วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 25 ก.ย. 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

ราคาทองคำ XAUUSD ในช่วงเช้าตลาดเอเชียวันนี้ปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อย โดยเคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 3,746 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สะท้อนภาพตลาดที่แข็งแกร่งแม้จะมีการย่อตัวลงมาบ้างเพื่อทำกำไรเมื่อคืน โดยราคาลงไปทำจุดต่ำสุดของวันที่บริเวณ 3,717 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากที่ราคาพุ่งขึ้นไปทดสอบระดับใกล้เคียง $3,800 ดอลลาร์ ในวันก่อน

ปัจจัยหนุนสำคัญยังคงมาจากทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ชัดเจนขึ้นว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ควบคู่ไปกับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ทำให้นักลงทุนยังคงมองหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม คำพูดที่ระมัดระวังของประธาน Fed และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาด กลายเป็นตัวแปรที่คอยสกัดการทะยานขึ้นของราคาทองคำ ทำให้ตลาดยังคงอยู่ในภาวะชั่งน้ำหนักระหว่างปัจจัยบวกและลบอย่างใกล้ชิด

ทองคำเมินข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาด

แม้ว่าภาพรวมของราคาทองคำจะยังคงเป็นบวก แต่นักลงทุนก็ต้องเผชิญกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สร้างความประหลาดใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอสังหาริมทรัพย์

รายงานจากสำนักงานสำมะโนประชากรของสหรัฐฯ เปิดเผยว่ายอดขายบ้านใหม่ในเดือนสิงหาคมพุ่งสูงขึ้นถึง 20.5% สู่ระดับ 800,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2022

ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวอเมริกันกำลังกลับเข้าสู่ตลาดที่อยู่อาศัยอีกครั้ง ซึ่งช่วยลดความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรง โดยปกติแล้ว ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเช่นนี้มักจะกดดันราคาทองคำ เนื่องจากมันอาจทำให้ Fed มีความลังเลที่จะลดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของตลาดทองคำต่อข่าวดังกล่าวกลับมีจำกัด โดยเป็นเพียงการขายทำกำไรทางเทคนิคในระยะสั้นเท่านั้น สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าตลาดกำลังให้ความสำคัญกับภาพใหญ่มากกว่า นั่นคือแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินของ Fed ในระยะยาวและปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งกว่าและมีน้ำหนักต่อทิศทางราคาทองคำในปัจจุบันมากกว่าตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือน

มองข้ามช็อตสู่ $4,000 พลังซื้อจากธนาคารกลางคือตัวเปลี่ยนเกม

ในขณะที่ตลาดกำลังจับจ้องความเคลื่อนไหวรายวัน นักวิเคราะห์ระดับโลกหลายคนกลับมองไปที่เป้าหมายที่ใหญ่กว่านั้น

Bart Melek กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลกของ TD Securities ได้ให้สัมภาษณ์ไว้อย่างน่าสนใจ ว่ามีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่ราคาทองคำจะพุ่งสู่ระดับ 4,000 ดอลลาร์ในเวลาอันสั้น โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักที่ไม่ได้มาจากนักลงทุนรายย่อย แต่มาจากธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางจีน

Melek ชี้ว่า แม้จีนจะเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง แต่สัดส่วนทองคำในทุนสำรองของจีนยังคงอยู่ที่เพียง 6.7% เท่านั้น ซึ่งต่ำมากเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ที่มีสัดส่วนสูงถึง 72% หรือเยอรมนีที่ประมาณ 70%

นี่หมายความว่ายังมีช่องว่างให้ธนาคารกลางของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ โดยเฉพาะจีน สามารถเข้าซื้อทองคำได้อีกหลายล้านออนซ์ในอีกหลายปีข้างหน้า ซึ่งกระบวนการสะสมทองคำนี้จะเป็นแรงหนุนที่สำคัญและต่อเนื่องให้กับราคาทองคำในระยะยาว

นอกจากนี้ เขายังมองว่าการที่ Fed กำลังจะลดดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ ยิ่งทำให้ต้นทุนในการถือครองทองคำถูกลง และจะดึงดูดเม็ดเงินจากกองทุน ETF และนักลงทุนที่เคยตกรถในรอบที่แล้วให้กลับเข้ามาในตลาดอีกครั้ง

สัญญาณ Overbought แต่ยังไม่ Over-stretched

แม้ราคาทองคำจะพุ่งขึ้นมาอย่างร้อนแรงจนอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคหลายตัวส่งสัญญาณเข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) แต่นักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence อย่าง Mike McGlone กลับมองว่าตลาดยังมีพื้นที่ให้ไปต่อ

