วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 31 ธันวาคม 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

ส่งท้ายปี 2025 ด้วยความร้อนแรงของตลาดสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างแท้จริง หลังจากที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาตลาดมีการเทขายอย่างหนักหน่วง โดยราคาทองคำ XAUUSD ถูกทุบลงไปแตะระดับ 4,305 ดอลลาร์ ก่อนที่จะดีดตัวกลับขึ้นมายืนเหนือระดับ 4,357 ดอลลาร์ ได้ในช่วงเช้าวันนี้

ในขณะที่แร่เงินก็ไม่น้อยหน้า ปรับตัวขึ้นมาปิดที่ 76.23 ดอลลาร์ สาเหตุหลักที่ทำให้ราคาสินทรัพย์เหล่านี้พุ่งทะยานคงหนีไม่พ้นความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ปะทุขึ้นพร้อมกันในหลายจุดทั่วโลก ซึ่งเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้เกิดแรงซื้อในฐานะ Safe Haven อย่างชัดเจน

สถานการณ์ความขัดแย้งเริ่มตึงเครียดขึ้นเมื่อประธานาธิบดี Putin ของรัสเซียประกาศทบทวนจุดยืนในการเจรจาสันติภาพ โดยอ้างว่ายูเครนส่งโดรนโจมตีที่พักของเขา

ซึ่งทางประธานาธิบดี Zelenskiy ของยูเครนได้ออกมาปฏิเสธและโต้กลับว่าเป็นข้ออ้างของ Moscow ในการเตรียมถล่ม Kyiv ระลอกใหม่ ความไม่แน่นอนนี้เกิดขึ้นแม้ว่า Putin จะได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดี Trump แล้วก็ตาม

นอกจากนี้ในฝั่งละตินอเมริกา ประธานาธิบดี Trump ยังได้สั่งกองทัพสหรัฐฯ โจมตีท่าเรือใน Venezuela เพื่อกวาดล้างขบวนการค้ายาเสพติด ซึ่งถือเป็นการยกระดับความรุนแรงทางการทหารอย่างมีนัยสำคัญ

ประกอบกับทางฝั่งเอเชียที่จีนได้เปิดฉากซ้อมรบ Justice Mission-2025 ยิงขีปนาวุธล้อมรอบเกาะไต้หวันเพื่อตอบโต้การขายอาวุธของสหรัฐฯ และท่าทีของญี่ปุ่น

ปัจจัยลบเหล่านี้ล้วนเป็นแรงส่งชั้นดีที่หนุนให้ราคาทองคำยืนเหนือระดับ 4,300 ดอลลาร์ได้อย่างแข็งแกร่ง และหากราคาปิดตลาดในวันศุกร์นี้สามารถยืนใกล้จุดสูงสุดของสัปดาห์ได้ ก็จะเป็นการส่งสัญญาณเชิงเทคนิคที่ดีเยี่ยมสำหรับการเทรดในช่วงต้นปี 2026

เฟดเสียงแตกกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ร้อนแรงเกินคาด ดอกเบี้ยปีหน้าจะไปทางไหน

ข้ามมาดูฝั่งนโยบายการเงินของสหรัฐฯ กันบ้าง ล่าสุดมีการเปิดเผยรายงานการประชุมของ Federal Reserve ประจำเดือนธันวาคม ซึ่งสะท้อนให้เห็นรอยร้าวและความเห็นต่างที่ชัดเจนที่สุดในรอบหลายปี

มติการลดดอกเบี้ยครั้งล่าสุดที่ 0.25% นั้นจบลงด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 3 ซึ่งถือเป็นจำนวนผู้เห็นต่างที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2019

โดยกรรมการเฟดเริ่มมีความกังวลว่าการลดดอกเบี้ยต่อเนื่องอาจจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเสมอไป เพราะแม้ว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงบ้าง แต่ก็ยังห่างไกลจากเป้าหมาย 2% ประกอบกับนโยบายกำแพงภาษีของ Trump ที่หลายฝ่ายมองว่าจะส่งผลให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นชั่วคราวในปี 2026

ความน่าสนใจอยู่ที่ตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ของสหรัฐฯ ที่พุ่งทะยานถึง 4.3% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงขยายตัวได้อย่างร้อนแรงแม้จะมีความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อก็ตาม

ข้อมูลนี้ทำให้ตลาดเริ่มปรับมุมมองว่าเฟดอาจจะคงดอกเบี้ยในการประชุมรอบถัดไปเพื่อรอดูสถานการณ์ และสิ่งที่นักลงทุนต้องระวังเป็นพิเศษคือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างคณะกรรมการ FOMC ในปีหน้า โดยจะมีสมาชิกใหม่อย่าง Beth Hammack จาก Cleveland และ Lorie Logan จาก Dallas เข้ามาร่วมโหวต 

