Altcoin คืออะไร Altcoins กับ Bitcoin ต่างกันอย่างไร? น่าลงทุนไหม

หากคุณกำลังสงสัยว่า Altcoin คืออะไร ทำไมเรียกกันว่าเป็น "เหรียญทางเลือก" และ ยกเว้นเพียงแค่ Bitcoin วันนี้เราได้รวบรวม “Altcoin” หรือ “Alternative Coin” หรือที่เรียกว่า “เหรียญทางเลือก” ที่เหล่านักลงทุนมือใหม่นิยมเทรดกัน มาให้ทุกคนได้รู้จักและทำความเข้าใจในบทความนี้กัน

“Altcoin” หรือ “Alternative Coin” เกิดจากการผสมคำกันระหว่าง Alternative (อัล-เทอร์-เน-ทีฟ) ซึ่งแปล ว่าทางเลือกอื่น ๆ กับคำว่า Coin (คอยน์) ซึ่งแปลว่าเหรียญ โดยรวมกันแล้วแปลว่า “เหรียญทางเลือก” คือ เงินดิจิทัลหรือ Cryptocurrency สกุลอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ Bitcoin (BTC) โดย Altcoin ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรอชิงบัลลังก์ Bitcoin หลังจากเห็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ แต่เงื่อนไขในการใช้ก็จะแตกต่างกันไป ที่น่าตื่นเต้นไปกว่านั้น คือ ขณะนี้ทั่วโลกมี Altcoin มากกว่า 20,000 สกุลแล้ว(coinmarketcap)

Bitcoin ถือเป็นสกุลเงินดิจิทัลรุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน มีจุดประสงค์เพื่อเป็นสื่อกลางของการแลกเปลี่ยน แต่เพราะว่าเป็นสกุลเงินรุ่นแรกทำให้มีฟังก์ชันการใช้งานน้อย แต่ได้รับการยอมรับจำนวนมาก ทำให้มีมูลค่าทางการตลาดและปริมาณแลกเปลี่ยนสูงสุดมาเป็นอันดับ  #1 ตลอด ที่ใคร ๆ ก็ต่างเรียกว่าเป็นเหรียญคริปโตพี่ใหญ่แห่งวงการดิจิทัล

Altcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลทางเลือกที่ใช้เรียกเหรียญเกิดขึ้นมาใหม่นอกเหนือจาก Bitcoin มีจุดประสงค์การใช้งานหลากหลายกว่า Bitcoin เนื่องจากเป็นสกุลเงินที่ได้รับการพัฒนาจากเทคโนโลยีบล็อกเชนรุ่นหลังเลยทำให้ต้องนำเทคโนโลยีรุ่นก่อนหน้ามาแก้ไขปรับปรุง ทำให้เกิดการพัฒนาสามารถใช้งานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทำให้ Altcoin มีอัตราการเติบโตในปริมาณที่สูงมาก แต่ในทางกลับกันก็มีความผันผวนมากกว่า Bitcoin สะอีก

จะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ และ 6 ประเภทย่อย ได้แก่

4 ประเภทใหญ่

1. Proof-of-Work (PoW) Altcoins

เป็นเหรียญที่ใช้กลไกฉันทามติเดียวกันกับเครือข่าย  Bitcoin ใครอยากมีส่วนร่วมก็มาขุด ภายใต้โมเดล PoW คอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า miners โดยนักขุดได้รับเหรียญเป็นรางวัลตอบแทนเช่นเดียวกันกับ Bitcoin

ตัวอย่าง PoW altcoins: Monero (XMR), Bitcoin Cash (BCH), ZCash (ZEC) และ Litecoin (LTC)

2. Proof-of-Stake (PoS) Altcoins

ใช้วางสินทรัพย์ค้ำประกันเพื่อแลกกับสิทธิในการตรวจสอบและยืนยันธุรกรรม และจัดการกับปัญหาการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง ค่าธรรมเนียมไม่แพงและทำธุรกรรมรวดเร็ว ปัจจุบันมีเพียง Altcoin เท่านั้นที่ใช้แนวคิด Proof of Stake