เขาให้มุมมองว่าหากพิจารณาข้อมูลการซื้อขายจาก CFTC จะพบว่าสถานะการถือครองสุทธิ (Net-Long) ของกลุ่มนักเก็งกำไรในตลาดฟิวเจอร์สยังคงอยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดในปีที่แล้วอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งแตกต่างจากภาวะกระทิงในอดีตที่มักจะเห็นการเก็งกำไรที่ตึงตัวจนน่ากังวล

นอกจากนี้ แม้ว่ากองทุน ETF ทองคำอย่าง SPDR Gold Shares (GLD) จะเห็นเม็ดเงินไหลเข้ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ปริมาณการถือครองทองคำโดยรวมของ ETF ทั่วโลกก็ยังคงต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2020 อยู่มาก

McGlone สรุปว่าราคาทองคำกำลังพุ่งสูงขึ้น แต่สถานะการลงทุนใน ETF และตลาดฟิวเจอร์สยังห่างไกลจากจุดที่ตึงตัว ซึ่งมักจะเป็นสัญญาณเตือนความเสี่ยงจากการเทขาย

เขายังเชื่อว่าปัจจัยที่จะผลักดันให้ราคาทองคำไปถึงเป้าหมายถัดไปที่ $4,000 ดอลลาร์ได้ อาจเป็นการปรับฐานของตลาดหุ้นที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งจะกระตุ้นให้นักลงทุนโยกย้ายเงินทุนมายังสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำมากยิ่งขึ้น

ก่อนหน้าที่เราได้เตือนถึงสัญญาณอันตรายในเขตซื้อมากเกินไป (Overbought) บัดนี้ ภาพบนกราฟราคาทองคำราย 4 ชั่วโมง ได้สะท้อนแรงกดดันดังกล่าวอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น โดยภาพที่ได้คาดการณ์ไว้ได้เกิดขึ้นจริง

ราคาได้มีการปรับฐานลงมาอย่างต่อเนื่องหลังจากไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญโซน $3,780 - $3,800 ไปได้ และได้ทะลุแนวรับแรกที่ $3,760 ลงมาเป็นที่เรียบร้อย ปัจจุบันราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ $3,742 ซึ่งเป็นบริเวณจุดวัดใจที่สำคัญอย่างยิ่ง

เมื่อพิจารณาอินดิเคเตอร์ทางเทคนิค จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ การปรับตัวลงของราคาได้ช่วยระบายความร้อนของอินดิเคเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยดัชนี RSI ได้ปรับตัวลงมาจากเขต Overbought กลับมาสู่ระดับกลางๆ ซึ่งถือเป็นการพักตัวที่ดีต่อแนวโน้มขาขึ้นในภาพใหญ่

แต่สิ่งที่น่าจับตาที่สุดในขณะนี้คือ Stochastic RSI ที่ได้ดิ่งลงจากจุดสูงสุดมาสู่เขตขายมากเกินไป (Oversold) แล้ว การที่อินดิเคเตอร์อยู่ในระดับต่ำเช่นนี้ เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าแรงเทขายในระยะสั้นอาจเริ่มอ่อนกำลังลง และมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการดีดตัวทางเทคนิค (Technical Rebound) หรือการสร้างฐานในบริเวณนี้ ในขณะเดียวกัน ราคากำลังต่อสู้เพื่อยืนอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA 26 ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวรับที่สำคัญ

สำหรับแนวโน้มและกลยุทธ์ในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า ตลาดกำลังอยู่ในจุดตัดสินใจสำคัญ แนวรับที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดที่สุดได้เลื่อนลงมาอยู่ที่โซน $3,725 หากราคาทองคำสามารถยืนหยัดอยู่เหนือแนวรับนี้ได้สำเร็จ

ประกอบกับสัญญาณ Oversold จาก Stochastic RSI จะถือเป็นภาพที่สวยงามและเป็นจุดเข้าซื้อตามแนวโน้ม (Buy on Dip) ที่มีความเสี่ยงต่ำ เพื่อลุ้นให้ราคากลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่เพิ่งหลุดลงมาคือ $3,760 และเป้าหมายถัดไปที่ $3,780 ตามลำดับ

แต่ในทางกลับกัน หากแรงขายยังคงกดดันจนราคาหลุดแนวรับสำคัญที่ $3,725 ลงไปอย่างเด็ดขาด จะถือเป็นการทำลายโครงสร้างขาขึ้นในระยะสั้น และจะเปิดทางให้ราคาปรับฐานลึกลงไปหาแนวรับถัดไปที่โซน $3,700 ได้ทันที

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,725

• $3,700

• $3,680

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,760

• $3,780

• $3,800