ทั้งคู่มีประวัติแสดงจุดยืนที่ค่อนข้างกังวลเรื่องการลดดอกเบี้ย หรือที่เราเรียกว่าสายเหยี่ยว ซึ่งอาจทำให้ทิศทางดอกเบี้ยในปี 2026 เปลี่ยนไปจากที่ตลาดคาดหวัง และแน่นอนว่าความไม่แน่นอนนี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าเงินดอลลาร์และทิศทางของราคาทองคำ

มุมมองระดับโลก ทองคำปี 2026 มีโอกาสเห็น 5,000 เหรียญ หรือจะร่วงหนัก

มุมมองจาก World Gold Council (WGC) โดย Juan Carlos Artigas หัวหน้าฝ่ายวิจัยระดับโลก ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจมากสำหรับการวางแผนลงทุนในปี 2026

จากการวิเคราะห์เชิงปริมาณพบว่าการพุ่งขึ้นของทองคำในปี 2025 ไม่ได้เกิดจากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก 4 ปัจจัยหลักที่ทำงานร่วมกันอย่างสมดุล ได้แก่ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ความเสี่ยงและความไม่แน่นอน ต้นทุนค่าเสียโอกาส และโมเมนตัมของราคา

ซึ่งแต่ละปัจจัยส่งผลบวกต่อราคาประมาณ 10% เท่าๆ กัน สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าฐานของราคาที่ปรับตัวขึ้นมานั้นมีความแข็งแกร่งพอสมควร

ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่การคาดการณ์ราคาในปีหน้า Artigas มองว่าหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงเพียงเล็กน้อย จนทำให้เฟดต้องลดดอกเบี้ยและดอลลาร์อ่อนค่าลง และราคาทองคำอาจปรับขึ้นได้อีก 5-15%

แต่ในกรณีที่สถานการณ์เลวร้ายกว่านั้น เช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์บานปลาย หรือเศรษฐกิจพังจากนโยบายที่ผิดพลาด แรงซื้อจากกองทุน ETF และธนาคารกลางอาจผลักดันให้ราคาพุ่งทะลุ 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนก็ต้องเผื่อใจไว้สำหรับกรณีที่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้ผลดีเกินคาดจนทำให้ความเสี่ยงลดลง ซึ่งอาจทำให้ราคาทองคำย่อตัวลงได้ถึง 5-20% รวมถึงความเสี่ยงจากฝั่งอินเดียที่มีการนำทองคำออกมาจำนำหรือขายคืนหากเศรษฐกิจในภูมิภาคย่ำแย่ ซึ่งจะเพิ่มซัพพลายเข้าสู่ตลาดและกดดันราคาได้เช่นกัน

บทสรุปส่งท้ายปี เกาะติดทิศทางก่อนเริ่มศักราชใหม่

สรุปภาพรวมในวันส่งท้ายปี 2025 เรากำลังยืนอยู่บนทางแยกที่สำคัญอย่างยิ่ง ระหว่างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงเติบโตได้ดี กับความเปราะบางของสถานการณ์โลกที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ

สำหรับนักเทรดและนักเก็งกำไร การปิดตลาดในวันศุกร์นี้จะเป็นกุญแจสำคัญ หากราคาทองคำ และแร่เงินสามารถรักษาระดับใกล้จุดสูงสุดของสัปดาห์ไว้ได้ จะเป็นการยืนยันแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า แต่หากถูกแรงเทขายกดดันลงมาปิดต่ำ ภาพทางเทคนิคอาจเสียหายและต้องระมัดระวังแรงขายซ้ำ

สิ่งที่ต้องจับตาคือสัญญาณจากธนาคารกลางที่ยังคงซื้อทองคำสะสมต่อเนื่อง แม้จะชะลอลงบ้างแต่ก็ยังเป็นฐานที่มั่นคง ในขณะที่กองทุน ETF ก็เริ่มกลับมาสะสมของอีกครั้ง

ดังนั้นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในช่วงเวลานี้คือการติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะท่าทีของ  Trump ต่อความขัดแย้งต่างๆ และตัวเลขเศรษฐกิจที่จะทยอยออกมา เพราะในปี 2026 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ความผันผวนจะเป็นชื่อเล่นใหม่ของตลาดการลงทุน และผู้ที่มีข้อมูลรอบด้านที่สุดเท่านั้นที่จะเป็นผู้ชนะในสมรภูมินี้

