Pip ใน Forex คืออะไร? คำนวณอย่างไร?

หากคุณเริ่มมีความสนใจในตลาด Forex ยิ่งถ้าหากคุณได้ติดตามบทวิเคราะห์หรือความคิดเห็นเกี่ยวกับตลาด Forex อย่างเป็นประจำแล้ว คุณคงเคยได้ยินคำว่า "pips" กันมาบ้างแล้วนะครับ ซึ่งบทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่อง pip ในตลาด Forex และตอนนี้เราจะมาอธิบายว่า pip คืออะไร และแสดงให้คุณเห็นว่าค่าของพวกมันถูกคำนวณอย่างไร

คำว่า Pip (Price Interest Point) คือหน่วยวัดเพื่อแสดงการเปลี่ยนแปลงในมูลค่าระหว่างสองสกุลเงิน เป็นทศนิยมตำแหน่งที่ 4 ในคู่สกุลเงินส่วนใหญ่ 

สมมติว่าราคาของคู่สกุลเงิน EUR/USD เปลี่ยนจาก 1.0614 ไปที่ 1.0615 ซึ่งราคาเปลี่ยนไปที่จำนวน 0.0001 เราเรียกว่า ราคาเคลื่อนไหวไป 1 pip 

โบรกเกอร์ส่วนใหญ่กำหนดราคา pip แบบเศษส่วน ดังนั้นคุณจะเห็นทศนิยมตำแหน่งที่ 5 เช่นใน 1.06154 โดย '4' มีค่าเท่ากับสี่ในสิบ จะมีค่าเท่ากับ 0.4 pip (0.00004)

แต่จะมีข้อยกเว้นบางประการ เช่น คู่เงินเยนของญี่ปุ่นที่มีทศนิยม “สองตำแหน่ง” ตัวอย่างเช่น หาก USD/JPY ขยับจาก 126.68 เป็น 126.69 มูลค่าที่เพิ่มขึ้น 0.01 จะเท่ากับ 1 pip 

อีกทั้งโบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะกำหนดราคา pip แบบเศษส่วน ดังนั้นคุณจะเห็นทศนิยม “ตำแหน่งที่สาม” เช่นใน 127.936 โดย '6' มีค่าเท่ากับหกในสิบของ pip จึงเรียกว่า 0.2 pip (0.002) 

ตัวอย่างของ pip แบบเศษส่วนบนแพลตฟอร์มการเทรด Mitrade:

คุณสามารถเทรดตลาดฟอเร็กซ์ได้โดยใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น CFD (สัญญาส่วนต่าง) การเทรดนั้น คุณกำลังคาดการณ์ว่าสกุลเงินหนึ่งจะขึ้นหรือลงเมื่อเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง หากราคาเคลื่อนไหวเป็น pips ในทิศทางที่คุณคาดการณ์ไว้ คุณก็จะได้กำไร หากราคาเคลื่อนไหวสวนทางกับคุณ คุณก็จะขาดทุน

1. การคำนวณมูลค่า Pip สำหรับบัญชี USD

1) หาก USD อยู่ในอันดับที่สอง

หากคุณมีบัญชีที่มีเงินเป็นดอลลาร์สหรัฐ มูลค่า pip จะคงที่และไม่เปลี่ยนแปลง

• USD$10 สำหรับล็อตมาตรฐาน ซึ่งเท่ากับ 100,000 หน่วยของสกุลเงิน

• USD$1 สำหรับมินิล็อต ซึ่งเท่ากับ 10,000 หน่วยของสกุลเงิน

• USD$0.10 สำหรับไมโครล็อต ซึ่งเท่ากับ 1,000 หน่วยของสกุลเงิน

• USD$0.01 สำหรับนาโนล็อต ซึ่งเท่ากับ 100 หน่วยของสกุลเงิน

ค่า pip เหล่านี้ใช้กับคู่เงินใดๆ ที่ USD อยู่ในรายการที่สอง เช่น ยูโร/ ดอลลาร์สหรัฐ (EUR/USD), ปอนด์อังกฤษ/ ดอลลาร์สหรัฐ (GBP/USD), ดอลลาร์ออสเตรเลีย/ดอลลาร์ สหรัฐ(AUD/USD) และดอลลาร์นิวซีแลนด์/ดอลลาร์สหรัฐ (NZD/USD)

