วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 9 ตุลาคม 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

ราคาทองคำ XAUUSD ยังคงยืนเหนือระดับจิตวิทยาสำคัญที่ $4,000 อย่างแข็งแกร่ง โดยล่าสุดเคลื่อนไหวใกล้ระดับ $4,030 ในช่วงเช้าของตลาดเอเชียวันนี้ แม้จะมีการย่อตัวลงเล็กน้อยจากจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ $4,059 ซึ่งทำไว้ในวันก่อนหน้า

ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ท่ามกลางสภาวะความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลกที่ยังคงปกคลุมตลาดอย่างต่อเนื่อง

แรงหนุนจากความไม่แน่นอนและท่าทีผ่อนคลายของ Fed

ปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ราคาทองคำพุ่งทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง มาจากความกังวลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองภายในสหรัฐอเมริกาโดยตรง

สถานการณ์ที่สภาคองเกรสยังคงไม่สามารถหาข้อตกลงเรื่องงบประมาณได้ จนนำไปสู่ภาวะ Government Shutdown ที่ยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 9 ยิ่งตอกย้ำความเปราะบางและความเสี่ยงที่นักลงทุนกำลังเผชิญ สิ่งนี้ได้กระตุ้นให้นักลงทุนโยกย้ายเงินทุนออกจากสินทรัพย์เสี่ยงและหันมาถือครองทองคำในฐานะหลุมหลบภัยที่เชื่อถือได้

ในขณะเดียวกัน ท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ก็เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่หนุนนำตลาดกระทิงของทองคำ การที่ Fed ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในการประชุมเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการลดครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายปี 2024 พร้อมส่งสัญญาณว่าอาจมีการลดดอกเบี้ยอีกถึงสองครั้งภายในสิ้นปีนี้ ได้สร้างแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์และลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย

ข้อมูลจาก CME FedWatch tool ชี้ว่าตลาดได้คาดการณ์โอกาสเกือบ 78% ที่จะมีการลดดอกเบี้ยลงอีก 25 basis points ในการประชุมเดือนตุลาคมนี้ และอาจมีอีกครั้งในเดือนธันวาคม แนวโน้มดอกเบี้ยขาลงนี้จึงเปรียบเสมือนแรงส่งให้ราคาทองคำทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เสียงเตือนจากภาวะ Overbought และความเห็นต่างใน FOMC

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางบรรยากาศที่สดใส ก็เริ่มมีเสียงเตือนจากนักวิเคราะห์ถึงความเสี่ยงของการปรับฐานในระยะสั้น Bart Melek หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของ TD Securities ชี้ว่า การที่ราคาทองคำพุ่งขึ้นมามากกว่า 20% หรือราว $670 ภายในเวลาเพียงสองเดือน ทำให้ตลาดเข้าสู่ภาวะ overbought หรือภาวะซื้อมากเกินไป ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการเทขายทำกำไรครั้งใหญ่หากมีปัจจัยลบเข้ามากระทบ

เขามองว่ามีความเป็นไปได้ที่ราคาอาจย่อตัวลงไปทดสอบแนวรับที่ระดับ $3,600 ได้ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ย้ำว่าการย่อตัวดังกล่าวจะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อที่ดีเยี่ยม เนื่องจากแนวโน้มขาขึ้นในภาพใหญ่ยังคงแข็งแกร่ง

ความซับซ้อนของสถานการณ์ยังสะท้อนผ่านบันทึกการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ครั้งล่าสุด ซึ่งเผยให้เห็นถึงมุมมองที่แตกต่างกันภายในคณะกรรมการ

แม้สมาชิกส่วนใหญ่จะเห็นพ้องให้ลดดอกเบี้ยลง 0.25% โดยให้เหตุผลว่าตลาดแรงงานเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว แต่ก็ยังคงมีความกังวลอย่างยิ่งต่ออัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มสูงขึ้น

สิ่งที่น่าสนใจคือ Stephen Miran สมาชิกบอร์ดคนใหม่ กลับโหวตสวนโดยเสนอให้ลดดอกเบี้ยถึง 0.50% โดยให้เหตุผลว่าตลาดแรงงานอ่อนแอกว่าที่เห็นและเงินเฟ้อที่แท้จริงนั้นใกล้เคียงเป้าหมาย 2% มากกว่าที่ตัวเลขแสดงออกมา

ความเห็นที่แตกต่างนี้ชี้ให้เห็นว่าทิศทางนโยบายการเงินของ Fed ในอนาคตยังคงมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาทองคำมีความผันผวนต่อไป

เป้าหมายถัดไปของราคาทองคำอยู่ตรงไหน

เมื่อมองไปยังอนาคต Bart Melek จาก TD Securities คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงครึ่งแรกของปีหน้า โดยคาดว่าราคาเฉลี่ยจะสร้างสถิติใหม่เหนือระดับ $4,400 ต่อออนซ์ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2026 และมีราคาเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ประมาณ $4,250

ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญยังคงมาจากการที่ Fed มีแนวโน้มจะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่สูงกว่าเป้าหมาย และที่สำคัญคือแรงซื้อจากภาคธนาคารกลางที่ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

บทบาทของจีนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภาพในระยะยาว Bart Melek ชี้ว่าแม้จีนจะเข้าซื้อทองคำอย่างมหาศาลมาตั้งแต่ปี 2022 แต่ปัจจุบันทองคำยังคงมีสัดส่วนเพียง 7.6% ของทุนสำรองระหว่างประเทศทั้งหมด ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ที่มีสัดส่วนสูงถึงเกือบ 75% นั่นหมายความว่าจีนยังมีพื้นที่ให้เพิ่มการถือครองทองคำได้อีกมหาศาล

หากจีนต้องการเพิ่มสัดส่วนทองคำในทุนสำรองเพียง 10% จะคิดเป็นปริมาณการซื้อถึง 2,600 ตัน ซึ่งบ่งชี้ว่าโครงการซื้อทองคำของจีนอาจดำเนินต่อไปอีกหลายปี นอกจากนี้ Ole Hansen ยังเสริมว่าอุปสงค์จากนักลงทุนรายย่อยในจีนก็เป็นอีกแรงขับเคลื่อนสำคัญ เนื่องจากวิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์ได้ผลักดันให้ครัวเรือนจีนหันมาลงทุนในทองคำเพื่อรักษาความมั่งคั่ง

ดังนั้น การเปิดทำการอีกครั้งของตลาด Shanghai Futures Exchange ในวันนี้หลังช่วงวันหยุดยาว Golden Week จะเป็นบททดสอบสำคัญที่จะชี้วัดแรงซื้อจากฝั่งเอเชียและอาจเป็นตัวกำหนดทิศทางราคาทองคำในระยะสั้นต่อไป

เมื่อมาดูภาพทางเทคนิคในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง จะเห็นภาพการเดินทางของราคาทองคำที่น่าทึ่งตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กราฟได้ไต่ระดับขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง สะท้อนถึงแรงซื้อที่หนาแน่นซึ่งผลักดันราคาให้ทะยานขึ้นทำลายแนวต้านสำคัญต่างๆ มาได้อย่างไม่ยากเย็น 

จนกระทั่งล่าสุดได้สร้างจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ที่บริเวณ $4,060 ก่อนจะย่อตัวลงมาพักฐานเล็กน้อยที่ระดับราคาปัจจุบัน $4,027 อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมจะยังคงเป็นแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน แต่เมื่อมองลึกลงไปในรายละเอียดของเครื่องมือ Indicators เราจะพบสัญญาณเตือนบางอย่างที่น่าสนใจและไม่อาจมองข้ามได้สำหรับทิศทางในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า

จริงอยู่ที่สัญญาณ Bearish Divergence ในดัชนี RSI อาจจะยังไม่เด่นชัดเต็มที่นัก แต่สิ่งที่ชัดเจนกว่าและเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการที่ดัชนี RSI วิ่งอยู่ในเขต Overbought หรือภาวะซื้อมากเกินไป (สูงกว่าระดับ 70) มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งโดยธรรมชาติแล้ว สภาวะเช่นนี้บ่งชี้ว่าตลาดกำลังร้อนแรงเกินไปและมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการเทขายทำกำไรได้ทุกเมื่อ

สัญญาณที่ชัดเจนยิ่งกว่ากลับปรากฏในดัชนี Stochastic RSI ได้หักหัวลงจากโซน Overbought อย่างรุนแรงและชัดเจน นี่คือการยืนยันว่าโมเมนตัมในระยะสั้นของฝั่งซื้อได้หมดแรงลง แสดงถึงแรงซื้อที่อาจจะเริ่มแผ่วลง

สำหรับภาพในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า จึงมีโอกาสที่ราคาจะพักฐาน หรือย่อตัวได้ โดยมีแนวรับอยู่ที่ $3,996 - $4,000 ซึ่งเป็นทั้งแนวรับทางเทคนิคและจิตวิทยา หากแรงซื้อยังสามารถปกป้องโซนนี้ไว้ได้ เราอาจเห็นราคาแกว่งตัวออกข้างเพื่อรอปัจจัยใหม่ๆ เข้ามา แต่หากแนวรับนี้ถูกทำลายลง เป้าหมายถัดไปของแรงขายจะอยู่ที่ $3,938 ทันที

ดังนั้น แต่แนวโน้มใหญ่จะยังเป็นขาขึ้น แต่สำหรับระยะสั้น (24 ชั่วโมงข้างหน้า) เป็นช่วงเวลาที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะสัญญาณเตือนเรื่องความอ่อนล้าของตลาดนั้นปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,996

• $3,938

• $3,883

  
  

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $4,060

• $4,100

• $4,150