จากภาพสถานการณ์ล่าสุดที่ปรากฏบนกราฟราย 4 ชั่วโมง ดูเหมือนว่าโซนแนวรับสำคัญบริเวณ 4,340 ดอลลาร์ ซึ่งตรงกับระดับ Fibonacci 100% ที่เราได้ให้ความสำคัญไว้ก่อนหน้านี้ กำลังทำหน้าที่เป็นปราการด่านสุดท้ายได้อย่างแข็งแกร่ง

โดยพฤติกรรมราคา ณ ปัจจุบันที่ระดับ 4,363 ดอลลาร์ แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อคืน (Buy Back) ที่เริ่มไหลกลับเข้ามาพยุงตลาด สังเกตได้จากลักษณะของแท่งเทียนล่าสุดที่แม้จะยังไม่ปิดแท่งสมบูรณ์ แต่มีการทิ้งไส้เทียนด้านล่าง บ่งบอกถึงการปฏิเสธราคาต่ำ (Rejection of Lower Prices) 

หรือกล่าวได้ว่าเมื่อราคาพยายามจะหลุดต่ำกว่า 4,340 ดอลลาร์ ก็จะมีแรงซื้อสวนกลับเข้ามาดันราคาให้ดีดตัวขึ้นทันที สะท้อนให้เห็นว่าผู้เล่นในตลาดยังคงมองเห็นมูลค่าและความน่าสนใจในการเข้าสะสมทองคำ ณ โซนราคานี้ แม้ว่าแรงเทขายก่อนหน้าจะรุนแรงเพียงใดก็ตาม

สัญญาณทางเทคนิคที่น่าสนใจและช่วยสนับสนุนมุมมองการดีดตัวในระยะสั้น คือสัญญาณจากอินดิเคเตอร์ในกลุ่ม Momentum อย่าง Stochastic RSI ที่เริ่มมีการตัดขึ้นในโซนขายมากเกินไป บริเวณด้านล่างของกราฟ

ซึ่งมักจะเป็นสัญญาณนำร่องที่บ่งบอกว่าโมเมนตัมขาลงเริ่มอ่อนแรงลงชั่วคราวและกราฟกำลังเข้าสู่รอบของการพักตัวเพื่อดีดกลับ (Technical Rebound) ในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า

โดยเป้าหมายแรกของการดีดตัวกลับนี้จะอยู่ที่บริเวณเส้นแนวโน้มย่อยและโซนแนวต้านจิตวิทยาแถว 4,380 - 4,400 ดอลลาร์ หากแรงซื้อมากพอที่จะทะลุผ่านโซนนี้ไปได้ เราอาจจะได้เห็นราคาขึ้นไปทดสอบแนวต้านแข็งแกร่งถัดไปที่บริเวณ 4,433 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับ Fibonacci 127.2% และเคยเป็นฐานแนวรับเดิมที่เพิ่งหลุดลงมา

การทดสอบระดับนี้จะเป็นบทพิสูจน์สำคัญว่านี่เป็นเพียงการเด้งเพื่อลงต่อ หรือเป็นการสร้างฐานเพื่อกลับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังและไม่ควรวางใจในสถานการณ์มากจนเกินไป เนื่องจากโครงสร้างหลักในระยะสั้นยังคงถูกกดดันด้วยรูปแบบ Bearish Divergence จากยอดดอยก่อนหน้า

การดีดตัวขึ้นมาในรอบนี้จึงควรถูกมองว่าเป็นโอกาสในการทำกำไรระยะสั้น (Short-term Trading) หรือโอกาสในการระบายของสำหรับผู้ที่ติดดอยอยู่ มากกว่าการไล่ราคาเพื่อหวังผลระยะยาว โดยจุดตัดสินใจที่ห้ามละเลยเด็ดขาดคือฐานแนวรับที่ 4,340 ดอลลาร์

หากในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ราคาเกิดพลิกกลับมาปิดต่ำกว่าระดับนี้ด้วยแท่งเทียนสีแดงเต็มแท่ง จะเป็นการทำลายภาพการรีบาวด์ทั้งหมด และจะเปิดประตูสู่การปรับฐานลงลึกไปหาเส้นค่าเฉลี่ยสีส้ม (EMA) ที่รอรับอยู่บริเวณ 4,262 ดอลลาร์ทันที

ดังนั้นกลยุทธ์ในช่วง 24 ชั่วโมงนี้ คือการเก็งกำไรในกรอบการรีบาวด์ โดยมีจุดหนีที่ชัดเจนหากราคาหลุดทำจุดต่ำสุดใหม่

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $4,342

• $4,307

• $4,262

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $4,380

• $4,400

• $4,433