2) หาก USD ไม่อยู่ในรายการที่สอง

ให้หารด้วยค่า pip ด้านบนด้วยอัตรา USD/XXX

ตัวอย่างเช่น การคำนวณมูลค่า pip ของล็อตมาตรฐานสำหรับดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์แคนาดา (USD/CAD)ด้วยบัญชี USD

ให้หาร 10 USD ด้วยอัตรา USD/CAD หากอัตรา USD/CAD เท่ากับ 1.35104 มูลค่า pip ล็อตมาตรฐานก็จะเท่ากับ 7.40 USD (10 USD หารด้วย 1.35104)

2.การคำนวณมูลค่า Pip สำหรับบัญชีที่ไม่ใช่ USD

ไม่ว่าจะเป็นสกุลเงินใดอยู่ในบัญชี เมื่อสกุลเงินนั้นอยู่ในรายการที่สองในคู่ มูลค่า pip จะคงที่

ตัวอย่างเช่น หากคุณมีบัญชีสกุลเงินดอลลาร์แคนาดา (CAD) คู่เงินใดๆ ก็ตามที่เป็น XXX/CAD เช่น USD/CAD จะมีมูลค่า pip คงที่ ล็อตมาตรฐานคือ CAD$10 มินิล็อตคือ CAD$1 และไมโครล็อตคือ CAD$0.10

การคำนวณมูลค่า pip เมื่อ CAD แสดงเป็นอันดับแรก เอามูลค่า pip คงที่หารด้วยอัตราแลกเปลี่ยน

ตัวอย่างเช่น หากอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับดอลลาร์แคนาดา/ฟรังก์สวิส (CAD/CHF) คือ 0.75169 pip จะมีมูลค่า CAD$1.33 สำหรับมินิล็อต (CAD$1 หารด้วย 0.75169)

หากทั้งคู่รวมเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) —เช่น CAD/JPY⁠— คุณต้องคูณผลลัพธ์ด้วย 100 หลังจากหารด้วยอัตราแลกเปลี่ยน นั่นเป็นเพราะสำหรับเงินเยน pip เป็นที่ที่สองหลังจากจุดทศนิยม (0.01) แทนที่จะเป็นตำแหน่งที่สี่ (0.0001)

ตัวอย่างเช่น หาก CAD/JPY มีราคาอยู่ที่ 78.872 เพื่อหาค่า pip มาตรฐาน ให้หาร CAD$10 ด้วย 78.872 แล้วคูณผลลัพธ์ด้วย 100 สำหรับมูลค่า pip ที่ CAD$12.68

ทำตามขั้นตอนนี้กับสกุลเงินของบัญชีเพื่อค้นหาค่า pip สำหรับคู่เงินที่มีสกุลเงินนั้นๆ นะครับ

3.การคำนวณมูลค่า Pip สำหรับคู่สกุลเงินอื่น

ไม่ใช่ทุกคู่สกุลเงินที่ซื้อขายก็จะรวมไปด้วยสกุลเงินที่อยู่ในบัญชีคุณ เช่น คุณมีบัญชี USD แต่จะซื้อขาย EUR/GBP

1) หากสกุลเงินที่อยู่รายการที่สองเป็นสกุลเงินที่อยู่ในบัญชีคุณ

ในกรณีที่สกุลเงินที่อยู่รายการที่สองเป็นสกุลเงินที่อยู่ในบัญชีคุณ  มูลค่า pip จะคงที่เสมอ

ตัวอย่างเช่น คุณมีบัญชี USD และคุณทำการซื้อขาย EUR/GBP

เรารู้อยุ่แล้วว่าหากคุณมีบัญชี GBP มูลค่า pip จะเป็น GBP10 สำหรับล็อตมาตรฐานตามที่กล่าวไว้ข้างต้น