ตัวอย่าง PoS altcoins: Tezos (XTZ), Tron (TRX), Zilliqa (ZIL), Cosmos (ATOM) และ Cardano (ADA)

3. DeFi Altcoins

โลกการเงินที่ไม่ต้องพึ่งธนาคาร ที่สามารถทำในสิ่งที่ระบบการเงินปัจจุบันหรือธนาคารทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการ สร้างสินทรัพย์ กู้ยืม ค้ำประกัน โอนสินทรัพย์ รวมไปถึงสิ่งอื่นๆที่ระบบการเงินปัจจุบันทำได้ซึ่งอาจจะรวมไปถึงตลาดเงิน หรือสินทรัพย์ต่าง ๆ

ตัวอย่างของ DeFi altcoins: Compound (COMP), Uniswap (UNI), PancakeSwap (CAKE), Aave (Lend), Synthetix (SNX)

4. Stablecoins

คริปโตเคอร์เรนซีที่มีราคาอ้างอิงกับราคาอื่น เช่น ตรึงมูลค่าด้วยสกุลเงินหลัก หุ้น ทองคำ กองทุน หรือสินทรัพย์ดิจิทัล ถูกควบคุมมูลค่าด้วยการปรับลดดอกเบี้ยหรืออุปทาน Stablecoins จึงถูกนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระเงินมากขึ้นในปัจจุบัน

ตัวอย่าง Stablecoins: Tether (USDt), Circle USD (USDC), PAX Gold (PAXG), Gemini USD (GUSD)

6 ประเภทย่อย

1. Stablecoin

Altcoins ที่เชื่อมโยงกับสินทรัพย์ที่มีมูลค่าอื่นๆ ซึ่งจะโอนมูลค่าของมันไปยังเหรียญ เหรียญ Stablecoin ที่ใหญ่ที่สุดส่วนใหญ่ใช้สกุลเงิน fiat หรือถูกแบ่งตามสินทรัพย์ ดังนี้ 

• Fiat – collateralized (รองรับด้วยเงินเฟียต)

• Commodity – collateralized (รองรับด้วยสินค้าโภคภัณฑ์)

• Crypto – collateralized (รองรับด้วย Crypto)

• Non – collateralized (ไม่รองรับด้วยอะไรเลย)

2. Payment Tokens

เป็นโทเคนที่ใช้ชำระหนี้ โทเคนประเภทนี้จะมีจุดประสงค์หลักเพื่อใช้ในการชำระราคาสินค้าและบริการแทนเงินสด

3. Security Tokens

โทเค็นการรักษาความปลอดภัยเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับการโทเค็นและนำมาใช้เพื่อเป็นตัวแทนของการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล

4. Utility Tokens

เหรียญโทเคน ที่เอาไว้ใช้แลกกับการบริการ หรือใช้งานในระบบนั้นๆ

5. Meme Tokens

เป็นกลุ่ม altcoins ที่ได้รับความนิยมอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับ Dogecoin (DOGE) เหรียญมีมเป็นโทเคนที่ได้มาจากเรื่องตลกหรือเรื่องที่เป็นไวรัลในโลกออนไลน์ ที่เป็นเหรียญน้องหมาหน้ากวนพันธุ์ชิบะอินุกันมาบ้าง ซึ่ง Dogecoin เป็น Meme Coin ตัวแรกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

6. Governance Tokens

อนุญาตให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการกำกับดูแลของโครงการ ให้สิทธิเพื่อโหวตในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลง ผู้ถือเหรียญจะมีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น

ข้อดีของ Altcoins 

1. มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่มากกว่า Bitcoin เนื่องจาก Altcoins มีแนวโน้มผันผวนมากกว่า Bitcoin และส่วนมากเทรดกันในราคาที่ต่ำกว่า ทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ดี

2. มี Altcoins หลายพันรายการให้เราได้เลือก ซึ่งแต่ละอันก็มีกรณีการใช้งานเฉพาะของตัวเอง

