วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 19 ก.ย. 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

เปิดตลาดเอเชียเช้าวันนี้ ราคาทองคำ XAUUSD เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 3,639 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังเผชิญกับแรงเทขายอย่างหนักในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยเป็นการร่วงลงอย่างรุนแรงหลังจากการพุ่งขึ้นไปทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนถึงการปรับฐานราคาในระยะสั้นของนักลงทุน

ทองคำพักฐาน นักลงทุนขายทำกำไร หลัง FED ลดดอกเบี้ยตามคาด

ภาพรวมตลาดล่าสุดแสดงให้เห็นการปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญของราคาทองคำ การปรับตัวลงครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นปฏิกิริยาที่สมเหตุสมผลของตลาด หลังจากที่ราคาทองคำได้พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงก่อนหน้า

การเทขายส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนและนักเก็งกำไรระยะสั้นที่ต้องการล็อคผลกำไร ภายหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่กรอบ 4.00% - 4.25% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้

การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณการลดดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป และประธานเฟด อย่าง Jerome Powell ได้ให้คำจำกัดความของการเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่าเป็น “การบริหารความเสี่ยง” มากกว่าที่จะเป็นการเริ่มต้นวงจรการลดดอกเบี้ยเชิงรุกเต็มรูปแบบ ทำให้นักลงทุนบางส่วนผิดหวังและเลือกที่จะขายทำกำไรออกมา

Gina Bolvin ประธานของ Bolvin Wealth Management Group ให้ความเห็น ว่าการลดดอกเบี้ย 25 basis point ของเฟด เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าตลาดแรงงานที่อ่อนตัวลงและเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่สูงได้ผลักดันให้ผู้กำหนดนโยบายต้องลงมือทำ แต่เป็นการทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป

นี่ไม่ใช่การกลับทิศทางนโยบาย แต่เป็นเพียงก้าวที่ถูกวัดผลมาอย่างดี ท่าทีที่ไม่แข็งกร้าวแต่ก็ไม่ผ่อนคลายจนเกินไปของเฟด ได้ช่วยพยุงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งกลายเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำโดยตรง

ดอลลาร์แข็งค่า สวนทางข้อมูลเศรษฐกิจแกร่งเกินคาด

ในขณะที่นโยบายการเงินของเฟดเป็นจุดสนใจหลัก ปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ก็มีอิทธิพลต่อทิศทางราคาทองคำเช่นกัน ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นอย่างชัดเจน ถือเป็นปัจจัยลบโดยตรง นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่งเกินคาดได้ลดทอนความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

ดัชนีภาคการผลิตของธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย ในเดือนกันยายนพุ่งขึ้นสู่ระดับ 23.2 ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 2.3 อย่างมาก และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 

ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคยังคงขยายตัวได้ดี ซึ่งส่งผลให้ทองคำเผชิญแรงกดดันในช่วงสั้นๆ ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับมาได้

ขณะเดียวกัน ในฝั่งยุโรป ธนาคารกลางอังกฤษ (Bank of England) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.00% ตามเดิม แม้จะมีกรรมการ 2 ใน 9 เสียงที่ต้องการให้ลดดอกเบี้ยก็ตาม

การคงดอกเบี้ยนี้สะท้อนถึงแนวทางที่ระมัดระวังและค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งทำให้การเคลื่อนไหวของราคาทองคำเมื่อเทียบกับเงินปอนด์สเตอร์ลิงมีจำกัด

สวนกระแสระยะสั้น กูรูชี้ทองคำยังเป็นขาขึ้นระยะยาว แนะสะสมช่วงย่อตัว

นักวิเคราะห์จาก Metals Focus ย้ำว่าภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคและภูมิรัฐศาสตร์ยังคงสนับสนุนการลงทุนในทองคำ ดังนั้น กลยุทธ์การเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว (Buying on dips) จึงน่าจะยังคงดำเนินต่อไป และช่วยผลักดันให้ราคาทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่ต่อไปจนถึงปี 2026

มุมมองนี้สอดคล้องกับสถาบันการเงินหลายแห่ง เช่น ธนาคาร Société Générale ของฝรั่งเศส ที่ได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในทองคำสู่ระดับสูงสุดที่ 10% ของพอร์ตโฟลิโอ โดยคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวอยู่ราว 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปจนถึงปี 2026

Chris Mancini จาก Gabelli Funds แนะนำให้มีทองคำ 5-10% โดยชี้ว่านักลงทุนทั่วไปยังไม่ได้เข้ามาในตลาดนี้มากนัก ซึ่งหมายความว่ายังมีช่องว่างให้ราคาเติบโตได้อีกมาก ปัจจัยหนุนสำคัญคือความเชื่อมั่นในสกุลเงินหลักอย่างดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ลดน้อยลง

ความเสี่ยงที่ตลาดมองข้าม อิสรภาพของเฟด และอนาคตเงินดอลลาร์

นอกเหนือจากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่จับต้องได้แล้ว ยังมีปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองที่อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อราคาทองคำในอนาคต ซึ่งเป็นประเด็นที่ตลาดยังไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก นั่นคือ “ความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ”

Philip Newman กรรมการผู้จัดการของ Metals Focus ได้แสดงความเห็นว่าแรงกดดันทางการเมืองต่อการตัดสินใจของเฟด ถือเป็นความเสี่ยงที่ยังไม่ถูกสะท้อนเข้าไปในราคา

นับตั้งแต่ประธานาธิบดี Trump เข้ารับตำแหน่งอีกครั้ง เขาก็ได้ผลักดันให้เฟด ลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่อง และความพยายามแทรกแซงดังกล่าวอาจบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของเฟด ในสายตาของตลาดโลก

หากตลาดเริ่มมองว่าเฟด ไม่ได้ดำเนินนโยบายอย่างอิสระ แต่เป็นเพียงเครื่องมือของฝ่ายบริหาร ความเชื่อมั่นต่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในฐานะสกุลเงินสำรองของโลกอาจถูกสั่นคลอนอย่างรุนแรง

ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะเป็นปัจจัยบวกมหาศาลต่อราคาทองคำ เนื่องจากนักลงทุนและธนาคารกลางทั่วโลกจะหันมาถือครองทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยงออกจากเงินดอลลาร์มากขึ้น

ความขัดแย้งนี้สะท้อนให้เห็นจากการที่ Stephen Miran ซึ่งได้รับการเสนอชื่อโดย Trump เป็นกรรมการเฟด เพียงคนเดียวที่ออกเสียงให้ลดดอกเบี้ยถึง 0.50% ในการประชุมครั้งล่าสุด ซึ่งสวนทางกับมติของคณะกรรมการส่วนใหญ่

ประเด็นนี้จึงเป็นสิ่งที่นักลงทุนทองคำต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะอาจเป็นตัวจุดชนวนการพุ่งขึ้นของราคาครั้งใหญในอนาคตได้

จากการอัปเดตภาพรวมทางเทคนิคต่อเนื่องจากวันก่อน ราคาทองคำได้สูญเสียแนวรับสำคัญที่บริเวณ 3,655 ดอลลาร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

การหลุดแนวรับดังกล่าวได้ส่งผลให้เกิดแรงขายตามมาอย่างที่คาดการณ์ไว้ และกดดันให้ราคาร่วงลงไปทดสอบเป้าหมายแนวรับแรกที่บริเวณ 3,625 ดอลลาร์ ก่อนที่จะมีการดีดตัวกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ บริเวณ 3,642 ดอลลาร์ในปัจจุบัน

การเคลื่อนไหวนี้เป็นการยืนยันว่าภาพรวมของตลาดในระยะสั้นได้เปลี่ยนจากภาวะพักตัวในขาขึ้น มาเป็นการปรับฐาน ซึ่งแนวรับเดิมที่ 3,655 ดอลลาร์ได้แปรสภาพกลายเป็นแนวต้านที่แข็งแกร่งในทันที

เมื่อพิจารณาอินดิเคเตอร์ โมเมนตัมของตลาดยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของฝั่งขายอย่างชัดเจน ดัชนี RSI ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่าแรงซื้อยังไม่สามารถกลับเข้ามามีบทบาทในตลาดได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจและต้องจับตาอย่างใกล้ชิดในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า คือสัญญาณจากอินดิเคเตอร์ Stochastic RSI ซึ่งได้ดิ่งตัวลงมาอยู่ในเขตขายมากเกินไป (Oversold) และเริ่มมีสัญญาณการตัดกันของเส้นค่าเฉลี่ยและวกตัวขึ้นเล็กน้อย

สัญญาณดังกล่าวสะท้อนว่าแรงเทขายที่รุนแรงในช่วงที่ผ่านมาเริ่มชะลอตัวลง และมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการดีดตัวทางเทคนิค (Technical Rebound) ในระยะสั้น เพื่อลดความร้อนแรงของการปรับตัวลง

สำหรับกลยุทธ์และแนวโน้มในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาพรวมหลักยังคงเป็นมุมมองเชิงลบ ตราบใดที่ราคาทองคำยังไม่สามารถกลับไปยืนเหนือแนวต้านสำคัญที่ 3,655 ดอลลาร์ได้ การดีดตัวใดๆ ที่เกิดขึ้นจะถูกมองว่าเป็นเพียงการรีบาวด์เพื่อลงต่อเท่านั้น

โดยบริเวณแนวต้าน 3,655 ดอลลาร์จะทำหน้าที่เป็นจุดสังเกตที่สำคัญที่สุด หากราคาทองคำดีดตัวขึ้นไปทดสอบโซนดังกล่าวแล้วไม่สามารถผ่านไปได้ หรือปรากฏแท่งเทียนกลับตัวในบริเวณนั้น จะเป็นจังหวะที่ดีในการเปิดสถานะขายตามแนวโน้มหลัก (Sell on Rally)

โดยมีเป้าหมายการลงไปทดสอบแนวรับเดิมที่ 3,625 ดอลลาร์ และเป้าหมายถัดไปที่แนวรับเชิงจิตวิทยาที่แข็งแกร่งบริเวณ 3,600 ดอลลาร์

ในทางกลับกัน หากแรงขายกลับมาอีกครั้งโดยไม่มีการดีดตัวที่ชัดเจน การหลุดระดับ 3,625 ดอลลาร์ลงไป จะเป็นสัญญาณเร่งให้ราคาดิ่งลงสู่เป้าหมาย 3,600 ดอลลาร์ได้เร็วขึ้น

ดังนั้น นักลงทุนควรใช้ความระมัดระวังในการเข้าซื้อ และเน้นกลยุทธ์การรอขายเมื่อราคาฟื้นตัวจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าในสภาวะตลาดปัจจุบัน

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,625

• $3,600

• $3,580

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,655

• $3,680

• $3,700