แล้วขั้นตอนต่อไปก็คือการแปลง GBP10 เป็นสกุลเงิน USD โดยเอา GBP10 มาหารด้วยอัตรา USD/GBP หากอัตราเป็น 0.76554 มูลค่า pip จะเป็น USD$13.06

หากคุณพบเฉพาะราคา "ย้อนกลับ" หรือส่วนกลับ เช่น อัตรา GBP/USD ที่ 1.30542 ให้หาร 1 ด้วยอัตราเพื่อให้ได้ 0.76604 นั่นคืออัตรา USD/GBP จากนั้นคุณสามารถคำนวณข้างต้นได้ครับ

หากสกุลเงินในบัญชีของคุณคือยูโร และคุณต้องการทราบมูลค่า pip ของ AUD/CAD โปรดจำไว้ว่าสำหรับคนที่มีบัญชี CAD ล็อตมาตรฐานจะเท่ากับ CAD$10 สำหรับคู่นี้ แปลง CAD$10 เป็นยูโรโดยหารด้วยอัตรา EUR/CAD หากอัตราคือ 1.47421 ค่า pip มาตรฐานของล็อตจะเท่ากับ 6.78 ยูโร

พิจารณาเสมอว่าสกุลเงินใดให้มูลค่า pip: สกุลเงินที่สอง (YYY) เมื่อคุณทราบแล้ว ให้แปลงค่า pip คงที่ในสกุลเงินนั้นเป็นของคุณเองโดยหารด้วย XXX/YYY โดยที่ XXX คือสกุลเงินในบัญชีของคุณ

เครื่องมือที่ใช้ในการคำนวณค่า Pip มีอะไรบ้าง

ตัวเลือกการคำนวณค่า Pipที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือเครื่องคำนวณ pip สำหรับฟอเร็กซ์ ซึ่งจะคำนวณมูลค่า pip ได้ทันที เพียงป้อนรายละเอียดต่างๆ เช่น คู่สกุลเงิน ขนาดการเทรด และสกุลเงินของบัญชี เครื่องมือก็จะคำนวณมูลค่า pip ที่แน่นอน 

เครื่องคำนวณเหล่านี้มีให้บริการบนแพลตฟอร์มโบรกเกอร์หลายแห่ง เช่น Exness, IC Markets รวมถึง เช่น เครื่องคำนวณ Myfxbook และ BabyPips หรือสคริปต์เสริมของ MetaTrader

อีกหนึ่งแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับ pip มาจากแพลตฟอร์มเทรดโดยตรง เช่น MT4, MT5 และ cTrader แพลตฟอร์มเหล่านี้จะแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ pip โดยอัตโนมัติ โดยแสดงการเคลื่อนไหวของ pip มูลค่า pip ต่อสถานะที่เปิดอยู่ และกำไรหรือขาดทุนที่วัดเป็น pip นอกจากนี้ MT4 ยังรองรับตัวบ่งชี้ค่า pip ซึ่งคำนวณมูลค่า pip แบบเรียลไทม์ ดังนั้นเทรดเดอร์จึงไม่จำเป็นต้องคำนวณด้วยตนเองขณะเทรด

เทรดเดอร์ที่ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงมักใช้เครื่องคำนวณขนาดสถานะ เครื่องมือเหล่านี้จะกำหนดขนาดล็อตที่ถูกต้องโดยพิจารณาจากยอดคงเหลือในบัญชี เปอร์เซ็นต์ความเสี่ยง และระยะห่างของจุดตัดขาดทุน (Stop-loss distance) ของคุณ ในระหว่างการคำนวณนี้ เครื่องมือจะคำนวณมูลค่า pip โดยอัตโนมัติ ช่วยให้คุณเข้าใจได้อย่างแม่นยำว่าเงินมีความเสี่ยงเท่าใดในแต่ละ pip ที่ตลาดเคลื่อนไหว

เพื่อความแอดว๊านซ์ที่มากขึ้น เทรดเดอร์หลายรายจึงสร้างเครื่องมือของตนเองโดยใช้สูตรคำนวณด้วยตนเองหรือแผ่นงาน Excel มูลค่า pip สามารถคำนวณได้โดยใช้สูตรง่ายๆ ดังนี้