3. Altcoins นำ Solution และนวัตกรรมใหม่ ๆ มาสู่ตลาด หรือเพื่อเสนอคุณสมบัติใหม่ที่ไม่มีใน Bitcoin

4. Altcoins มักจะมีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมต่ำกว่า Bitcoin ทำให้น่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับ เทรดเดอร์ที่ต้องการย้ายเงินทุนอย่างรวดเร็วและราคาถูก

ข้อเสียของ Altcoins 

1. Altcoins มีความผันผวนมากกว่า Bitcoin ทำให้การลงทุนมีความเสี่ยงมากกว่า Bitcoin 

2. มูลค่าตลาดของ altcoin นั้นน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ Bitcoin

3. Altcoins มีความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีมากกว่า Bitcoin เนื่องจากอาจมีระดับความปลอดภัยไม่เท่ากัน อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ Altcoin ทุกอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และบางอันอาจมีข้อดีหรือข้อเสียเฉพาะสำหรับการออกแบบหรือองค์กร เช่นเดียวกับการลงทุน สิ่งสำคัญคือนักลงทุนต้องทำการประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่จะลงทุนใน Altcoin ด้วย

1. Ethereum (ETH)

Ethereum (ETH) เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนแบบกระจายนาจ (DApps) สร้างขึ้นโดย Vitalik Buterin ในปี 2013 และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2015 ปัจจุบัน ETH เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับสองตามมูลค่าตลาด รองจาก Bitcoin

2. Litecoin (LTC) 

Litecoin (LTC) ถือเป็นคริปโตเคอร์เรนซีเก่าแก่ที่สุด รวมทั้งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เป็น Cryptocurrency แบบ peer-to-peer กระจายศูนย์ที่ทำงานบนบล็อกเชน ช่วยให้ทำธุรกรรมได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว Litecoin 

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ยังมีฮอตสปอต LTC20 เป็นมาตรฐานโทเค็นสำหรับ Litecoin ซึ่งคล้ายกับมาตรฐาน ERC-20 สำหรับ Ethereum เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2566 และออกแบบมาเพื่อให้สามารถสร้างโทเค็นที่ใช้งานได้บนเครือข่าย Litecoin ช่วยให้สามารถสร้างและจัดการโทเค็นแบบกำหนดเองได้ คล้ายกับมาตรฐาน ERC-20 สำหรับ Ethereum นอกจากนี้ มาตรฐาน LTC20 ได้รับการออกแบบมาเพื่อปรับปรุงความสามารถในการปรับขนาดของเครือข่าย ทำให้สามารถประมวลผลธุรกรรมได้มากขึ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำลง

3. Bitcoin Cash (BCH) 

Bitcoin Cash (BCH) คือ Altcoin ที่แยกตัวออกมาจาก Bitcoin โดยตรง ด้วยวิธีการ Hardfork จากบล็อกเชน Bitcoin เดิมในปี 2017 แม้ว่า BCH จะมีความแตกต่างจาก Bitcoin ในแง่ของขนาดบล็อกและค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม แต่ก็ยังคงใช้เป็นสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายอำนาจเป็นหลัก

4. Dogecoin (DOGE) 

Dogecoin (DOGE) เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นในปี 2013 เพื่อเป็นทางเลือกที่แทนสกุลเงินดิจิทัลดั้งเดิมอย่าง Bitcoin เป็น cryptocurrency แบบ peer-to-peer มีการซื้อขายกับทั้งสกุลเงิน fiat และ Cryptocurrencies อื่น ๆ มีการกระจายอำนาจที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน คล้ายกับสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ เช่น Bitcoin และ Litecoin Dogecoin

5. Ripple (XRP) 

Ripple (XRP) คือ Altcoin สกุลหนึ่งและเป็นแพลตฟอร์ม Blockchain ที่เริ่มใช้ในปี 2013 โดย Jed McCaleb (ผู้ก่อตั้งเหรียญ Stellar) เพื่อช่วยแก้ปัญหาการทำธุรกรรมทางการเงินแบบเดิม ๆ ให้รวดเร็ว ปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการโอนเงินระหว่างประเทศมีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมต่ำ

