การคาดการณ์ราคาเงิน: XAG/USD ย่อตัวลงจากระดับสูงสุดประจำปี แต่ยังคงอยู่เหนือ $34.50
- โลหะเงินยืนเหนือ $34.54 หลังจากปรับตัวลงเล็กน้อยต่ำกว่า $34.00; ผู้ซื้อกลับมาอีกครั้งในช่วงที่ราคาลดลงในระยะสั้น.
- RSI ยังคงมีแนวโน้มขาขึ้น; การทะลุเหนือ $35.00 จะเปิดเส้นทางไปยัง $37.49 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในปี 2012.
- การปิดรายวันต่ำกว่า $34.58 มีความเสี่ยงที่จะย่อตัวลงไปที่ $34.00 และแนวรับที่ $33.69.
ราคาทองคำเงินปรับลดลงบางส่วนจากการเพิ่มขึ้น 5% ในวันจันทร์ โดยลดลง 0.52% ในวันอังคาร ขณะที่โลหะสีเทาค้าขายอยู่ใกล้บริเวณ $34.50 ยังคงติดอยู่ที่ระดับสูงสุดของสัปดาห์นี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสในสหรัฐอเมริกา (US) ทำให้ XAG/USD ตกต่ำกว่า $34.00 แต่ผู้ซื้อกลับเข้ามาและดันโลหะที่ไม่มีผลตอบแทนขึ้นมา.
การคาดการณ์ราคา XAG/USD: แนวโน้มทางเทคนิค
ราคาทองคำเงินยังคงมีแนวโน้มขาขึ้นแม้ว่าจะมีการถอยตัวลงเล็กน้อยในระหว่างเซสชั่นและยังคงอยู่เหนือระดับสูงสุดในวันที่ 29 ตุลาคมที่ $34.54 ซึ่งถือเป็นระดับแนวรับแรก ดัชนี Relative Strength Index (RSI) แสดงให้เห็นว่าผู้ซื้ออยู่ในสถานะควบคุม; อย่างไรก็ตาม พวกเขาจำเป็นต้องเอาชนะระดับแนวต้านที่สำคัญถัดไปซึ่งอยู่ที่ $35.00 เมื่อทะลุได้ โลหะเงินจะพร้อมที่จะทดสอบระดับสูงสุดในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2012 ที่ $37.49.
ในทางกลับกัน หาก XAG/USD ปิดต่ำกว่าจุดสูงสุดในวันที่ 28 มีนาคมที่ $34.58 จะส่งผลให้มีการลดลงไปที่ $34.00 หากมีการอ่อนตัวลงเพิ่มเติม ระดับแนวรับถัดไปจะเป็นจุดสูงสุดในวันที่ 22 พฤษภาคม ซึ่งได้กลายเป็นแนวรับที่ $33.69.
กราฟราคา XAG/USD – รายวัน
โลหะเงิน FAQs
แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ
ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน
โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน
ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน
บทความแนะนำ