• สำหรับคู่สกุลเงินส่วนใหญ่: มูลค่า Pip = 0.0001 × จำนวนการซื้อขาย 

• สำหรับคู่เงิน JPY: มูลค่า Pip = 0.01 × จำนวนการซื้อขาย÷ ราคาสปอต

Pip ไม่ได้เป็นแค่หน่วยวัดเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของการวางแผนการเทรดและการติดตามผลการดำเนินงานในตลาด Forex ไม่ว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์มือใหม่หรือเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ การเข้าใจและการใช้ Pip อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณเทรดได้อย่างชัดเจน มีวินัย และแม่นยำ

1. การบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจน

Pip ช่วยวัดผลได้อย่างแม่นยำว่าคุณมีโอกาสขาดทุนหรือกำไรจากการเทรดเท่าใด เมื่อคุณตั้งจุดตัดขาดทุนหรือจุดทำกำไร คุณกำลังทำการวัดผลด้วย Pip ซึ่งทำให้การบริหารความเสี่ยงมีความเป็นกลางและสอดคล้องกันมากขึ้นในคู่สกุลเงินและสภาวะตลาดที่แตกต่างกัน

ตัวอย่างเช่น แทนที่จะพูดว่า "ฉันจะออกถ้าตลาดดูแย่" เทรดเดอร์ที่มีวินัยอาจพูดว่า "จุดตัดขาดทุนของฉันอยู่ที่ 30 Pip" โครงสร้างระดับนี้ทำให้ง่ายต่อการขจัดอารมณ์ออกจากการตัดสินใจ

2. การวัดผลที่ได้มาตรฐานสำหรับทุกการเทรด

การใช้ Pip ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเปรียบเทียบผลการดำเนินงานในการเทรดที่แตกต่างกันได้ โดยไม่คำนึงถึงคู่สกุลเงินหรือขนาดบัญชี การชนะ 50 pip ของ EUR/USD และ 50 pip ของ GBP/JPY อาจมีมูลค่าดอลลาร์ที่แตกต่างกัน แต่แสดงถึงการเคลื่อนไหวที่เหมือนกันในแง่ของการเคลื่อนไหวของตลาด

การกำหนดมาตรฐานนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการประเมินประสิทธิภาพของกลยุทธ์หรือการเปรียบเทียบรูปแบบการเทรด เนื่องจากช่วยลดความยุ่งยากจากขนาดล็อตและสกุลเงินของบัญชีที่แตกต่างกัน

3. การสร้างความสม่ำเสมอในกลยุทธ์

การติดตาม pip ที่ได้หรือเสียอย่างสม่ำเสมอช่วยให้เทรดเดอร์สามารถปรับปรุงกลยุทธ์ ตรวจสอบประสิทธิภาพเมื่อเวลาผ่านไป และระบุรูปแบบได้ เทรดเดอร์มืออาชีพหลายรายตั้งเป้าหมายจำนวน pip เฉลี่ยที่เฉพาะเจาะจงต่อการเทรดหรือต่อสัปดาห์ ซึ่งช่วยสร้างความน่าเชื่อถือในระยะยาวให้กับผลลัพธ์การเทรดของพวกเขา

โดยสรุป pip ช่วยให้เทรดเดอร์มีภาษาสากลสำหรับการวัดความสำเร็จ การบริหารความเสี่ยง และการรักษาวินัยเชิงกลยุทธ์

การเข้าใจวิธีการทำงานของ pip เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการวางแผนการเทรด การจัดการความเสี่ยง และการวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน ตัวอย่างต่อไปนี้แสดงให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวของ pip ส่งผลต่อกำไรและขาดทุนจริงในการเทรดฟอเร็กซ์ในชีวิตประจำวันอย่างไร

ตัวอย่างที่ 1: การซื้อขาย EUR/USD แบบ Standard Lot

หากคุณซื้อ EUR/USD 1 standard lot (100,000 หน่วย) ที่ราคา 1.1000 และราคาเพิ่มขึ้นเป็น 1.1050 คุณจะได้รับ 50 pips เนื่องจากแต่ละ pip ใน standard lot ของ EUR/USD มีมูลค่า $10 กำไรรวมของคุณคือ 50 pips × $10 = $500