6. Cardano (ADA) 

Cardano (ADA) เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชน Proof of Stake (PoS) แบบกระจายอำนาจที่ออกแบบมาเพื่อเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพมากกว่าสำหรับเครือข่าย Proof of Work (PoW) คล้ายกับบล็อกเชนที่ประสบความสำเร็จอย่าง Ethereum และรองรับเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เครื่องเสมือน(EVM) และสัญญาอัจฉริยะ

7. Polygon (MATIC) 

Polygon (MATIC) เป็นสกุลเงินดิจิทัลและแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ช่วยให้เครือข่าย Blockchainเชื่อมต่อและปรับขนาดได้ เป็นโซลูชันการปรับขนาด Layer 2 หรือ Sidechain ที่ทำงานควบคู่ไปกับ Ethereum blockchain ช่วยให้ทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและค่าธรรมเนียมต่ำ

ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่า Altcoins จะยังคงได้รับมูลค่าและส่วนแบ่งการตลาดต่อไป เนื่องจากผู้คนจำนวนมากขึ้นหันมาสนใจในเทคโนโลยี cryptocurrency และ blockchain Altcoins นำเสนอคุณสมบัติและความสามารถที่แตกต่างเมื่อเทียบกับ Bitcoin เช่น เวลาในการทำธุรกรรมที่เร็วขึ้นและความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถดึงดูดผู้ใช้ได้มากขึ้นในอนาคต

ในทางกลับกัน ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่า Bitcoin จะยังคงครองตลาดสกุลเงินดิจิทัลต่อไป และ Altcoins อาจสูญเสียมูลค่าหรือรวมเข้ากับโครงการอื่น อย่างไรก็ตาม Altcoins บางตัวเช่น Ethereum, Binance Coin และ Cardano ได้รับมูลค่าตลาดและถูกใช้กันเป็นวงกว้างบนบล็อกเชนและสัญญาอัจฉริยะ ชี้ให้เห็นว่าอนาคตของ Altcoins อาจขึ้นอยู่กับความสามารถในการนำเสนอคุณลักษณะเฉพาะและกรณีการใช้งานที่ทำให้แตกต่างจากสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ

โดยสรุปง่าย ๆ  Altcoin กับ Bitcoin เป็น เหรียญคริปโตทุกสกุล ยกเว้น Bitcoin ที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนเหมือนกัน โดยมีจุดประสงค์ ข้อมูล เป้าหมายที่แตกต่างกัน และมีความเสี่ยงที่ไม่เท่ากัน ถึงแม้ว่า Altcoin จะกำเนิดขึ้นหลัง Bitcoin แต่มันก็มีความสำคัญ และเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ ในตลาดคริปโต ทั้งในแง่ของเทคโนโลยี ที่สามารถให้นักลงทุนมีทางเลือกมากขึ้น และ Altcoin กำลังกลายเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่นักลงทุน

1.ทำไม Altcoin สร้างกำไรได้ไวกว่า Bitcoin

ตอบ เหรียญ Altcoin ถูกมองว่ามีความเสี่ยงมากกว่า Bitcoin เนื่องจากมีความผันผวนอย่างมาก ในทางกลับกัน เมื่อ Altcoin ราคาพุ่ง ราคาก็จะพุ่งแรงว่า Bitcoin นักลงทุนหลายคนจึงชื่นชอบความผันผวนนี้ เนื่องจากสามารถทำกำไรได้ไวกว่า Bitcoin

2. Alt season คือ อะไร

ตอบ  เป็นช่วงเวลาที่ Altcoin ส่วนใหญ่มีผลกำไรมากกว่า Bitcoin โดยฤดู Alt season จะป็นการนำโทเคนติดอันดับมารวบรวมไว้ อย่างเช่น เหรียญ Altcoin ที่ได้รับความนิยม มีเหรียญใหม่ ๆ ออกมามากขึ้น หรือเหรียญเดิมปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นนั่นเอง

3. Altcoins มีกี่ตัว?

ตอบ ปัจจุบัน Altcoin ทั่วโลกมีมากกว่า 5,000 สกุล