลาดทุนสกุลเงินดิจิทัลที่มีความผันผวนสูงมักจะมีความเสี่ยงมากกว่าสินทรัพย์อย่างหุ้นสหรัฐฯ และสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีเลเวอเรจ เช่น บริษัทคลังสกุลเงินดิจิทัลก็ลดลงมากกว่านั้นอีก

แม้ว่าบริษัทคลังคริปโตจะเสนอโอกาสให้กับนักลงทุนที่ไม่เต็มใจที่จะลงทุนในสินทรัพย์คริปโตหรือ ETF ที่เกี่ยวข้องในการสัมผัสกับอุตสาหกรรมที่เพิ่งเกิดใหม่นี้ในรูปแบบของหุ้นก็ตาม แต่สิ่งนี้ถือเป็นความเสี่ยงที่สำคัญเมื่อมูลค่าของบริษัทคลังคริปโตเท่ากับราคาของสินทรัพย์คริปโต

ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมชี้ให้เห็นว่าตรรกะการลงทุนนี้ได้ถูกตระหนักอย่างสมบูรณ์แล้วหลังจากหักเงินทุนเพิ่มเติมที่บริษัทคลังคริปโตได้รับแล้ว การระดมทุนด้วยการขายหุ้นอาจเป็นเรื่องยากขึ้นมากสำหรับพวกเขา การทดสอบความเป็นจริงของ "โมเดล MSTR" นั้นโหดร้ายกว่าที่คิด

Matt Cole ซีอีโอของบริษัท Strive ซึ่งเป็นบริษัทคลัง Bitcoin กล่าวว่า "หลายคนติดกับดัก" แม้แต่ BitMine ซึ่งเป็นผู้ถือ Ethereum รายใหญ่ที่สุด ก็ยังกล่าวว่า "ฟองสบู่" ในบริษัทคลังคริปโตอาจแตกแล้ว

น่าเป็นห่วง“กลยุทธ์ขาลง” ของบริษัทคลังคริปโตในการซื้อสินทรัพย์กำลังทำให้ “ฟองสบู่ DAT” รุนแรงขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทมหาชน เช่น Greenlane, OceanPal และ Tharimmune ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการสกุลเงินดิจิทัลขนาดเล็ก เช่น BEA, NEAR และ Canton Coin

Moody's ระบุว่า DAT กำลังขยายไปสู่สกุลเงินดิจิทัลที่แปลกใหม่และมีสภาพคล่องต่ำ ซึ่งตรงจุดนี้เองที่ความเสี่ยงอาจสูงขึ้น หุ้นของบริษัทเหล่านี้จะเผชิญกับแรงกดดันที่มากขึ้นเมื่อตลาดตกต่ำ

Pantera Capital เตือนว่าการขายสินทรัพย์หลักของบริษัทเพื่อซื้อคืนนั้นเหมาะสำหรับโทเค็นที่มีสภาพคล่องสูง เช่น Bitcoin, Ethereum และ SOL เท่านั้น การใช้กับโทเค็นที่มีมูลค่าตามราคาตลาดต่ำอาจทำให้เกิด "วงจรแห่งความตาย" ได้

การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ สิ้นสุดลงแล้ว—ผู้ช่วยชีวิต DAT หรือไม่?

ร่างกฎหมายการจัดสรรเงินทุนชั่วคราวที่ผ่านโดยวุฒิสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ถือเป็นการปูทางไปสู่การยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยาวนานถึง 40 วัน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด โดยหน่วยงานบางแห่งคาดว่ารัฐบาลจะได้รับเงินทุนคืนเร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้

TradingKey ระบุว่า สำหรับนักลงทุน การสิ้นสุดการปิดทำการของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ อาจช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนสภาพคล่องในตลาดสหรัฐฯ ในปัจจุบันได้ เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ จะปล่อยเงินบัญชีทั่วไป (TGA) มูลค่าล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและตลาด

Presto Research เชื่อว่าความก้าวหน้าทางการเมืองอาจช่วยบรรเทาแรงกดดันทางการตลาดล่าสุดได้การปิดทำการที่ยาวนานทำให้สภาพคล่องในตลาดเงินทุนข้ามคืนลดลง นำไปสู่ความตึงเครียดในตลาดอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา การกำจัดความกังวลที่ยังคงหลงเหลืออยู่นี้จะช่วยปูทางไปสู่การกำหนดราคาสินทรัพย์เสี่ยงในสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจมหภาคที่เอื้ออำนวย เช่น นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น การยุติข้อพิพาททางการค้า และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมในปีหน้า

ณ ขณะที่เขียนบทความนี้ ราคา Bitcoin ดีดตัวขึ้น 4% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ราคา Ethereum ดีดตัวขึ้น 5% และ Ripple เพิ่มขึ้นกว่า 11% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดวันจันทร์ ราคาหุ้นของ Strategy เพิ่มขึ้นกว่า 2% BitMine เพิ่มขึ้น 6% และ Upexi เพิ่มขึ้นประมาณ 10%

LVRG Research ชี้ให้เห็นว่าสภาพคล่องที่ดีขึ้นเป็นปัจจัยกระตุ้นหลัก ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักจะส่งผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยง เช่น สกุลเงินดิจิทัล นอกจากนี้ บริษัทยังเน้นย้ำว่า เมื่อพิจารณาจากเงินทุนสถาบันที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ข้อตกลงเกี่ยวกับการปิดหน่วยงานรัฐบาลอาจเป็นเพียงปัจจัยรอง

ในทางทฤษฎี การฟื้นตัวของราคาสินทรัพย์ดิจิทัลจะเป็นแรงผลักดันให้บริษัทคลังสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้พลิกสถานการณ์กลับมาได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยังคิดด้วยว่าบริษัทเหล่านี้จะสามารถพัฒนาในระยะยาวได้อย่างไร เช่น การให้โทเค็นที่เป็นพื้นฐานมี "ประโยชน์"

SUI Group ซึ่งเพิ่งเปิดตัว stablecoin ของตัวเองเมื่อเร็วๆ นี้ กล่าวว่า DAT ซึ่งเป็นบริษัทที่ซื้อเฉพาะโทเค็นเท่านั้น จะได้รับผลกระทบในที่สุด

Digital Asset Capital Management ซึ่งคาดการณ์ว่าบริษัท DAT จะมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น ได้ยกตัวอย่างที่ดี: บริษัท DAT ที่เกี่ยวข้องกันระดมทุนเพื่อเสริมสร้างการสร้างเครือข่ายระบบนิเวศ NEAR ทำให้โมเดลการประเมินมูลค่า DAT สามารถก้าวข้ามมุมมองแบบพาสซีฟแบบเดิมๆ ได้

ลิงค์เดิม

เนื้อหานี้แปลโดย AI ซึ่งอาจมีข้อผิดพลาดจากข้อจำกัดทางเทคโนโลยีและภาษา จึงไม่สามารถรับประกันความถูกต้อง และความสมบูรณ์ของเนื้อหาได้ทั้งหมด ในการนำข้อมูลไปใช้ โปรดอ้างอิงจากต้นฉบับ และใช้วิจารณญาณประกอบการตัดสินใจ ทั้งนี้ บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือความเข้าใจผิดใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้เนื้อหาดังกล่าว