หากราคาลดลงเหลือ 1.0950 50 pips เดิมจะส่งผลให้ขาดทุน $500 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการวางแผนความเสี่ยงแบบ pip มีความสำคัญอย่างไรก่อนเข้าเทรด

ตัวอย่างที่ 2: การซื้อขาย USD/JPY แบบมินิล็อต

การขาย USD/JPY 1 มินิล็อต (10,000 หน่วย) ที่ราคา 145.80 และปิดที่ราคา 145.40 จะทำให้ได้กำไร 40 pip

1 pip ของคู่เงิน JPY มีค่าเท่ากับ 0.01 และโดยทั่วไปค่า pip จะอยู่ระหว่าง $0.90 ถึง $1 สำหรับมินิล็อต

การเคลื่อนไหวนี้จะสร้างกำไรประมาณ $40 สำหรับคู่เงิน JPY อาจดูแตกต่างกันเนื่องจากการกำหนดราคาแบบทศนิยมสองจุด แต่พฤติกรรมของ pip นั้นเหมือนกัน

ตัวอย่างที่ 3: การใช้ Pips เพื่อบริหารความเสี่ยง

หากความเสี่ยงสูงสุดต่อการเทรดของคุณคือ $100 และคุณเทรดมินิล็อตโดยที่ 1 pip = $1 คุณสามารถเสี่ยงได้ 100 pip ซึ่งหมายความว่าจุดตัดขาดทุนของคุณจะถูกตั้งไว้ห่างจากจุดเข้า 100 pip ด้วยอัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยง 2:1 เป้าหมายการทำกำไรของคุณจะอยู่ที่ 200 pip Pip ช่วยให้คุณมีโครงสร้างสำหรับการวางแผนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ชัดเจน

ตัวอย่างที่ 4: การวัดประสิทธิภาพของกลยุทธ์ด้วย Pip

เทรดเดอร์หลายรายประเมินประสิทธิภาพด้วย Pip มากกว่าตัวเงิน ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์ที่ทำกำไรได้เฉลี่ย 30 Pip ต่อการเทรดที่ชนะ โดยมีอัตราการชนะ 70% สามารถติดตามความสอดคล้องของกลยุทธ์ได้โดยไม่คำนึงถึงขนาดล็อตหรือสภาวะตลาด

ค่า Pip มีบทบาทสำคัญในทั้งการเทรดฟอเร็กซ์และ CFD โดยทำหน้าที่เป็นหน่วยมาตรฐานในการวัดความเคลื่อนไหวของราคา กำไร และความเสี่ยง ไม่ว่าคุณจะเทรดคู่สกุลเงินโดยตรงหรือใช้ CFD การคำนวณค่า Pip จะช่วยกำหนดว่าการเคลื่อนไหวของตลาดแต่ละครั้งส่งผลต่อสถานะของคุณมากน้อยเพียงใด การทำความเข้าใจค่า Pip ช่วยให้คุณสามารถกำหนดระดับ Stop-Loss และ Take Profit ควบคุมความเสี่ยง และประเมินผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้นก่อนเข้าเทรดได้อย่างแม่นยำ 

สำหรับการเทรด CFD ซึ่งคุณสามารถเลือกเทรดแบบ Long หรือ Short และใช้เลเวอเรจได้ การประเมินค่า Pip ที่แม่นยำจึงมีความสำคัญยิ่งขึ้น การเข้าใจค่า Pip อย่างแท้จริงจะนำไปสู่การตัดสินใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น การควบคุมความเสี่ยงที่ดีขึ้น และประสิทธิภาพการเทรดที่สม่ำเสมอยิ่งขึ้นได้นั่นเอง

💸 ห้ามพลาด!!! 💸

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์! 🎁🎁🎁

ค่าคอมฯ 0 สเปรดต่ำ! เงินฝากขั้นต่ำ $50 🤑

ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰

เทรดเดี๋ยวนี้ >

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน